วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

[DD Set] Adorable: 1st ∞ myungyeol

Adorable Set
1st: That adorable boy

Paring: myungsoo x seongyeol
Genre: AU, Double drabble
Rate: PG
Author: khanunys
A\N: - 200 คำพอดีเป๊ะเลยนะจะบอก 5555
- เซ็ตนี้กี่ตอนดี? อ้อ! #knysfic นะเบ๊บ จุ๊บ








How adorable you are?











เคยเจอใครที่น่ารักมากๆบ้างไหม



ถ้าถามเขาล่ะก็ เขาก็คงตอบได้แค่เคยเจอ ไม่สิ เจอทุกวันเลยต่างหาก



“เฮ้ย มยองซู ทำไรวะ” เสียงเรียกชื่อเขาจากเพื่อนสนิททำให้คนหน้าหล่อต้องจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เพราะเพื่อนของเขากำลังจะทำให้เหยื่อที่เขานั่งเฝ้ารู้ตัว



“ส่องเด็ก” มยองซูตอบกลับไปเบาๆ ก่อนจะจ้องมองไปที่คนน่ารักในชุดนักเรียนมัธยมที่วิ่งวุ่นอยู่ตรงเคาน์เตอร์ในร้านกาแฟ



น่ารักอ่ะ มองมุมไหนก็น่ารัก ขอพากลับไปฟัดที่บ้านได้ไหมครับ



“รับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” เสียงนุ่มๆ รอยยิ้มหวานๆ พ่วงด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆทำเอามยองซูแทบคลั่งเมื่อคนน่ารักที่เขานั่งมองเอาเครื่องดื่มที่เขาสั่งไปมาเสิร์ฟ ดวงตาคู่คมจ้องมองไปที่ตัวหนังสือบนเสื้อนักเรียนของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆเป็นการปฏิเสธคำถามนั้น



อีซองยอล



ชื่อของหนุ่มน่ารักคนนั้นน่ะ ต่อให้พี่ต้องเสียเงินที่ร้านนี้ทุกวันก็จะมาหาน้องให้ได้เลยครับ




TBC.

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

[FIC] Passionate: Epilogue ☆ Myungyeol

Passionate
Epilogue

Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - ถึงตอนจบแล้วนะ ตัดสินใจกันได้อ๊ะยัง ; 3 ; สติลแปะลิ้งก์ สั่งจองฟิค
- เพิ่งรู้ตัวว่าฟิคเรื่องนี้มีจุดเสียเล็กๆน้อยเยอะแยะไปหมด จะแก้ไขให้ในเล่มนะ T^T
-  ไปสกรีมกันเต๊อะ ที่เดิมเลยโนะ #ฟิคพชน 

- เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บทความนี้ถึงขึ้นมาอยู่หน้าสุดแบบนี้ แต่พชน.จบไปตั้งแต่กลางปีที่แล้วแล้วนะคะ








-passionate-









คิมมยองซูตื่นขึ้นมาในตอนเช้า คนหน้าหล่อขยับใบหน้าให้เกิดรอยยิ้มโดยที่เขาไม่อาจห้ามตัวเองได้ยามเห็นใบหน้าหวานที่กำลังหลับตาพริ้มราวกับเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ดวงตากลมปิดสนิทจนสามารถเห็นขนตาที่เรียงตัวเป็นแพยาว ริมฝีปากสีชมพูตามธรรมชาติที่เผยอออกเล็กน้อยเพราะเจ้าตัวหลับสนิท แต่มันกลับดูยั่วตายั่วใจจนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะประทับจูบอันแผ่วเบาลงบนริมฝีปากของคนในอ้อมแขน


“ฮื้อ” เสียงครางฮือด้วยความไม่พอใจดังขึ้นจนมยองซูต้องผละออกในทันที คนหน้าหล่อยิ้มเผล่ออกมาด้วยความดีใจยามที่คนหน้าหวานซุกใบหน้าเข้ากับอ้อมอกของตนเองมากกว่าที่เคย ชายหนุ่มเตรียมจะก้มลงไปหาเศษหาเลยกับซองยอลอีกครั้ง แต่เสียงโทรศัพท์ที่ร้องดังทำให้มยองซูต้องคว้ามารับอย่างรวดเร็ว


“ครับ” มยองซูกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ทันทีที่กดรับสาย คิมซองกยูเจ้านายและรุ่นพี่ของเขาโทรมาบอกให้มยองซูไปเข้าประชุมด่วน คนหน้าหล่อนึกเสียดายช่วงเวลาที่จะได้กอดตัวนุ่มๆของซองยอล แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องตัดใจลุกจากที่นอน


“ซองยอลอา” แต่มิวายปลุกอีกคนที่กำลังหลับสบายขึ้นมา


“หือ” เพราะซองยอลเป็นคนตื่นง่าย เพียงแค่เรียกเบาๆและสะกิดนิดหน่อย อีกคนก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังสะลึมสะลืออยู่ก็ตามที


“ฉันไปประชุมนะ” มยองซูเอ่ยบอกให้คนบนเตียงรับรู้ ซึ่งซองยอลก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบรับแล้วพลิกตัวไปซุกหน้าลงกับหมอนใบโต ในขณะที่คิมมยองซูทำได้เพียงยิ้มออกมาให้กับท่าทางน่ารักๆแบบนั้น


คนหน้าหล่อออกจากห้องของซองยอลเพื่อกลับไปที่ห้องพักของตนเอง ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวแล้วรีบรุดออกจากคอนโดเพื่อไปให้ทันเวลาประชุม เมื่อมยองซูไปถึงบริษัทก็ถึงเวลาเปิดประชุมพอดี และเรื่องที่ทำให้ซองกยูเรียกประชุมเล็กที่มีเพียงเขาและคนในฝ่ายออกแบบเพียงไม่กี่คนนั้นก็ทำให้คิมมยองซูรู้สึกราวกับหัวใจของเขากำลังหยุดเต้น


“อีซองยอลจะเดินทางไปต่างประเทศโดยไม่มีกำหนดกลับ” คิมซองกยูพูดขึ้นเมื่อคนที่เจ้าตัวเรียกระชุมด่วนนั้นมากันครบแล้ว
“ท-ทำไมล่ะครับ” นัมอูฮยอน หัวหน้าแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ละล่ำละลักถามคิมซองกยูในทันทีที่นักธุรกิจหนุ่มพูดจบ ต่างจากมยองซูที่ทำได้เพียงนั่งเฉยๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าในตอนนี้เขาควรทำอย่างไร เขาไม่รู้ว่าเขาควรถามอะไร ไม่รู้ว่าต้องแสดงสีหน้าแบบไหน


มยองซูไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง


“ผมคงไม่สามารถบอกเหตุผลที่แท้จริงของเขาได้” ซองกยูตอบ “ซองยอลไม่ได้บอกอะไรกับผมเลย นอกจากเรื่องที่เขาจะไปต่างประเทศ กับเรื่องงานของเขา”


“จริงสิ ซองยอลจะไปต่างประเทศ แล้วงานของซองยอลจะทำอย่างไรเหรอครับคุณซองกยู” จางดงอูอีกหนึ่งสมาชิกของฝ่ายออกแบบเอ่ยถามชึ้นบ้าง


“ในเรื่องนี้ ซองยอลจะติดต่องานกับผมโดยตรงและจะส่งงานผ่านอีเมลแทนการนำงานเข้ามาส่งกับมือครับ”


“คุณจะมาพูดว่าคุณไม่รู้สาเหตุไม่ได้นะ!” อยู่ดีๆนัมอูฮยอนก็ร้องขึ้นเสียงดัง “ซองยอลเป็นอะไร ทำไมถึงต้องไปด้วยล่ะ! คุณต้องถามเขาสิครับคุณซองกยู เอาที่อยู่ของเขามาให้ผม ผมจะไปหาเขาตอนนี้เลย!


“ใจเย็นๆสิอูฮยอน” ดงอูยื่นมือมาฉุดร่างเล็กของอูฮยอนให้ทรุดตัวลงนั่งตามเดิม หลังจากที่คนตัวเล็กลุกขึ้นตะเบ็งเสียงใส่ซองกยูเมื่อครู่


“ผมขอโทษครับคุณอูฮยอน แต่ต่อให้คุณไปหาซองยอลที่ห้องคุณก็ไม่มีทางได้เจอเขา” หัวใจของมยองซูกระตุก “ในตอนนี้ไฟลท์ที่ซองยอลจะไปคงออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว”


“อะไรกัน” เสียงของอูฮยอนที่ดังขึ้นเป็นคำเดียวกับเสียงในใจของมยองซู


อะไรกัน เมื่อคืนเรายังมีความสุขอยู่ด้วยกันแท้ๆ เสียงหัวเราะของซองยอลยังเหมือนกันคิมมยองซูได้ยินมันเมื่อไม่กี่นาทีนี้อยู่เลย สัมผัสที่มอบให้กันแทบทั้งคืนมยองซูยังรู้สึกราวกับว่ามันเพิ่งจบไปชั่วครู่นี่เอง


แต่นี่มันอะไรกัน


อีซองยอลกำลังจากเขาไปในที่ไกลแสนไกล


“ซองยอลฝากจดหมายไว้ให้พวกคุณ” เสียงเรียบนิ่งของซองกยูเรียกความสนใจจากมยองซูได้เป็นอย่างดี มือหนายื่นออกไปรีบจดหมายซองเล็กที่ซองกยูยื่นมาให้ก่อนจะเปิดอ่าน





ถึง คิมมยองซู
            ฉันรู้ว่าตอนที่นายได้อ่านจดหมายฉบับนี้ นายคงได้รู้แล้วล่ะว่าฉันเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว นายคงกำลังตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ใช่ไหมล่ะ ว่าทำไมฉันถึงต้องไป ฮะๆ ถ้าบอกเหตุผลไปนายจะต้องรู้สึกสมเพชฉันแน่ๆเลยล่ะ มันเป็นเพราะว่าฉันรักนาย แปลกดีนะว่าไหม เราเพิ่งกลับมาเจอกันในระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่ถึงสามเดือนเสียด้วยซ้ำ แต่หัวใจของฉันมันกลับกลายเป็นของนายไปโดยที่ฉันไม่รู้ตัว รู้อะไรไหม? ฉันดีใจมากนะ ทุกครั้งที่นายทำเหมือนหึงหวงกัน แต่ถึงจะดีใจแค่ไหนมันก็มาพร้อมกับความเจ็บปวด
            ขอโทษนะมยองซู ฉันขอโทษที่เป็นคนเสนอข้อตกลงของเรา ขอโทษจริงๆที่ทำให้ชีวิตการแต่งงานของนายไม่ราบรื่น แต่นับแต่วันนี้ต่อไป นายไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว ฉันจะเดินออกไปจากชีวิตคู่ของนายเอง นายต้องดูแลคุณอึนฮเยดีๆนะ รักเขาให้เหมือนกับที่เขารักนาย อย่าทำให้เขาร้องไห้ อย่านอกใจหรือนอกกายเขาล่ะ เพราะเขาจะเสียใจ
            จริงสิ เรื่องสำคัญที่ฉันอยากจะบอก ทั้งๆที่ความจริงมันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมาก เรื่องแรก กับซองจงก็แค่น้องเท่านั้น ซองจงน่ะเป็นคนที่ทำให้ฉันรู้ว่าฉันรักนาย เพราะฉะนั้นระหว่างเรามันไม่มีอะไร เรื่องที่สองคนโฮวอน ยิ่งกว่าซองจงอีกนะมยองซู โฮวอนน่ะคือเพื่อนร่วมงาน เราไม่เคยคุยกันเรื่องอื่นนอกเหนือจากงานเลยด้วยซ้ำ เรื่องที่สามคือนัมอูฮยอน ถึงนายจะไม่พูดแต่ฉันก็รู้ว่านายคงเคยรู้สึกไม่พอใจในความสนิทสนมของฉันกับอูฮยอน แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ กับพี่ซองกยูก็ด้วย สุดท้ายคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณนาบี รู้อะไรไหม ว่าฉันใช้เธอเพื่อระบายความรู้สึกที่มีต่อนาย ความรู้สึกที่บอกใครไม่ได้ ถ้ามีโอกาสฉันฝากนายไปบอกเธอด้วยนะว่าฉันขอโทษ ว่าแต่ทำไมฉันถึงต้องมาอธิบายอะไรพวกนี้ด้วยนะ ลืมมันไปเถอะนะมยองซู หลังจากวันนี้ฉันขอให้นายโชคดี และเข้มแข็งเข้าไว้นะ




ใครกันแน่นะที่น่าสมเพช ไม่ใช่ซองยอลหรอก เขาต่างหาก


บอกรักกันผ่านตัวหนังสือเหรอซองยอล บอกรักในวันที่จากกันไปเหรอ


อีซองยอล นายน่ะ...ใจร้ายที่สุดเลย







- passionate –








สองขายาวก้าวเดินไปบนถนนที่เขาไม่คุ้นเคย เนื่องจากคิมมยองซูเพิ่งจะได้รับของสมนาคุณจากคิมซองกยูเป็นตั๋วเครื่องบินจากโซลมายังปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยที่ท่านประธานบริษัทบอกเหตุผลที่ไล่เขามาที่นี่ว่า ถือเป็นรางวัลให้กับมยองซูผู้ซึ่งตั้งใจทำงานทำการเสียจนดูหักโหม


คิมมยองซูอยากจะตอกกลับไปเหลือเกินว่าไม่ใช่แค่ดูหรอก แต่มยองซูหักโหมจริงๆนั่นแหละ


ตั้งแต่วันที่มยองซูได้รับรู้ว่าอีซองยอลไปต่างประเทศซึ่งเขาก็ไม่รู้ชัดแจ้งว่าประเทศไหน เวลาได้เดินผ่านไปเกือบจะครบ 7 เดือนเต็มในอีกไม่กี่วันอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย แต่ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คือการหายไปของอีซองยอล


คนหน้าหวานทำตามตัวอักษรที่เจ้าตัวเขียนใส่จดหมายที่ฝากซองกยูมาให้มยองซูได้เป็นอย่างดี ซองยอลเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมาหรือเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของเขาอีก คงจะมีแต่มยองซูนี่ล่ะที่ไม่สามารถทำอย่างที่อีกฝ่ายปรารถนาได้สักอย่าง ซองยอลบอกให้เขาดูแลชีวิตคู่ของเขาให้ดีๆ แต่ซองยอลจะรู้หรือยังนะว่าชีวิตแต่งงานของเขามันจบลงโดยสมบูรณ์หลังจากที่ซองยอลเดินออกไปได้เพียงเดือนกว่า


Sorry,” มยองซูพูดกับใครสักคนที่เดินสวนกันกับเขาแล้วไหล่ชนกัน ความจริงแล้วมยองซูก็รู้อยู่หรอกว่าการใช้ภาษาอังกฤษในประเทศที่ติดจะชาตินิยมไม่น้อยแบบฝรั่งเศสมันค่อนข้างลำบาก แต่จะให้คิมมยองซูทำอย่างไรได้ล่ะ ก็เขาไม่รู้ภาษาฝรั่งเศสเลยนี่
เพราะฉะนั้นมยองซูจึงไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเสียงโวยวายของเด็กหนุ่มที่เดินชนกับเขาเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร ชายหนุ่มทำได้เพียงยืนทำหน้ามึนให้อีกฝ่ายพ่นคำพูดที่เขาฟังไม่ออกใส่เท่านั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานเสียงหวานหูที่มยองซูรู้สึกคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา ถึงแม้ภาษาที่พูดจะไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดของพวกเขาก็ตาม แต่มยองซูมั่นใจว่าไม่ผิดตัวแน่


อีซองยอล


ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับคนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือยิ่งแน่ชัดเข้าไปใหญ่ยามที่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขายื่นมือมาเช็คแฮนด์กับเด็กหนุ่มคู่กรณีของเขา ทำไมคิมมยองซูถึงจะจำไม่ได้ล่ะว่ามือเรียวสวยเช่นนี้เป็นของอีซองยอล และเมื่อหันไปมองชายหนุ่มก็ได้พบกับคนที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ที่เมื่อเชื่อวัน


“ซองยอล..” เสียงที่เปล่งออกไปนั้นเบามากจนมยองซูกลัวว่าเจ้าของชื่อจะไม่ได้ยิน เขาจึงยื่นมือหนาออกไปรั้งแขนของซองยอลที่เตรียมจะเดินหนีเขาไปไว้ได้ทันท่วงที “ไปดื่มกาแฟด้วยกันหน่อยสิ”


ข้ออ้างที่มยองซูใช้นั้นดูงี่เง่าจนเขาอยากจะหัวเราะออกมาด้วยความสมเพช แต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะกระโดดโลดเต้นและโห่ร้องด้วยความดีใจในตอนที่ซองยอลพยักหน้ารับคำชวนของเขา


“เป็นยังไงบ้างล่ะ” คิมมยองซูเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนาหลังจากที่เขาทั้งสองคนเข้ามานั่งอยู่ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ดวงตาคมทอดมองร่างโปร่งตรงหน้าที่กำลังถอดเสื้อโค้ตปกหนาของตนเองออกอย่างไม่วางตา


“ก็ดี” ซองยอลตอบ “นายล่ะ”


“ไม่ดีเท่าไร” เขาว่า ก่อนที่มยองซูจะเห็นแสงกระทบของสร้อยกับหลอดไฟด้านบน จนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “สร้อยนั่น...”


“ทำไมเหรอ” อีซองยอลเอ่ยถามพร้อมกับหยิบสร้อยที่อยู่บนลำคอของตนเองขึ้นมาจับแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างนึกสงสัย


“ไม่มีอะไรหรอก แค่แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นนายใส่มาก่อน”


“ฉันเอามันไปทำความสะอาดมาเมื่อตอนที่อยู่เกาหลีน่ะ” ซองยอลตอบพร้อมกับวาดรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากในขณะที่ดวงตากลมสวยนั้นจ้องมองจี้รูปอินฟินิตี้อย่างอ่อนโยน “มันเป็นสร้อยที่ฉันชอบที่สุด”


“ซื้อจากที่ไหนงั้นเหรอ”


“ไม่ได้ซื้อ มีคนให้มา” คำตอบจากปากของซองยอลทำให้หัวใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าอกซ้ายเต้นแรงและหนักหน่วงขึ้น


“ล-แล้วนายรู้ไหม ว-ว่าใคร ป-เป็นคนให้” คิมมยองซูมิอาจห้ามตัวเองได้ ชายหนุ่มจึงจำต้องพูดติดๆขัดๆด้วยความตื่นเต้น ซองยอลเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัยกับท่าทางของมยองซู แต่สุดท้ายแล้วคนหน้าหวานก็ตอบคำถามของเขาออกมา


“ไม่รู้สิ ฉันได้มันมาจากพี่ซองกยูตอนที่ฉันจะย้ายมาเรียนที่นี่ พี่ซองกยูบอกว่ามีคนฝากมาให้”


“แล้วนายอยากรู้ไหมว่าใครเป็นเจ้าของสร้อยเส้นนั้น” ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปหลังจากวางแก้วกาแฟในมือลง อีซองยอลมองเขาด้วยสายตาที่ดูเหลือเชื่อ ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะทั้งสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร แต่ในขณะเดียวกันก็อยากรู้ว่าเจ้าของสร้อยเส้นนั้นเป็นใครอยู่ไม่น้อย


“ไม่เป็นไรหรอก ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร” ซองยอลปฏิเสธ “ว่าแต่นายมาที่นี่ทำไม”


“พี่ซองกยูบังคับให้ฉันมา” มยองซูตอบกลับไปตามความจริง เขาสังเกตได้ก่อนที่ซองยอลจะหลุบตามองตักตัวเองว่าดวงตาคู่สวยของอีกฝ่ายฉายแววผิดหวังอยู่ไม่น้อย “แต่ถ้าถามถึงเหตุผลที่ฉันอยู่ตรงนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะฉันอยากได้ยินคำว่ารักจากปากนาย” คนหน้าหล่อยื่นมือไปจับมือของซองยอลเอาไว้ พร้อมทอดสายตามองอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยน “บอกกันหน่อยได้ไหม อีซองยอล”


“ไม่ล่ะ” คนตัวสูงปฏิเสธพร้อมดังมือออกจากการเกาะกุม “ฉันว่านายควรจะคิดถึงคนข้างหลังให้มากๆนะมยองซู คุณอึนฮเยจะเสียใจแค่ไหนที่น-“


“ฉันกับเขา เราหย่ากันแล้ว” มยองซูไม่รอให้ซองยอลพูดจบ ชายหนุ่มพูดแทรกขึ้นจนคนหน้าหวานต้องชะงัก “ฉันไม่ได้รักเขา ไม่เคยรัก และไม่มีวันรัก”


“แต่เขาเป็นภรรยาของนายนะ!


“ก็บอกแล้วไงว่าเลิกกันแล้ว” คนหน้าหล่อหัวเราะออกมาเล็กน้อยให้กับท่าทางที่ดูเคร่งเครียดแต่ก็ปนไปด้วยความตกใจของซองยอล “ฉันแต่งเพราะที่บ้านบังคับ แต่สำหรับอึนฮเยฉันไม่รู้”


“เขารักนาย” ซองยอลตอบแทน ก่อนจะยกกาแฟร้อนตรงหน้าขึ้นมาจิบ “เขามาหาฉัน ร้องไห้ แล้วฝากให้ฉันไปบอกคนที่แทรกกลางระหว่างนายกับเขาทีว่าช่วยออกไปจากชีวิตของพวกนายซะ” ก้นแก้วกระทบกับโต๊ะจนเกิดเสียงขึ้นมาเบาๆยามที่ซองยอลวางแก้วลงไป “ฉันก็เลยเลือกที่จะออกมา”


“จากฉันมาโดยที่ไม่คิดจะถามฉันสักคำน่ะเหรอซองยอล” มยองซูถาม


“ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องถาม” คนน่ารักโต้กลับ “เรื่องระหว่างเรามันมีแค่เซ็กซ์อยู่แล้วนี่สำหรับนาย และที่สำคัญ มันไม่ใช่เรื่องดีที่ฉันจะยอมอดทนเพื่อครอบครองนายทั้งๆที่ฉันเจ็บปวด”


“แค่นายบอกกันเราก็คงไม่ต้องจบความสัมพันธ์ของเราแบบนั้น ซองยอล” ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็น “หรือไม่ แค่นายบอกความรู้สึกของนายมา เรื่องทุกอย่างมันจะง่ายขึ้น”


“นายมั่นใจได้ยังไงว่ามันจะง่ายขึ้น ถ้าตอนนั้นฉันบอกไปนายจะหย่ากับเขาทันทีงั้นเหรอ” ซองยอลแค่นหัวเราะ “ตลกน่ะ คิมมยองซู”


“ไม่หรอก เพราะฉันจะทำแบบนั้นจริงๆ” คำพูดของคิมมยองซูทำให้ซองยอลต้องชะงัก ก่อนที่ความเงียบงันจะเข้าปกคลุมในบริเวณที่เขาทั้งสองคนนั่งอยู่ มยองซูจ้องมองเพียงซองยอลที่นั่งมองแก้วกาแฟ จากนั้นคนหน้าหล่อจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น


“ฉันรักนาย”


“...โกหก” คำบริภาษดังลอดจากริมฝีปากของซองยอล ทำให้มยองซูต้องหัวเราะออกมา


“ฉันพูดจริง สร้อยที่นายใส่อยู่ฉันก็เป็นคนสั่งทำ” คนหน้าหล่อพูดพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มขำ เมื่อเห็นว่าซองยอลกำลังมองเขาด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง “ฉันจะเก็บความรักของฉันไว้ที่นาย ให้ความรักของฉันมันอยู่กันายไปเรื่อยๆเหมือนอินฟินิตี้ เพราะฉะนั้นช่วยใส่มันไว้ตลอดเถอะนะ ...ข้อความในจดหมายที่อยู่ในกล่องสร้อย ถ้าหากนายจะจำได้”


“แต่นั่นมัน...”


“นานแล้ว” มยองซูต่อ “ฉันรักนายมานานแล้ว เพราะเราอยู่ด้วยกันบ่อยไปล่ะมั้ง จากที่รู้สึกเฉยๆมันกลายเป็นรักโดยไม่รู้ตัว”


“แล้วทำไมไม่บอกล่ะ ไอ้บ้า!” คนหน้าหวานร้องเสียงดัง ก่อนจะหยิบเสื้อโค้ตที่วางพาดไว้กับที่เท้าแขนแล้วลุกขึ้นเดินหนีไปทันที จนมยองซูต้องรีบวิ่งตามไป


“ก็บอกแล้วไง” ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหูของคนหน้าหวาน พร้อมกับกระชับอ้อมแขนให้ร่างของซองยอลแนบชิดกับเขามากขึ้น “เพราะฉะนั้น คำว่ารักของนาย จะบอกให้ฉันฟังได้หรือยัง”


หัวใจของมยองซูเต้นแรง เช่นเดียวกับซองยอลที่อยู่ในอ้อมกอด เสียงหวานที่แผ่วเบาดังลอยมากับสายลม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมยองซู เมื่อชายหนุ่มได้ฟังคำที่เขาปรารถนาที่จะได้ยินมาตลอดเสียที


“ฉันก็รักนาย”


END.