วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

[PWP] Let's get drunk tonight 🍻 nielong

A/N: - ถ้าใจดีกับหนูก็กลับไปเมนต์ที่หน้าบทความ for him ในเด็กดี ไม่ก็สกรีมในแท็ก #knysfic ให้หนูสักนิดนะคะ





--------------------------------------






เสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ผสานเข้ากับแสงไฟหลากสี รวมไปถึงแบล็กไลท์ที่ถูกเปิดเอาไว้จนทำให้เสื้อสีขาวที่เขาสวมอยู่ส่องสว่างเพิ่มความโดดเด่นให้กับคังแดเนียลมากกว่าเดิม

ชายหนุ่มเจ้าของไหล่กว้าง และใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเป็นเอกลักษณ์ภายใต้ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ล้อมกรอบหน้า รวมไปถึงขาเรียวยาวที่เหยียบอยู่บนคานเหล็กของเก้าอี้ข้างหนึ่ง และวางบนพื้นข้างหนึ่ง แม้เจ้าตัวจะไม่ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่โดดเด่นจนทำให้ใครหลายคนต้องหันมามอง หากแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็ก และรองเท้าหนังสีดำมันปลาบก็ทำให้เจ้าตัวเตะตาจนใครๆ แทบจะละสายตาไปไม่ได้

แดเนียลยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นมาโคลงไปมา โดยที่ดวงตาคู่เรียวนั้นก็ยังคงจับจ้องไปตามกระแสน้ำที่หมุนวนไปตามแรงกำกับของเขา ดวงหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเฉยจนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักทายแม้แต่คนเดียว หากแต่ก็ยังมีใครคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น

“มีเรื่องเครียดเหรอครับ” เสียงทุ้มกังวาลดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างสูงเพรียวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวถัดจากเขา ซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากแดเนียลไปได้โดยง่าย ดวงตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าที่สามารถกล่าวได้ว่าหล่อเหลาจนหาตัวจับได้ยากของคนตรงหน้า เขามองเห็นตำหนิเล็กๆ บนใบหน้านั้นอย่างขี้แมลงวันที่เรียงตัวสวยรวมกับกลุ่มดาวบนแก้มอีกฝ่าย และรู้สึกว่ามันทำให้ใบหน้าคมคายของเจ้าตัวชวนมองมากยิ่งกว่าเคย

“อ้าว ไม่ตอบ” ผู้มาใหม่เอ่ยย้ำให้แดเนียลต้องละสายตาออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะตอบคำถามไปสั้นๆ

“นิดหน่อยครับ”

“ผ่อนคลายหน่อยเถอะครับ มานั่งหน้าเครียดแบบนี้คนอื่นเสียบรรยากาศหมด” คนแปลกหน้าว่าแบบนั้น ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ที่เพิ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงบาร์ฝั่งเขา

Cordial Medoc

แดเนียลเลิกคิ้วให้กับชื่อเครื่องดื่มที่ได้ยิน เหล้ารสหวานที่ดีกรีแรงพอๆ กับวิสกี้ในมือเขาบ่งบอกได้อย่างดีว่าอีกฝ่ายคงคอแข็งน่าดู

“หืม มีอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันมาถามเขาหลังจากที่เจ้าตัวยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบ ริมฝีปากบางเฉียบที่แวววาวกว่าเดิมเพราะเพิ่งดื่มเครื่องดื่มเข้าไป รวมถึงกลิ่นหวานๆ ที่ลอยมาตามลมจากเจ้า Cordial Medoc กลิ่นของส้มและโกโก้ที่เป็นส่วนผสมหลักนั้นทำให้แดเนียลต้องแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่

โดยที่เขาพยายามมองข้ามความคิดของตัวเองที่ว่าริมฝีปากที่ดูชุ่มชื้นของคนตรงน่ามันน่าจูบสิ้นดี

“ไม่มีอะไรครับ” คังแดเนียลตอบก่อนจะเสตากลับมามองแก้วในมือของตัวเองต่อ

“แต่สายตาของคุณ มันดูเหมือนจะมีอะไรนะครับ” เสียงกลั้วหัวเราะของคนข้างกายที่ดังกว่าปกติเรียกให้แดเนียลต้องหันไปมองด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะต้องชะงักเมื่อเขาหันไปเจอใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ชายหนุ่มกลั้นหายใจก่อนจะปิดเปลือกตาลงเมื่อริมฝีปากที่เขามองว่ามันน่าจูบแนบชิดลงมา

ปลายลิ้นร้อนที่ซุกซนนำพารสชาติหวานหอมของเหล้าฤทธิ์แรงที่เจ้าตัวสั่งมาด้วย จนคนที่ไม่นิยมเหล้าหวานแบบเขาอดรู้สึกคล้ายกับว่าตนเองเกิดอาการมึนเมาขึ้นมาไม่ได้

องซองอูครับ”

มีใครบ้างที่แนะนำตัวกับคนแปลกหน้าหลังจากที่เพิ่งจูบกัน

คังแดเนียลตั้งคำถามนั้นในใจ แต่ไม่ได้บอกชื่อของตัวเองกลับไป ซึ่งแน่นอนว่าองซองอูก็ไม่ได้เอ่ยถามคำถามใดกับเขาเช่นกัน

เจ้าของไหล่กว้างหันไปมองบาร์เทนเดอร์ ก่อนจะเอ่ยปากสั่งวิสกี้ออนเดอะร็อคเพิ่มอีกแก้ว ในขณะที่หูก็ได้ยินคนข้างกายเอ่ยสั่งเหล้าหวานชนิดใหม่ไปด้วย

Southern Comfort

แดเนียลแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองพลางเหลือบตามองดูว่าองซองอูนั้นยกเครื่องดื่มขึ้นดื่มหรือยัง เขาจะได้ฉวยโอกาสลิ้มรสเหล้ากลิ่นพีชที่เขาคลั่งไคล้จากปากของเจ้าตัวเสียที และเมื่อเห็นว่าซองอูลดแก้วในมือของตัวเองลง คังแดเนียลก็ไม่รอช้าที่จะรั้งไหล่ของอีกฝ่ายให้หันกลับมาแล้วแนบริมฝีปากของตัวเองลงไป

เขาแทรกปลายลิ้นของตัวเองเข้าไปในโพรงปากที่เจ้าของมันเต็มใจเปิดทางให้ ลิ้มรสชาติอ่อนจางของพีชที่ผสมเข้ากันกับเหล้าเบอร์เบอร์นด้วยความหลงใหล ยกมือขึ้นมาประคองที่ข้างแก้มของคนที่เพิ่งมีโอกาสรู้จักกัน ก่อนจะบดเบียดกลีบปากเข้าหาให้แนบแน่นยิ่งกว่าเคย ดูดดึงและเกี่ยวรั้งอย่างเอาแต่ใจ เมื่อผละออกมาก็ไม่วายกดจูบเบาๆ ซ้ำลงบนกลีบปากที่เริ่มบวมช้ำขององซองอู

“คังแดเนียลครับผม”












เสียงหอบหายใจหนักหน่วงของคนที่คังแดเนียลเพิ่งดันให้ล้มลงไปนอนกับเตียงคิงไซส์ภายในคอนโดของเขาฟังดูยั่วยวนจนเขาต้องรีบกระชากเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกไปให้พ้นทาง ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะทาบทับร่างกายสูงใหญ่ของตัวเองลงไป แล้วบดจูบหนักๆ ที่ริมฝีปากซึ่งกำลังเผยอเพื่อหอบหายใจ องซองอูตอบรับสัมผัสของเขาได้อย่างทัดเทียมกันจนแดเนียลจำต้องครางรับอย่างพออกพอใจในลำคอ

มือเรียวสวยที่ร้อนผ่าวสอดผ่านชายเสื้อเข้าไปเพื่อสัมผัสผิวเรียบลื่นที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า นวดคลึงและบีบเคล้นเป็นจังหวะ ก่อนจะดึงมือกลับมาเพื่อปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีชมพูโอลด์โรสของอีกฝ่ายออก พลางแนบริมฝีปากลงบนลำคอที่สวมโชกเกอร์หนังสือดำไปด้วย กลิ่นน้ำหอมหวานๆ เย็นๆ เข้ากันดีกับท่าทางและรสชาติของเหล้าที่องซองอูดื่มมาก่อนหน้านี้

และในนาทีที่แดเนียลปลดเสื้อของซองอูออกแล้วเผยให้เห็นผิวนวลเนียนนั้น เขาก็หักห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่

ปลายลิ้นกับริมฝีปากร้อนไล่จูบ ดูดดึง รวมไปถึงขบกัดผิวขององซองอูอย่างเอาแต่ใจ เสียงครวญครางสลับกับหอบหายใจนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าความอดทนกำลังจะหมดลงไปทุกที

คังแดเนียลปลดกางเกงขององซองอูออกอย่างรีบร้อน มือหนากอบกุมแกนกายของอีกฝ่ายพร้อมกับรูดรั้งจนได้ยินเสียงครวญครางหวานหู เขายกยิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ยังวางอยู่นวดหนักๆ ที่บั้นท้ายของคนใต้ร่าง จากนั้นจึงเลื่อนมือลงไปเพื่อใช้ปลายนิ้วคลึงที่ปากทางที่เขาวาดหวังว่าจะได้เข้าไปซุกซบอยู่ด้านใน

นวดคลึงได้ไม่นานก็สอดปลายนิ้วเข้าไปเพื่อพบเจอกับความคับแน่น

“อื้อ!” เสียงร้องที่ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ เรียกความสนใจจากคังแดเนียลได้เป็นอย่างดี เขาเงยหน้าขึ้นมาเพื่อมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดขององซองอู ริมฝีปากบางที่บวมช้ำนั้นถูกแนวฟันขาวขบไว้เพื่อกลั้นเสียงครางที่เจือความเจ็บปวดเอาไว้ ปลายนิ้วเรียวเองก็จิกลงบนผ้าปูที่นอนจนกลายเป็นสีขาวเพราะเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงที่ปลายนิ้วได้

สีหน้าและท่าทางเช่นนั้น ตลอดจนความคับแน่นที่โอบล้อมนิ้วของเขาอยู่ทำให้คังแดเนียลเดาได้ว่าองซองอูก็คงไม่มีประสบการณ์ในการรองรับใครมาก่อน

“ไม่เป็นไรนะครับ” ขยับกายขึ้นไปเพื่อกระซิบปลอบประโลมชิดริมหู ก่อนจะกดจูบตามลงไปเบาๆ เป็นระยะ พร้อมกับค่อยๆ ขยับนิ้วของตัวเองเพื่อขยายช่องทางนั้นให้พร้อมมากพอที่จะรับตัวตนของเขาเข้าไป

จากที่แดเนียลตั้งใจเอาไว้ว่าเขาจะทำให้เซ็กส์ครั้งนี้มันเร่าร้อนและรุนแรงให้สมกับความยั่วยวนขององซองอู กลับกลายเป็นว่าคังแดเนียลจำต้องเปลี่ยนใจที่จะทำทุกขั้นตอนด้วยความอ่อนโยน

“ด-แดเนียล” ชื่อที่ถูกเรียกด้วยน้ำเสียงซึ่งเจือเอาไว้ด้วยการหอบหายใจนั้นสร้างความทรมานให้กับจุดกึ่งกลางร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก คังแดเนียลกัดปากตัวเองก่อนจะตัดสินใจถอนนิ้วออกมา คว้าหมับเข้าที่กล่องอุปกรณ์ป้องกันที่เพิ่งแวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อด้านล่างคอนโดมาแกะ แล้วหยิบซองฟอยล์ออกมาฉีกแล้วสวมอุปกรณ์ป้องกันนั้นลงบนแกนกายของตัวเอง

“พร้อมไหม” แดเนียลเอ่ยถาม ในตอนที่ขยับตัวให้ส่วนปลายถูไถไปกับช่องทางของซองอู

“ฮื้อ ไม่ต้องถามไม่ได้หรือไง!” คนใต้ร่างพูดเสียงสะบัด ใบหน้าหล่อเหลานั้นแดงก่ำจนทำให้ดูน่ารัก แดเนียลยกยิ้ม เลื่อนมือลงไปประคองร่างกายของตัวเอง กดมันลงไปที่ปากทางเข้าด้วยความใจเย็น สลับกับจูบวนไปทั่วใบหน้าของซองอูเพื่อช่วยอีกฝ่ายเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น จนในที่สุดเขาก็สามารถพาตัวเองเข้าไปซุกซบอยู่ด้านในได้จนหมด

“แน่นชะมัด” เขาสบถ ในขณะที่ทอดสายตามององซองอูที่หลับตาปี๋ เหงื่อซึมตามไรผม และริมฝีปากบวมช้ำอย่างน่าเอ็นดู ทิ้งตัวเองไว้ในร่างกายอีกฝ่ายจนรู้สึกว่าเจ้าตัวน่าจะพร้อมแล้วสำหรับการเคลื่อนไหว เขาจึงเริ่มขยับสะโพกเข้าออก

คังแดเนียลสูดปากด้วยความพึงใจ ในขณะที่หูก็ฟังองซองอูส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความรัญจวนไปด้วย ชายหนุ่มเจ้าของไหล่กว้างขยับร่างกายเข้าออกด้วยจังหวะที่ต่างกันออกไปพร้อมกับเอื้อมมือไปช่วยผ่อนคลายความอึดอัดของซองอูไปพร้อมๆ กัน

แดเนียลไม่รู้ตัวว่าตัวเองตกอยู่ในห้วงของอารมณ์ที่มีต่อองซองอูนานแค่ไหน แต่รู้ตัวอีกทีกล่องถุงยางอนามัยที่เขาซื้อมาไว้ก็ว่างเปล่า ซองฟอยล์จำนวนสามซองวางกองอยู่บนพื้น เช่นเดียวกับถุงยางอนามัยใช้แล้วที่เขารูดมันออกไปแล้วโยนลงไปที่ข้างเตียง
ดวงตาเรียวสวยทอดมองสะโพกขาวที่ในตอนนี้มีรอยแดงจากการนวดเฟ้นของเขาปรากฎอยู่อย่างชั่งใจ ก่อนที่สุดท้ายแล้วคังแดเนียลจะตัดสินใจสอดจุดกึ่งกลางร่างกายของตัวเองที่ปราศจากอุปกรณ์ป้องกัน

สัมผัสที่แนบชิดยิ่งกว่าเดิม แรงตอดรัดเป็นจังหวะทำให้แดเนียลขยับกายเข้าออกด้วยความมัวเมา

“แดเนียล!” เสียงร้องด้วยความตกใจของซองอูดังขึ้นในทันทีที่เขาปลดปล่อยภายในร่างกายของเจ้าตัว

“ขอโทษ” แดเนียลบอกเสียงเบา พลางกดจูบที่ลาดไหล่เล็ก

“ห้ามไม่ได้จริงๆ”

“งั้นพอเลย ออกไปเดี๋ยวนี้!” องซองอูสั่งเสียงแข็ง ซ้ำยังยกมือที่ไร้เรี่ยวแรงของเจ้าตัวขึ้นมาดันแผ่นอกของเขาไปด้วย คังแดเนียลกดยิ้มที่มุมปากก่อนจะเริ่มขยับสะโพกเข้าออกอีกครั้ง

เขาคิดในใจ ว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก



end.

วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

[OS] Versace on the floor ∞ myungyeol

Title : Versace on the floor
Pairing : kimmyungsoo/leesungyeol
Genre : AU, Romantic, Sexy
Author : khanunys
A\N : - theme song
        - talking with me at the end of story








Let’s take our time tonight, boy. Above us all the stars are watchin’.
There’s no place I’d rather be in this world, your eyes are where I’m lost in




คิมมยองซูเคยสงสัย ว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่สวยงามราวกับเจ้าหญิงในยามที่แต่งกายด้วยชุดราตรีสุดเรียบหรูที่มีทั้งความอ่อนหวานและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกันเหมือนดังที่ในบางครั้งนิยายหรือหนังสือบางเล่มก็บรรยายลักษณะของบุรุษเพศไว้เช่นนั้น มยองซูสงสัยมาโดยตลอดว่าผู้ชายที่งดงามได้ถึงขนาดนั้นจะมีอยู่จริงหรือ

จนกระทั่งในคืนนี้

ในวินาทีที่เขาเห็นอีซองยอลเดินเยื้องย่างลงมาจากรถลีมูซีนคันหรู

สวยสดงดงาม สูงสง่า ดูหยิ่งทะนงและอ่อนหวานในเวลาเดียวกันคือคำบรรยายที่เขาคิดขึ้นมาได้ในตอนที่หยุดสายตาไว้ที่คนคนนั้น คนที่เขาจะได้เป็นเจ้าของในค่ำคืนนี้

ไม่สิ... คิมมยองซูน่ะหรือจะอาจหาญเป็นเจ้าของอีซองยอล

น่าจะเป็นอีซองยอลเสียมากกว่าที่จะสามารถบีบหรือคลายมือที่กำหัวใจของคิมมยองซูได้




Underneath the chandelier, we’re dancin’ all alone.
There’s no reason to hide what we’re feelin’ inside, right now




อาจจะเป็นโชคดีของคิมมยองซู ที่อย่างน้อยคู่เต้นรำคนสวยของเขาในค่ำคืนนี้ก็ยังปรานีเขาอยู่บ้าง อีกฝ่ายถึงได้ใส่รองเท้าไม่มีส้นมาให้เขาสามารถยืนเคียงข้างอีกฝ่ายได้โดยไม่นึกอายเท่าไรนัก เนื่องจากส่วนสูงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในระดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่ออีซองยอลใส่รองเท้าไม่มีส้น แต่รองเท้าของมยองซูนั้นเสริมส้นขึ้นมาจากเดิมนิดหน่อย ทำให้เขาและคนหน้าหวานตัวเท่ากันไปโดยปริยาย

“ไม่คิดว่านายจะยอมใส่ชุดราตรีมาจริง ๆ” ชายหนุ่มเจ้าของเครื่องหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสุดเนี้ยบเอ่ยถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งคู่

หากแต่คู่สนทนาของเขาปรายตามองมาที่เขาเพียงนิดก่อนจะเหลือบตามองไปทั่วบริเวณยกเว้นใบหน้าของเขาอย่างลองเชิง คิมมยองซูรู้จักอีซองยอลมาทั้งชีวิตของเขา เช่นเดียวกับที่ฝ่ายนั้นก็รู้จักเขามาทั้งชีวิตเช่นกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าหากอีซองยอลจะรู้จักวิธีการยั่วอารมณ์ของเขาโดนการเมินเฉยเช่นนี้

“ฉันคิดว่านายรู้ ว่าผลลัพธ์ของการเมินฉันคืออะไร อีซองยอล” คิมมยองซูยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูในจังหวะที่ต้องรวบเอวของอีซองยอลเข้ามา ชายหนุ่มอาศัยจังหวะนั้นในการแอบกดริมฝีปากลงบนแอ่งชีพจรของอีซองยอลอย่างยั่วเย้า

หากอีซองยอลรู้จักวิธีการยั่วยุคิมมยองซูแล้วไซร้ เหตุคิมมยองซูจึงจะไม่รู้จักจุดอ่อนบนร่างกายของอีซองยอลกันเล่า

“คุณแม่บุกมาตั้งแต่ฉันยังไม่ตื่น ท่านบอกว่าอยากให้ฉันกับนายเต้นรำกันในสภาพที่จะไม่มีใครต่อว่าได้” อีซองยอลพูด ก่อนจะแค่นเสียง เฮอะ ในลำคอ ที่ถ้าหากคุณนายอีผู้เป็นมารดาได้ยินแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายคงไม่แคล้วถูกหยิกจนเนื้อเขียว แต่เพราะนี่คือคิมมยองซู เขาจึงทำเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะเคล้าคลอไปกับความปั้นปึ่งของอีซองยอลเท่านั้น

ดวงตาคู่คมจับจ้องไปยังใบหน้าที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางมาอย่างดี ไล่ลงมาจนถึงลำคอระหงส์และไหล่เปลือยเปล่าที่โผล่พ้นเนื้อผ้าออกมา คิมมยองซูแลบลิ้มออกมาเลียริมฝีปากอย่างอดไม่ได้ และมันเป็นเวลาเดียวกันกับที่อีซองยอลหันหน้ากลับมามองเขาพอดี

ตาสบตา ก่อนที่หัวใจจะเต้นอย่างรุนแรงขึ้นมา ในวินาทีที่สังเกตเห็นประกายของความต้องการบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ภายใน

“ถ้าเราออกจากงานเลี้ยงตอนนี้จะไม่น่าเกลียดใช่ไหม” เสียงหวานที่ติดแหบเอ่ยถามขึ้นมาให้มยองซูต้องยกยิ้ม

“ไม่หรอก” เขาตอบกลับไปแบบนั้น ก่อนจะจูงมือซองยอลออกมาจากห้องจัดงานเลี้ยงของโรงแรมหรู ขาเรียวยาวสองคู่เดินตรงไปที่ลิฟท์ ก่อนที่มยองซูจะเป็นฝ่ายกดหมายเลขชั้นที่เขาได้ทำการจองห้องพักสำรองเอาไว้ เพราะเขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีทางจะอดทนต่อความเย้ายวนของอีซองยอลได้ไหว

และแน่นอนว่าความคิดนั้นมันเป็นความจริง




I unzip the back to watch it fall while I kiss your neck and shoulders.
No, don’t be afraid to show it off, I’ll be right here ready to hold you.




บานประตูของห้องสวีทภายในโรงแรมหรูถูกปิดลง พร้อม ๆ กันกับที่อีซองยอลถูกดันจนแผ่นหลังแนบไปกับกำแพงข้างประตู ริมฝีปากอิ่มที่ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยลิปสติกสีหวานอ้าออกเพื่อตอบรับรสชาติที่ถูกป้อนโดยอวัยวะเดียวกันจากผู้ชายตรงหน้าที่กำลังมอมเมาเขาเหมือนกับทุกที

เชิดคอขึ้นอย่างลืมอายยามที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของคิมมยองซูบรรจงบดจูบลงบนลำคอไล่ไปยังหัวไหล่ ส่งเสียงครวญครางที่ไม่สามารถต้านทานได้ออกมาอย่างเหลืออด จนใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำชวนมองสำหรับผู้รังแก ในขณะที่อีซองยอลนั้นได้แต่นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ ยามที่ร่างกายเริ่มสั่นสะท้ายเพราะชุดราตรีที่สวมใส่อยู่นั้นถูกปลดซิปและค่อย ๆ หล่นไปกองอยู่บนพื้น




Boy, you know you’re perfect from your head down to your heels.
Don’t be confused by my smile ‘cause I ain’t ever been more for real,




อีซองยอลอาจจะไม่รู้ ว่าเรือนร่างของตัวเองนั้นชวนให้เขาสติแตกขนาดไหน

คิมมยองซูคิดในขณะที่กวาดตามองร่างกายขาดผุดผาดที่เหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วปิดบังร่างกายส่วนที่เขาปรารถนาจะแตะต้องเอาไว้ ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง จากนั้นจึงยกยิ้มอย่างพออกพอใจ โดยเฉพาะในตอนที่ดวงตากลมโตที่ปรือมองมาอย่างยั่วยวนพร้อมกับโมโหในทีนั้นจับจ้องมาที่เขา

“ยิ้มอะไร” อีซองยอลคงไม่รู้ว่าเสียของตัวเองสั่นพร่าจนไร้ความน่ากลัวขนาดไหน

“นายสวย” มยองซูตอบกลับไป แขนแกร่งรั้วร่างสูงทว่าผอมบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ออกแรงยกอีกฝ่ายแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้าง ทิ้งให้ชุดราตรีสวยหรูที่เขาชื่นชอบนักกองอยู่บนพื้นตรงนั้นอย่างไม่ไยดี




So baby let’s just turn down the lights, and close the door.
Oooh, I love that dress, but you won’t need it anymore.
No, you won’t need it no more. Let’s just kiss ’til we’re naked, baby.
Versace on the floor




“จริง ๆ ฉันก็ชอบชุดนั้นนะ” คิมมยองซูว่าในขณะที่เลื่อนมือไปตามเรือนร่างของอีซองยอลที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่างเขา มือหนาแตะเน้นย้ำในบางจุดที่เขารู้ดียิ่งกว่าเจ้าของร่างกายเสียอีกว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายอ่อนระทวยได้มากน้อยแค่ไหน ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ ยามประทับจูบลงบนผิวขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของอีซองยอล

“เพียงแต่ฉันชอบนายตอนที่ไม่ใส่อะไรมากกว่า”




It’s warmin’ up. Can you feel it, baby?
Oh, seems like you’re ready for more, let’s just kiss ’til we’re naked.




เรียวขายาวสวยของอีซองยอลถูกแยกออกกว้างโดยมีคิมมยองซูแทรกอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหวานของซองยอลแดงระเรื่อน่ามอง เช่นเดียวกับริมฝีปากอิ่มที่แดงช้ำ และดวงตากลมโตที่ฉ่ำน้ำซึ่งปรือมองอย่างยวนใจคิมมยองซู

อีซองยอลในตอนนี้งดงามกว่าตอนไหนทั้งนั้น

ปลายนิ้วของคิมมยองซูแตะตรงทางเข้าอย่างยั่วเย้าจนอีซองยอลสั่นเกร็งทั่วร่าง ช่องทางที่ถูกเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้ขมิบเกร็งจนแทบจะดูดนิ้วซุกซนของมยองซูเข้าไป ชายหนุ่มหน้าหล่อกัดฟันแน่น ยามที่ตนเองถูกกลั่นแกล้งกลับทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายคิดจะแกล้งเขาแท้ ๆ

อุปกรณ์ป้องกันถูกแกะออกจากซองฟอยด์ และถูกสวมใส่บนร่างกายที่แข็งขืนอย่างเร่งรีบ ร่างกายที่ร้อนผ่าวทั้งของเขาและอีซองยอลมันทนรับความยั่วเย้าอะไรไม่ไหวอีกแล้ว

หากคิมมยองซูอยากที่จะบุกรุกเข้าไปซุกซบอยู่ภายในร่างกายของอีซองยอล

อีซองยอลเองก็ต้องการการเติมเต็มจากเขาไม่ต่างกัน

ฉะนั้น มยองซูจะไม่รอช้าอีกต่อไป

จุดศูนย์กลางของร่างกายที่แข็งขืนรุกคืบเข้าไปในร่างกายของอีซองยอลที่ถูกเตรียมพร้อม และเคยชินกับสัมผัสของเขาอย่างไม่ลังเล ก่อนที่มยองซูจะขยับสะโพกเข้าออกเรียกเสียงครวญครางชวนฟังของอีซองยอลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาคมสวยจ้องมองใบหน้าหวานของอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ในเดียวกันก็ยื่นใบหน้าเข้าไปป้อนจูบให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้เบื่อ

การขยับกายเข้าออกนั้นรุนแรงขึ้นอยู่ทุกขณะ สะโพกสอบเคลื่อนเข้าออกอย่างรวดเร็วยาวรู้สึกได้ว่าปลายทางใกล้จะมาถึง ต่างจากอีซองยอลที่ถูกเขากอบกุมเอาไว้ ขยับข้อมือจนความสุขล้นของอีกฝ่ายสาดกระเซ็นออกมา คนหน้าหวานนอนหอบหายใจในขณะที่ร่างกายยังคงโยกคลอนไปตามแรงกระทั้นจากเขา มยองซูขบกรามแน่นในขณะที่ถอดกายออกมาจากร่างของคนรัก ดึงอุปกรณ์ป้องก้อนทิ้งไป จากนั้นจึงใช้มือกอบกุมแกนกายของตัวเอง ชักนำมันจนกระทั่งจุดหมายปลายทางมาถึงจนเปรอะไปทั่วบริเวณทางรักของอีซองยอล

“เฮอะ ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากไม่ใส่ถุงยางหรอก” อีซองยอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดดุให้มยองซูยกยิ้ม ก่อนที่คนหน้าหวานที่นอนหมดแรงจะออกปากสั่ง

“ไปหยิบชุดมาให้หน่อย จะแต่งตัวกลับบ้านแล้ว”

“กองมันไว้ตรงนั้นแหละ” ทว่ามยองซูเถียงกลับไปในทันที

“ฉันไม่คิดจะให้นายออกจากห้องนี้ไปหรอกนะ คืนนี้”

และนั่นคือสิ่งที่คิมมยองซูต้องการ


Versace on the floor


talk;
หลังจากที่อยากเขียนมาตั้งแต่ฟังคุณหลวงผลิตร้องเพลงนี้ครั้งแรก ในที่สุดนางก็คลอดแล้วค่าาา /ปรบมือ
มันอาจจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่พยายามมากแล้วจริง ๆ นะ อยากเขียนให้มันสวย ๆ ให้ดูเซ็กซี่ แต่ได้แค่นี้อ่ะ ขอโทษในการไร้ความสามารถของเราด้วยนะคะ TvT
ในส่วนของฟิคที่ดอง ๆ ไว้นั้น.... ก็ดองอ่ะค่ะ ดองคือดอง ดองคือไม่ลง บางเรื่องคือไม่ได้เขียนต่อ แฮ่ สารภาพและยอมรับทุกความผิดเลยค่ะ อืม มีความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างคือ 30 days drabble : to be yours จะถูกลบออกทั้งหมดเพราะจะเอาไปรวมเป็นบทความในเด็กดีเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านนะคะ เนื่องจากคิดไว้ว่าหลังจากที่ to be yours ครบ 30 วันก็จะเขียนเรื่องอื่นต่อ คงคอนเซ็ปต์เดิม ใช้บทความเดิมเพิ่มเติมคือคนละเรื่องค่ะ
อีกอย่าง ถ้าติดตามชีวิตส่วนตัวของเราด้วย จะเห็นว่าเราเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ซึ่งมันคืออีกหนึ่งปัญหาของเราค่ะ เรายังจัดระเบียบชีวิตเหมือนที่เคยทำได้ไม่ได้ อะไรหลาย ๆ อย่างจึงไม่เป็นแบบที่เราต้องการ และเมื่อรู้ตัวอีกทีเราก็ขี้เกียจเกินกว่าจะขุดตัวเองมาเขียนฟิคแล้วค่ะ (ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเราเขียนคลายเครียดแท้ ๆ ทุกวันนี้ต้องไปพึ่งเกมเป็นการคลายเครียดแทนแล้ว TT)

ย้ำอีกครั้งว่าตอนนี้มีแอคเคานท์ทวิตเตอร์เพื่อฟิคชั่นโดยเฉพาะ นั่นก็คือ @khanunysfic ค่ะ ฟอลไว้เลยนะ เพราะแอคหลักจะไม่อัพเดตฟิคให้แล้วคับ
อืม และสำหรับคนที่อยากพูดคุยกับเราแต่ไม่กล้า(มีหลายคนบอกมางี้นี่ก็งงว่ากลัวอะไรกันเหมือนกันค่ะ) มี ask.fm มานำเสนอ ถามได้ทุกเรื่อง อยากถามอะไรถาม ตอบได้จะตอบ ซึ่งส่วนใหญ่คิดว่าตอบได้เพราะเราเป็นอับดุลค่ะ lol ทั้งนี้คำนึงถึงมารยาทด้วยนะคะ จะมาก่อกวนแบบไม่น่ารักเราก็ไม่น่ารักตอบนะ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณและรักเหมือนเดิมค่ะ

วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[SSeries] 3rd - Body Say {myungyeol}

3rd - Body Say
Pairing: kimmyungsoo x leesungyeol
Genre: AU, Sexy
Author: khanunys

A/N: - ซีรี่ส์นี้มีเป็นสิบตอนเพราะเพลงติดเรทแบบนี้ที่ป้าชอบมีเป็นสิบเพลงจ้ะ555555555
- Characters based on last chapter
- ทำไมต้องเป็นแมวนอนบนเตียง? ถ้าสงสัยแบบทนไม่ไหวแล้วให้ไปถามเป็นการส่วนตัวนะ 5555555555555
สกรีมมิ่งแอท #MY_SSeries นะคะคนดี


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ cat on the bed
cr: http://cats.lovetoknow.com/How_to_Pick_a_Cat_Bed




And our eyes are crossing path across the room,
And there’s only one thing left for us to do.



เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นเรียกให้อีซองยอลที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวไม่ใหญ่มากในห้องนอนของคิมมยองซูต้องเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือในมือแล้วสบตาเข้ากัดวงตาคู่คมที่กำลังวาววับยามมองเห็นเสื้อผ้าที่เขาใส่

“เสื้อผ้านายตัวใหญ่หมดเลย ใส่ไม่ได้สักตัวเลยคว้าเสื้อเชิร์ตมาใส่แก้ขัด ไม่ว่ากันใช่ไหม” ชายหนุ่มหน้าหวานรีบเอ่ย ก่อนจะก้มหน้าก้มตามองหนังสือในมือต่อ หลังจากที่ดวงตากลมโตเผลอมองสำรวจเรือนกายแข็งแกร่งที่ในตอนนี้เสื้อผ้าของอีกฝ่ายแนบสนิทไปกับผิวเนื้อที่แท้จริงจนสามารถมองเห็นสัดส่วนทุกอย่างได้ชัดเจน

ที่ดูเหมือนจะชัดเจนจนเกินไปเพราะมันทำให้อีซองยอลรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งตัว

แน่นอนว่าเขาไม่ชอบความรู้สึกที่เกิดขึ้นเลยสักนิด ความรู้สึกที่คล้ายกับว่าร่างกายของเขามันพร้อมจะให้อีกฝ่ายครอบครองแล้ว

“ไปอาบน้ำก่อนไหมล่ะ จะมายืนอวดหุ่นที่ไม่ได้เรื่องของนายอยู่ทำไมกัน” อีซองยอลคนปากเก่งได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตนเองเมื่อหูแว่วได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอและเสียงฝีเท้าของเจ้าของห้องที่กำลังเดินเข้ามาใกล้เขาเข้าไปทุกที จนในที่สุดหนังสือเล่มเล็กในมือที่ไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาไปได้นั้นถูกดึงออกไปพร้อมกับร่างหนาที่เปียกชื้นซึ่งทาบทับลงมาทั้งตัว

“แน่ใจเหรอว่าไม่ได้เรื่อง” คิมมยองซูกระซิชิดใบหู ทั้งยังกดจูบลงมาหนักๆคล้ายจะแกล้งให้อีซองยอลเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกมา

“นายไม่มีทางรู้ตัวหรอกซองยอลว่าสีหน้านายตอนมองมาที่ฉันมันเป็นยังไง”



You can touch me with slow hands, speed it up, baby make me sweat
Dreamland, take me there cause I want your sex



เสื้อเชิร์ตตัวเดียวที่สวมอยู่ถูกถอดออกไปตอนไหนซองยอลก็ไม่รู้ เขารู้เพียงแค่ในตอนนี้แผ่นหลังของเขากำลังแนบลงกับพื้นผิวของที่นอนนุ่มที่เริ่มจะคุ้นเคยเข้าไปทุกที ก่อนจะถูกทาบทับด้วยผิวกายร้อนผ่าวที่ติดจะชื้อเพราะอีกฝ่ายตากฝนมา ในขณะที่ริมฝีปากก็ยังคงแนบชิดสนิทกันพร้อมลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร

จะให้เขายอมรับแบบคนหน้าไม่อาย ในตอนนี้อีซองยอลก็พร้อมจะยอมรับ

ว่าเขาในตอนนี้ต้องการคิมมยองซูมากเกินกว่าที่ใครหน้าไหนจะคาดเดาไหว

มือหนาที่กำลังลากไล้ไปบนผิวกายเนียนนุ่มอย่างเชื่องช้านั้นทำให้อีซองยอลจำต้องบิดกายไปตามสัมผัสนั้น ร่างกายที่ไม่รักดีตอบสนองต่อสัมผัสของคนด้านบนจนอีซองยอลจนต้องกัดปากของตัวเองเอาไว้แน่นเมื่อเผลอสบตาเข้ากับดวงตาคู่นั้นของคิมมยองซูที่มองมาอย่างรู้ทัน ในขณะที่เรียวขายาวก็แยกออกกว้างเพื่อให้คิมมยองซูสามารถยื่นมือเข้าไปสัมผัสกับส่วนที่หลบซ่อนอยู่ตรงหว่างขา

“อย่าช้าได้ไหม” คนหน้าหวานเอ่ยถามเสียงเครือ ดวงตากลมโตคู่สวยที่ฉ่ำวาวไปด้วยความต้องการปรือมองคนที่ทาบทับอยู่ด้านบนอย่างยั่วยวน ในขณะที่ริมฝีปากอิ่มที่แดงช้ำก็เอื้อนเอ่ยคำร้องขอที่แทบจะทำให้คิมมยองซูต้องหยุดหายใจ

"ฉันต้องการนาย เข้ามาสักทีเถอะ”



If my body had a say, I wouldn’t turn away
Touch, make love, taste you



ปลายนิ้วเรียวที่แทรกเข้ามาร่างกายทำให้อีซองยอลเผลอขบริมฝีปากของตนเองอย่างช่วยไม่ได้ หากแต่คนด้านบนกลับยื่นนิ้วมืออีกข้างมาคลึงที่ริมฝีปากล่างของเขาจนซองยอลต้องหยุดกัดมัน

“อย่ากัดปากตัวเองสิ” เสียงกระซิบที่แหบพร่าพร้อมทั้งการขยับของปลายนิ้วที่อยู่ภายในกาย และปลายนิ้วที่เคล้าคลึงอยู่บนริมฝีปากทำให้อีซองยอลรู้สึกเหมือนกัว่าดวงตาของเขามันพร่าขึ้นมา ความาต้องการที่พุ่งขึ้นสูงเองก็ทำให้เขาเหมือนคนไร้สติ เมื่อคืนหน้าหวานตัดสินใจออกแรงผลักคนด้านบนให้ล้มลงบนที่นอนนุ่มก่อนจะตามไปทาบทับเอาไว้ไม่ให้เสียจังหวะ

คิมมยองซูหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเขาจับแกนกายของอีกฝ่ายมาจ่อที่ช่องทางของตนเองที่ถูกตระเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ แล้วเอ่ยถาม

“ทำไมวันนี้ใจร้อนจังครับ”

“ลองถามตัวเองดูเถอะ” อีซองยอลตอบกลับไปแค่นั้น ทั้งๆที่ในใจนั้นร่ายยาวถึงคำตอบเหล่านั้นได้นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องด้วยสภาพเนื้อตัวเปียกซ่กและเสื้อผ้าที่แนบสนิทชิดกับผิวกายแบบนั้น

“คงเพราะ...หุ่นไม่ได้เรื่องนี่ล่ะมั้ง” คิมมยองซูตอบกลับมาด้วยหวังเย้าแหย่คนที่กำลังทิ้งตัวลงมาตามความยาวของจุดกึ่งกลางร่างกายของเขา ความคับแน่นของช่องทางนั้นทำให้ชายหนุ่มต้องขบกรามแน่น เหมือนกับอีซองยอลที่เปล่งเสียงครางออกมาเป็นระยะยามที่ท่อนเนื้อนนั้นเคลื่อนเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ

บทสนทนาอันแสนน้อยนิดจบลงนับตั้งแต่วินาทีที่ร่างกายของอีซองยอลรับคิมมยองซูเข้าไปได้ทั้งหมด เรือนร่างบอบบางของนายแบบหนุ่มหน้าหวานขยับขึ้นลงอยู่บนร่างของช่างกล้องชื่อดังจนคิมมยองซูต้องขบกรามแน่นพร้อมทั้งห้ามไม่ให้ตัวเองรั้งสะโพกของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อสวนสะโพกกลับไป

เขาจะรอจนกว่าที่อีซองยอลคนปากแข็งจะยอมร้องขออีกครั้ง

“อ-อือ มย-มยองซู ฉ-ฉัน...” เสียงหหวานที่สั่นเครือพร้อมทั้งจังหวะการขยับตัวที่ช้าลงกว่าในตอนแรกเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของคิมมยองซูได้โดยง่าย เมื่อชายหนุ่มเห็นแล้วว่าคนสวยของเขากำลังจะยอมแพ้ต่อความต้องการของตัวเองอีกครั้ง

“ว่าไงครับ” คนหน้าหล่อเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มมือขึ้นไปตีเบาๆที่บั้นท้ายนุ่มนิ่มจนรู้สึกได้ว่าภายในร่างกายของอีซองยอลนั้นบีบรัดเขามากขึ้นกว่าเดิม

“ฉ-ฉันไม่ไหว” สิ้นคำที่คล้ายกับการยอมรับการพ่ายแพ้นั้น ร่างบอบบางของอีซองยอลก็ถูกพลิกกลับลงด้านล่างอีกครั้งพร้อมกับจังหวะการกระทั้นกายที่เกิดจากการควบคุมของคิมมยองซูที่เร่งเร้าและรุนแรงกว่าในคราแรก เป็นการบอกว่าความต้องการของคนหน้าหล่อนั้นก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

“มยองซู” เสียงหวานที่ติดจะแหบพร่าดังขึ้นชิดริมหูหลังจากที่คิมมยองซูปลดปล่อยออกมาเต็มช่องทางของอีกฝ่าย แล้วทิ้งตัวลงซบอยู่บนแผ่นอกบางเพื่อสูดเอากลิ่นหอมฟุ้งของฟีโรโมนที่อีซองยอลปล่อยออกมาลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศ

“หืม?” คนหน้าหล่อส่งเสียงในลำคอตอบกลับไปพร้อมกับฝังจมูกลงบนผิวกายเนียนนุ่มแล้วสูดเอากลิ่นหอมหวานนั้นเข้าไปจนเต็มปอด

“อีก...ได้ไหม” ถ้อยคำสั้นๆที่มาพร้อมกับเสียงที่ติดจะไม่มั่นใจ ทั้งยังดวงตาคู่สวยที่หลุบลงเพื่อหลบสายตาของเขาในตอนที่คิมมยองซูยันตัวขึ้นไปมองหน้าอีกฝ่าย

“ไม่ต้องขอก็ไม่คิดจะปล่อยไปไหนอยู่แล้ว” ช่างกล้องหนุ่มตอบกลับไปเช่นนั้น ก่อนจะเริ่มสัมผัสร่างกายขาวผ่องที่เขาหลงใหลอีกครั้ง

ความจริง...ต่อให้อีซองยอลไม่ร้องขอ มยองซูก็คิดว่าเขาจะทำตามใจตัวเองอีกรอบอยู่แล้ว



If my body told the truth
Baby I would do, just what I want to