Passionate
1st - Encounter
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
-passionate-
When I first saw you, my heart shouts it out loud.
"You gotta be mine."
When I first saw you, my heart shouts it out loud.
"You gotta be mine."
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งก้าวเดินเข้ามาภายในตึกสูงตระหง่านอย่างมั่นคง
ใบหน้าหวานเรียกทั้งสายตาของผู้หญิงและผู้ชายแถวนั้นให้หันมาให้ความสนใจ
เพราะดวงหน้ารูปไข่ที่รองรับส่วนประกอบต่างๆบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโตที่ล้อมรอบไปด้วยขนตาเป็นแพรงอนยาว
จมูกโด่งเล็กที่รั้นตรงปลายเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มน้ำสีชมพูสดตามธรรมชาติ
รวมไปถึงแก้มเนียนใสที่ยกขึ้นยามที่เจ้าของมันขยับรอยยิ้ม
ส่วนสูงที่ถือว่ามากกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ยิ่งเรียกให้คนรอบข้างให้ความสนใจ
"ขอโทษนะครับ
พอดีว่าผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศแล้วได้รับการติดต่อจากคุณคิมซองกยูให้มาที่นี่
ไม่ทราบว่าผมต้องไปที่ไหนต่ออย่างนั้นหรือครับ"
เสียงทุ้มที่เจือความหวานดังขึ้นตรงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
ซึ่งเจ้าของเสียงนั้นได้วาดรอยยิ้มจางๆไว้บนใบหน้าเพื่อบอกกล่าวถึงมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของตน
แต่กลับสามารถเรียกอัตราการเต้นของหัวใจอันผิดปกติของพนักงานสาวตรงหน้าได้ไม่น้อย
แม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะดูงดงามราวกับสตรี
หากแต่ยังคงความเป็นบุรุษเอาไว้ให้สาวเจ้าใจสั่นได้มากโข
"อ-เอ่อ ขอทราบชื่อได้ไหมคะ จะได้ตรวจสอบจากตารางนัดพบของคุณซองกยูได้"
"ได้ครับ" ชายหนุ่มหน้าหวานตอบคำถามเสียงนุ่ม รอยยิ้มละมุนละไมยังคงประดับอยู่บนใบหน้าจนสาวเจ้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
"ซองยอลครับ ผมชื่อ อีซองยอล"
"ค่ะ คุณอีซองยอลนะคะ"
พนักงานประชาสัมพันธ์ทวนชื่อของหนุ่มหน้าหวานซ้ำพร้อมกับตรวจสอบตารางนัดหมายของซองกยูตามที่พูดไว้ก่อนหน้านี้
"คุณอีซองยอล
คุณซองกยูบอกเอาไว้ว่าถ้าคุณมาถึงเมื่อไหร่ให้ไปพบที่ห้องทำงานได้ทุกเมื่อค่ะ"
เมื่อได้คำตอบจากพนักงานประชาสัมพันธ์
คิ้วเรียวสวยก็ขมวดเข้าหากันทันทีด้วยความสงสัยเมื่อได้รับทราบว่าคิมซองกยูบอกให้เขาไปพบที่ห้องทำงานได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่อีซองยอลคนนี้ไม่รู้น่ะสิว่าห้องทำงานของซองกยูนั้นอยู่ที่ไหน ฟันขาวขบลงบนกลีบปากนุ่มเมื่อเจ้าตัวต้องการใช้ความคิด
ก่อนที่ซองยอลจะแย้มรอยยิ้มกว้างออกมาแล้วจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างออดอ้อน
"รบกวนช่วยพาผมไปหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่รู้จริงๆว่าต้องไปยังไง"
ใบหน้าหวานฉายแววเศร้าสร้อยจนพนักงานประชาสัมพันธ์ใจอ่อนยวบ
ก่อนที่เจ้าหล่อนจะต้องรู้สึกคล้ายกับว่าตนกำลังจะละลายเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าอ้อนซ้ำอีกคราว
"นะครับ"
"อ-เอ่อ ก็ได้ค่ะ" สาวเจ้าตอบตกลงด้วยความประหม่า ก่อนที่เธอจะหันไปบอกเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันว่าเดี๋ยวเธอจะกลับมา
"เชิญทางนี้ค่ะคุณซองยอล"
บุคลิกและท่าทางของพนักงานตรงหน้าทำให้ซองยอลยิ้มชอบใจ
เขานึกสรรเสริญรุ่นพี่คนสนิทอยู่ในใจเนื่องจากกริยามารยาทรวมไปถึงบุคลิกของคนตรงหน้านั้นบ่งบอกว่าต้องถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
ท่าทางรุ่นพี่ของเขาที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทจะเข้มงวดไม่น้อย
"คุณ..." ซองยอลส่งเสียงเรียกพลางทำหน้าสงสัย
"นาบีค่ะ ดิฉันชื่อยุนนาบี" หล่อนหันกลับมาตอบอย่างนอบน้อม
"คุณนาบีทำงานที่นี่มานานหรือยังครับ"
ซองยอลเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือไปกดลิฟท์ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้าจะกดได้ทัน
"ถ้าหมายถึงได้ทำงานจริงๆก็ไม่นานเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้ารวมเวลาฝึกงานก็นานระดับหนึ่งนะคะ"
"คุณซองกยูคงจะเข้มงวดกับพนักงานที่ทำงานด้านบริการมากสินะครับ"
ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางผายมือให้นาบีเดินเข้าไปภายในลิฟท์ก่อน
"ทางบริษัทมีนโยบายที่เข้มงวดกับทุกแผนกค่ะ"
เจ้าหล่อนตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนจาง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูลิฟท์เปิดขึ้นในชั้นที่เป็นจุดหมายพอดี
"เชิญค่ะคุณซองยอล"
"เชิญคุณนาบีก่อนเถอะครับ"
ซองยอลตอบกลับแล้วผายมือให้หญิงสาวเดินนำออกไปก่อน ดวงตากลมโตฉายแววประหลาดยามจับจ้องแผ่นหลังของหญิงสาวตรงหน้า
เจ้าตัวจะแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนเองเล็กน้อย
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแทบไม่ทันเมื่อสาวเจ้าหันกลับมา
"ถึงแล้วค่ะคุณซองยอล"
"ขอบคุณมากนะครับ" หนุ่มหน้าหวานกล่าวพลางก้าวเข้าไปประชิด
ปลายจมูกโด่งสัมผัสกับพวงแก้มของยุนนาบีเพียงแผ่วเบา
แต่นั่นก็เรียกความร้อนบนใบหน้าของหญิงสาวพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจได้เป็นอย่างดี
"คุณซองยอล!" ดวงตากลมที่โดยรอบถูกตกแต่งมาเป็นอย่างดีเบิกกว้าง
เป็นผลให้'เจ้าของผลงาน'ต้องหลุดหัวเราะออกมาเพียงแผ่วเบา
ก่อนจะเอ่ยแก้ตัว
"คุณคงไม่ชินกับการกระทำแบบนี้ ผมขอโทษนะครับ"
ซองยอลขยับรอยยิ้มใสซื่อให้ปรากฏบนใบหน้า
"พอดีผมอยู่ที่ต่างประเทศมานานก็เลย..."
"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ดิฉันขอตัวนะคะ" นาบีพูดก่อนจะเดินกลับไปทางเดิม
ในขณะที่อีซองยอลทำเพียงมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่อยู่ในตำแหน่ง'ว่าที่ของเล่น'คนแรกของเขาก่อนจะกดยิ้มเจ้าเล่ห์
"แล้วเจอกันใหม่นะครับ คุณนาบี" หนุ่มหน้าหวานพูดเสียงเบากับตนเอง
จากนั้นซองยอลจึงหลุดจากภวังค์เมื่อเลขาสาวหน้าห้องของคิมซองกยูเดินเข้ามาทักเขาเสียก่อน
"คุณอีซองยอลใช่ไหมคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ
คุณซองกยูกำลังรอคุณอยู่เลยค่ะ"
"ครับ"
-passionate-
อีซองยอลเดินเข้าไปในห้องทำงานของคิมซองกยูด้วยทีท่าที่แสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง
ทุกก้าวที่เขาก้าวเดินนั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่น
จนเจ้าของห้องอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับท่าที่เช่นนั้น
ซองยอลเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก
"สวัสดีครับ คุณอีซองยอล" คิมซองกยูเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ก่อนจะยื่นมือออกไปด้านหน้า
จนเจ้าของชื่ออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจในท่าทางที่เหมือนกับนักธุรกิจใหญ่กำลังติดต่อเรื่องธุรกิจกันของคนตรงหน้า
แต่ถึงแม้ว่าคิมซองกยูจะวางมาดมากกว่านี้ คนอย่างอีซองยอลก็ไม่มีทางตกลงไปในหลุมที่เรียกว่าภาพลวงตาของคิมซองกยูง่ายๆ
"สวัสดีครับ คุณคิมซองกยู"
ซองยอลยื่นมือไปจับกับชายหนุ่มรุ่นพี่แล้วพูดอย่างเป็นทางการเหมือนกับที่อีกฝ่ายเริ่มก่อน
จากนั้นรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซองยอล ก่อนจะตามด้วยซองกยู
"ไม่ได้เจอกันนาน เป็นยังไงบ้างล่ะเราน่ะ"
ซองกยูเอ่ยถามรุ่นน้องคนสนิท แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พนักตัวใหญ่เช่นเดิม
ซองยอลยกยิ้มให้เพียงเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของซองกยูอย่างผ่อนคลาย
"สบายดีครับ" หนุ่มหน้าหวานตอบพลางใช้สายตากวาดมองทั่วห้องทำงานของซองกยู
“พี่คงไม่ค่อยสบายเท่าไรใช่ไหมล่ะ งานดูหนักนะครับ”
“นิดหน่อยน่ะ”
ประธานบริษัทหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
ก่อนที่ซองกยูจะยกแขนขึ้นมาตั้งศอกบนโต๊ะทำงานเพื่อใช้เท้าคางมองหน้าอีซองยอล
“ว่าแต่นายเถอะ จะตอบรับข้อเสนอของพี่ได้หรือยัง”
“ผมมาถึงนี่คงไม่ต้องถามแล้วมั้งครับ”
ซองยอลตอบกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ “แต่พี่ต้องมี ‘ของเล่น’ ให้ผมด้วยนะ”
“นายนี่น้า”
ซองกยูทอดเสียงยาวก่อนจะปิดท้ายด้วยการผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ “แล้วแต่นายเลยซองยอล
ขอแค่อย่าทำให้บริษัทต้องวุ่นวายก็พอ”
“ต้องแบบนี้สิครับ
ถึงน่าร่วมงานด้วยหน่อย” ซองยอลว่าพลางลุกขึ้นยืดกายเต็มความสูง
จากนั้นจึงก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของบริษัทได้โดยง่าย
“ต้องรบกวนให้ท่านประธานช่วยบอกหน้าที่ของผมด้วยนะครับ”
“บางทีตำแหน่งที่พี่จะจับนายยัดเข้าไปอาจจะเป็นตัวนายมากที่สุดแล้วซองยอล
พี่คิดว่านายคงจะชอบ”
“...”
อีซองยอลไม่ได้พูดอะไรเป็นการตอบกลับท่านประธานคิม
ชายหนุ่มหน้าหวานทำเพียงยกมือขึ้นเตะกระจกแล้วเคาะเป็นจังหวะยามที่เห็นรถยนต์วิ่งเข้าออกด้านล่างของตึก
ซองกยูทำได้เพียงทอดถอนหายใจให้กับนิสัยที่ไม่ว่าเมื่อไรก็คงรักษาไม่หายของอีซองยอล
“Production
Design” ซองยอลหันมาหาซองกยูทันทีที่ได้ยินคำนั้น
ก่อนที่รอยยิ้มหวานจะปรากฏขึ้นบนดวงหน้าหวานเมื่อได้ยินประโยคถัดมาที่เป็นเหมือนกับการยืนยันสิ่งที่เขาตีความไว้ก่อนหน้านี้
“แผนกที่พี่จะให้นายไปอยู่”
“ถ้าพี่จับผมไปอยู่แผนกอื่น
คนที่ลงสนามแย่งชิงผมกับพี่ก่อนหน้านี้คงจะบุกบริษัทเพื่อมาฉีกอกพี่โดยเฉพาะล่ะมั้งครับ
พี่ซองกยู” ซองยอลพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก เมื่อคิดถึงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ที่สายโทรศัพท์ของเขาแทบไหม้
เพราะทั้งพี่ชายคนสนิทที่หวังจะได้เขาไปเป็นพนักงงานในบริษัทแล้ว
ยังมีประธานบริษัทอีกหลายๆบริษัทเลยทีเดียวที่อยากได้ตัวอีซองยอลไปร่วมงานด้วย
อีซองยอล
ชายหนุ่มวัย 26
ปีที่เพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์จากประเทศฝรั่งเศสเมื่อปลายปีที่แล้ว
ชายหนุ่มที่ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูมีอนาคตไกลเพราะความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าตัว
ทำให้บริษัทมากมายสนใจที่จะร่วมงานกับอีซองยอล ทั้งในแถบยุโรปและเอเชีย
เพียงแต่อีซองยอลนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเข้าใจยาก
เมื่อเจ้าตัวปฏิเสธทุกโอกาสที่ถูกหยิบยื่นให้โดยบอกกับทุกคนว่าเขาจะกลับบ้านที่ประเทศเกาหลีแล้ว
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ดูแปลกประหลาด
หากบริษัทใดๆต้องการตัวคนมีฝีมือมาร่วมงานด้วยแล้วล่ะก็
ข้ออ้างเพียงแค่นี้คงไม่ใช่เรื่องน่าเชื่อถือเท่าไรนัก
แต่เพราะคำว่าประเทศเกาหลีทำให้หลายๆบริษัทตีความไปว่า
อีซองยอลเลือกที่จะทำงานร่วมกับบริษัทสัญชาติเกาหลีเสียกระมังจึงยอมล่าถอยกันไป
ซึ่งบริษัทสัญชาติเกาหลีที่ว่าก็รวมไปถึงบริษัทของคิมซองกยู
รุ่นพี่สมัยเรียนของอีซองยอลด้วย บริษัท KSG
ของคิมซองกยู
เป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับของตกแต่งบ้านขนาดเล็กไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่
ซึ่งแน่นอนว่าการทำธุรกิจในตลาดที่มีความกว้างขวางจนาดนี้
หากไม่มีสินค้าที่แปลกหรือแหวกแนวไปจากคู่แข่งมันย่อมเป็นการยากที่บริษัทนี้จะมียอดขายที่ดีจนกลายเป็นผู้นำตลาดได้
แต่สุดท้ายแล้วคิมซองกยูก็สามารถดึงตัวอีซองยอลมาร่วมงานด้วยได้
ประธานบริษัทหนุ่มนึกขอบคุณตัวเองที่รู้จักกับคนตัวสูงมาตั้งแต่สมัยมัธยม
อีกทั้งบ้านของเขาทั้งสองคนยังอยู่ในละแวกที่ไม่ไกลกันเท่าไร ซองกยูและซองยอลจึงค่อนข้างสนิทกันไม่น้อย
อีกทั้งไลฟ์สไตล์ของซองยอลกับซองกยูยังไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไรด้วย
การโคจรมาพบกันของทั้งคู่จึงกลายเป็นวงจรที่คล้ายกับการพึ่งพาอาศัยกัน
“ถ้าเอานายมาทำงานแผนกอื่นพี่ก็ล่มจมแล้วซองยอล”
ซองกยูถอนหายใจออกมายาวๆพลางพูดตอบกลับซองยอลไป “แล้วแผนกของนายน่ะ
ต้องทำงานร่วมกับแผนก Production Plan นะ”
“ผมขอออกแบบผลงานออกมาเรื่อยๆโดยไม่ต้องร่วมงานกับคนอื่นไม่ได้เหรอพี่”
ซองยอลร้องท้วงขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าตนต้องไปร่วมงานกับอีกแผนก
มนุษย์ปกติทั่วไปไม่เคยหวาดหวั่นกับการทำงานรวมกลุ่ม หากแต่อีซองยอลนั้นมิได้ใกล้เคียงกับคำว่ามนุษย์ปกติสักเท่าไร
ดังนั้นการให้เขาไปทำงานร่วมกับคนอื่นดูจะเป็นเรื่องสิ้นคิดไม่น้อย
ไม่ต่างจากการวางระเบิดบริษัทของตนเองสักเท่าไร
“พี่ว่าแล้วว่านายจะต้องมีปัญหาเรื่องนี้”
ซองกยูพูดพลางกดยิ้มรู้ทันให้กับอีกคน “ไม่ต้องห่วงซองยอล คนแผนกนี้จะรับมือนายได้ดี
และที่สำคัญ พี่จะให้นายร่วมงานกับหัวหน้าแผนกเพียงคนเดียว เพื่อตัดปัญหา”
“เดี๋ยวนะพี่ซองกยู
พี่จะบอกว่าผมเป็นตัวปัญหาเหรอ”
ซองยอลร้องแทรกขึ้นมาเมื่อรู้สึกเหมือนกับโดนคนเป็นพี่พูดต่อว่า
หาว่าเขาเป็นคนชอบสร้างปัญหาเสียอย่างนั้น
“พี่ไม่ได้พูดนะ”
ท่านประธานบริษัทตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “นายพูดเอง”
อีซองยอลทำได้เพียงอ้าปากพะงาบๆ
เพราะเจ้าตัวไม่สามารถหาคำพูดได้มาต่อล้อต่อเถียงกับรุ่นพี่ตรงหน้านี้ได้
คิมซองกยูจึงหลุดหัวเราะออกมากับท่าทางเช่นนั้นของหนุ่มรุ่นน้อง ก่อนที่ท่านประธานบริษัทจะจับสูทให้กระชับเข้ากับตัวแล้วเริ่มต้นการพูดคุยเรื่องงานต่อ
“หัวหน้าของแผนก
Production
plan คือคิมมยองซู”
อีซองยอลหันมามองหน้าคนพูดด้วยดวงตาที่เรียบเฉย
ชื่อของหัวหน้าแผนกที่เขาต้องร่วมงานด้วยนั้นทำให้ซองยอลรู้สึกกดดันขึ้นมาไม่น้อย
เนื่องจากเมื่อสมัยมัธยมนั้นซองยอลสร้างวีรกรรมเอาไว้กับเจ้าของชื่อนั้นไม่น้อย
ก็แน่สิ
ไอ้บ้านั่นมันเป็นประธานนักเรียน
ส่วนอีซองยอลน่ะขึ้นแบล็กลิสต์เด็กไม่ดีของอาจารย์เชียวล่ะ
“ไม่คิดว่าคุณประธานนักเรียนก็จะทำงานกับพี่”
เมื่อได้ยินซองยอลพูด ซองกยูจึงหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงสมัยยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย
คิมมยองซูกับอีซองยอลที่แตกต่างกันสุดขั้วแต่มักจะต้องได้ทำงานร่วมกันเสมอ
เพราะไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าคิมมยองซูเป็นเพียงคนเดียวที่จะทำให้ซองยอลจัดการงานในส่วนของตนเองที่เจ้าตัวเอาแต่อ้างว่า
‘ไม่มีอารมณ์’ ได้
ตามธรรมชาติของมนุษย์
เมื่อถึงคราวที่ต้องเร่งงาน
คนส่วนใหญ่นั้นจะเอ่ยปากเร่งเอาๆจนไม่สนใจเลยว่าคนถูกเร่งจะรู้สึกเช่นไร
อีซองยอลเองก็โดนด่าโดนว่าจากเหล่าอาจารย์และเพื่อนๆร่วมห้องอยู่ไม่น้อย
แต่เจ้าตัวยุ่งก็หาได้สนใจคำพูดเหล่านั้นไม่ เมื่อเด็กหนุ่มตัวโย่งในตอนนั้นทำเพียงหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบใส่หูแล้วบอกกับใครต่อใครว่า
‘ไม่มีอารมณ์จะทำ’
เดือดร้อนคนที่โดนซองยอลพูดแบบนั้นใส่ไปต้องไปตามเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียนมาจัดการกับซองยอล
คิมมยองซูที่ซองยอลตั้งชื่อให้ว่าก้อนน้ำแข็งเดินได้
คนเพียงคนเดียวที่สามารถดึงเอาสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในสมองของซองยอลออกมา
คนเพียงคนเดียวที่ทำให้ซองยอลยอมหยิบกระดานที่ติดกระดาษวาดรูปเอาไว้ออกมาวาดรูปและรังสรรค์สิ่งที่เจ้าตัวจินตนาการออกมา
โดยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
และเรื่องราวเหล่านี้คือสาเหตุที่คิมซองกยูจับเด็กเจ้าปัญหาทั้งสองคนมาไว้ด้วยกัน
“ฉันอยากได้ใครฉันก็ต้องได้
อีซองยอล”
“โห
พี่ซองกยู” ซองยอลถอนหายใจดังเฮือกจนเจ้าของชื่อต้องเลิกคิ้วมอง
“อยากได้ก็ต้องได้นี่ประโยคที่ผมเอาไว้พูดกับของเล่นเลยนะ
มันสื่อความหมายคนละอย่าง พี่อย่าใช้มั่วสิครับ”
“ไร้สาระน่ะซองยอล”
นักธุรกิจหนุ่มบ่นเบาๆไปตามประสา
ก่อนที่เจ้าตัวจะยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูราคาแพงหูฉี่ขึ้นมาดู
“อีกเดี๋ยวมยองซูก็น่าจะมา นายนั่งก่อนสิ”
“ไม่เป็นไรพี่
มองวิวตรงนี้ก็สงบดี” ชายหนุ่มหน้าหวานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
นัยน์ตาสีน้ำตาลยังคงจับจ้องไปที่ผู้คนและรถยนต์ที่กำลังขยับไปมาอย่างเพลิดเพลิน
ห้องทำงานขนาดใหญ่ถูกความเงียบเข้ามาเยี่ยมเยียนเมื่อสิ่งมีชีวิตทั้งสองชีวิตภายในห้องหาได้สนใจที่จะพูดคุยกันอีก
คิมซองกยูเริ่มทำงานของตนเองต่อ
ในขณะที่อีซองยอลยังคงทุ่มสมาธิไปที่ทิวทัศน์ด้านนอกตึก
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
เจ้าของห้องร้องบอก ในขณะที่อีซองยอลนั้นไม่คิดจะขยับกายแม้แต่น้อย
“สวัสดีครับพี่ซองกยู
พอดีผมเพิ่งประชุมเสร็จ ขอโทษที่มาช้าครับ” เสียงทุ้มนุ่มหูของผู้มาใหม่เรียกความสนใจของอีซองยอลได้ไม่น้อย
ร่างโปร่งของหนุ่มหน้าหวานจึงหันกลับเข้ามาภายในตัวห้อง
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาและรูปร่างที่สมส่วนผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงกลางห้องเรียกความสนใจของอีซองยอลได้มากพอดู
คนหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะไพล่ไปคิดถึงเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่ปกติมักจะทำหน้าเรียบเฉยยู่กับทุกสถานการณ์
ต่างจากคนตรงหน้านี้เหลือเกิน
ดูท่าว่าคำพูดที่เขาว่ากันว่า
เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน จะเป็นจริงก็ในวันนี้
เมื่อคิมมยองซูที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ใบหน้าหล่อเหลาอาจจะเป็นสิ่งเดียวที่คงเดิม
อาจจะเพิ่มความหล่อมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
แต่ทั้งท่าทางและรูปร่างที่แปลกตาออกไปก็ทำให้ซองยอลอดสงสัยไม่ได้ ในอดีตคิมมยองซูเป็นเด็กหนุ่มที่มีเนื้อมีหนังค่อนไปทางอวบอ้วนเลยทีเดียว
จนซองยอลนึกอยากจะขอกอดอยู่หลายที เพราะทุกครั้งที่เขามองไปที่มยองซูในตอนนั้น
ซองยอลมักจะนึกถึงตุ๊กตาที่บ้านเสมอ
แต่คิมมยองซูตอนนี้กลับทำตัวเหมือนนายแบบก็ไม่ปาน ด้วยส่วนสูงที่ใกล้เคียงกับเขาแต่กล้ามเนื้อของอีกฝ่ายดูจะเป็นมัดกล้ามยิ่งกว่าอีซองยอลเสียอีก
อีกหนึ่งอดีตที่ต่างจากตอนนี้เห็นทีจะเป็นท่าทางของอีกฝ่าย
คิมมยองซูในตอนนั้นดูจะเป็นผู้ชายทื่อๆที่ไม่ค่อยแสดงออกความรู้สึกเสียเท่าไร
แต่คิมมยองซูในตอนนี้ อีซองยอลกลับมองเห็นเขี้ยวเล็บที่เจ้าตัวซ่อนเอาไว้ภายใต้ท่าทางเรียบเฉยนั้นจนหมดจด
ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันในรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปแบบนี้
แต่มาคิดดูอีกทีก็ดูจะสนุกอยู่ไม่น้อย
“ไม่เป็นไร”
ซองกยูเอ่ยตอบคำขอโทษของมยองซู ก่อนจะพยักเพยิดให้มยองซูหันไปมองซองยอล
“ทักทายกันซะสิ ไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่”
“สวัสดี
คิมมยองซู” อีซองยอลเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายก่อน
ดวงหน้าเนียนใสปรากฏรอยยิ้มบางเบาแต่งแต้มอยู่
ก่อนที่นัยน์ตากลมโตจะสบเข้ากับดวงตาคู่คมสีรัตติกาลนั้น
ชั่วขณะหนึ่ง
อีซองยอลอดคิดไม่ได้ว่าดวงตาคู่นั้นคล้ายจะชักจูงให้ใครต่อใครจมสู่ความมืดมิด
“สวัสดี”
มยองซูตอบกลับมาก่อนจะชะงักไปชั่วครู่ แล้วจึงพูดต่อ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ
ซองยอล”
“เย็นนี้พี่ว่าจะชวนพวกนายไปดื่ม”
ซองกยูว่าหลังจากที่เห็นว่าทั้งซองยอลและมยองซูดูจะยังไม่คุ้นชินกับการกลับมาเจอกันสักเท่าไร
“ซองยอลจะกลับไปเตรียมตัวก่อนหรือเปล่า”
“ไม่ดีกว่าครับ
ผมไม่ได้เอารถมา ขอติดรถท่านประธานไปท่าจะสะดวกกว่าด้วย”
คนหน้าหวานหันไปยิ้มทะเล้นให้กับประธานบริษัทผู้อ่อนเยาว์
จนซองกยูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“แล้วตอนนี้พักที่ไหน
ตอนกลับจะได้ไปส่งถูก หรือไม่ก็หาคนไปส่งให้ถูก”
“คอนโด
XX ครับ” เมื่อชื่อสถานที่พักอันเป็นตึกสูงเสียดฟ้าที่ราคาสูงไม่น้อยดังออกจากปากของอีซองยอล
คนที่เงียบอยู่นานอย่างมยองซูจึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เมื่อคอนโดที่เขาพักอยู่นั้น บังเอิญเป็นคอนโดเดียวกันกับที่ซองยอลอาศัยอยู่
“ที่เดียวกับมยองซูเลยนี่”
ซองกยูเอ่ยทักขึ้นมา “ใช่ไหมมยองซู”
“ครับ”
คิมมยองซูตอบรับกลับไปอย่างเสียไม่ได้
“ถ้างั้นขากลับพี่อาจจะต้องฝากให้ซองยอลกลับพร้อมนาย
ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ครับ
ไม่เป็นอะไร”
คำตอบรับของคิมมยองซูที่มอบให้คิมซองกยูท่ามกลางรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีซองยอลที่ไม่มีใครเห็น
-
Passionate –
ร่างสูงโปร่งของอีซองยอลเดินตามหลังท่านประธานบริษัทผู้ซึ่งเรียกเขาให้มาร่วมงานด้วยในฐานะพนักงานกิตติมศักดิ์
คนตัวสูงเดินตามคิมซองกยูไปยังลานจอดรถของคณะผู้บริหาร แต่ก่อนจะเดินออกจากตึกมา
ซองยอลก็ยังไม่ลืมหันไปส่งยิ้มให้กับพนักงานประชาสัมพันธ์ที่ได้ให้ความช่วยเหลือเขาเมื่อเช้า
ก็บอกแล้วไงว่านั่นน่ะ
ว่าที่ของเล่นคนแรกของอีซองยอล
“พี่ซองกยู”
ซองยอลเอ่ยเรียกรุ่นพี่คนสนิททันทีที่ทั้งสองเข้าไปนั่งภายในรถยนต์คันหรูของซองกยู
“ว่าไง”
“ผมเล็งของเล่นของผมไว้สองชิ้นแล้วนะ”
คนหน้าหวานหันไปยกยิ้มให้กับคนเป็นพี่ที่ทำได้เพียงแต่ทอดถอนหายใจออกมา
แล้วรับฟังสิ่งที่คนเป็นน้องอย่างอีซองยอลกำลังพูดต่อ “ยุนนาบีที่เป็นพนักงานประชาสัมพันธ์
กับ...คิมมยองซู”
“อีซองยอล”
ซองกยูเอ่ยเรียกซองยอลเสียงเครียด
“อะไรเล่า
พี่บอกผมเองนะว่าผมจะทำยังไงก็ได้น่ะ” ซองเอ่ยท้วงคนเป็นพี่ขึ้นมา โดยยกบทสนทนาที่ซองกยูพูดไว้ก่อนหน้ามาเป็นคนข้ออ้าง
จนหนุ่มรุ่นพี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“จะเล่นกับใครก็ได้
แต่ต้องไม่ใช่กับคิมมยองซู”
“โธ่พี่”
คนตัวสูงทำหน้าบูดบึ้งคล้ายกำลังงอนคนเป็นพี่อยู่ “ก็มยองซูเปลี่ยนไปเยอะเลยนี่
น่าสนใจจะตายไป”
“ซองยอล
พี่พูดจริงๆ” ท่านประธานบริษัทพูดเสียงเครียด
พลางหันมามองใบหน้าหวานของรุ่นน้องด้วยสายตาจริงจัง
“พี่ไม่อยากให้เรายุ่งกับมยองซู ถ้าเกิดมันลึกซึ้งขึ้นมา
มันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”
“งั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ
พี่ซองกยู” ซองยอลลองยื่นข้อเสนอกับคนเป็นพี่ “ถ้าหากคืนนี้คิมมยองซูไม่มีท่าทีว่าจะเล่นกับผม
ผมก็จะไม่ยุ่งกับเขา”
คิมซองกยูได้แต่ทอดถอนหายใจออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามฟังคำเสนอของซองยอลจนจบ
หากคิมมยองซูไม่ใช่คนประเภทเดียวกันอีซองยอล
คิมซองกยูคงไม่จำเป็นต้องคิดมากกับข้อเสนอที่ซองยอลเอ่ยออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่ได้ยินหนุ่มหน้าหวานที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งพูดต่อ
ซองกยูยิ่งนึกอยากจะเอาหัวของตนเองโขกพวงมาลัยรถให้รู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย
“แต่ถ้าคิมมยองซูเล่นกับผม”
ซองยอลแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนเองคล้ายกำลังจินตนาการถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย”
เรื่องวุ่นวายทำท่าจะเกิดขึ้นเสียแล้วสิ
TBC.
-passionate-
TALK WITH khanunys
สวัสดีกับตอนที่หนึ่งค่ะ คือที่ลงช้าไม่ใช่อะไร คือเราคิดชื่อตอนไม่ออก ถถถถ
พูดกันตามตรงนะตัวเอง เราไม่มายด์กับคอมเม้นต์นะ
แต่คือนี่ไม่รู้ว่ามีคนอ่านฟิคเรื่องนี้ไหม เราควรทำไงดี?
หรือว่าฟิคเรามันไม่สนุกจริงๆอ่ะ ฮือออออออ นี่เครียดจริงๆนะ
ถ้าไม่สะดวกคอมเม้นต์ก็ติดแท็ก #ฟิคพชน ในทวิตเตอร์ก็ได้นะ พูดจริงๆนะ
ส่งกำลังใจให้เราหน่อย แงงงงงงงงงงงงง TOT
ชอบคาแร็คเตอร์ของซองยอลในเรื่องนี้มากค่ะ ดูเจ้าเล่ห์มาก
ตอบลบแต่รอดูว่ามยองหรือยอลที่จะเจ้าเล่ห์กว่ากัน
จะติดตามตอนต่อไปนะคะ แต่ตอนหน้ามี NC หรือเปล่าคะ 555+
ซองยอลลี่ทำไมหนูร้ายขนาดนี้คะเนี่ย55555555
ตอบลบแบบว่าตั้งแต่พนักงานประชาสัมพันธ์ยังคิมมยองซู
แต่ดูถ้ามยองจะเขี้ยวยากหน่อยน้าา ระวังโดนเล่นซะเองหล่ะ
ซองกยูนี่ขักในน้องนุ่งไม่ได้เลยซินะ รอดูต่อไปค่ะ
คาแรกเตอร์ยอลเรื่องนี้มัน... โอ้ยยยยยยยยยย หนูร้ายอ่ะลูก ฮือออออ แต่หนูจะเล่นกับใครก็เล่นนะลูกแต่กับมยองซู น้องยอลน่าจะโดนเล่นซะมากกว่า โอ้ยยย หักเหลี่ยมกนัมันส์เลยมั้ยหล่ะคู่นี้ มยองซูเรื่องนี้ก็เจ้าเล่ห์แถมทั้งสองก็เจ้าชู้อีก ร้อนแรง สุขสม หวง หึง ประชดประชัน เศร้าน้ำตาแตก จะมาครบเลยมั้ยคะไรท์ ถ้าเยอะเราคงต้องทำใจก่อนอ่าน 5555555555555555555+
ตอบลบสนุกมากค่ะ ติดตามนะคะ
ตอบลบหืมมมมมมม ซองยอลนี่ท่าทางแสบไม่เบานะ
ตอบลบแล้วนั่นอะไรน่ะ ทำตัวเป็นเสือผู้หญิงเหรอ
ส่องกระจกหน่อยมะ จะทำตัวเป็นเมะหรือว่าไง
มยองมันไม่ง่ายหรอกนะ ระวังจะโดนกดซะเอง หึหึ
มาย้อนอ่านเพราะคิดถึงฟิค อัลไล เก๊าลืมเมนท์เหรอ
ตอบลบงานนี้รับนุ้งยอลไม่ได้จริง ๆ น้า
ลูกเค้าออกจิใส ๆๆๆๆๆๆๆ #หราาาาา
แต่ดูแล้วอย่างที่บอก ต้องมาวัดใครจะร้ายกว่ากัน หุหุ
นุ้งยอลหน้าหวาน แต่ร้ายนะจ๊ะ
โคจรมาเจอกันและ ใครจะร้ายกว่าใครมาดูกัน