วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[Tribble] Why did I fall in love with you? ∞ myungyeol

Why did I fall in love with you?
Paring: myungsoo x seongyeol
Genre: AU, Tribble, songfic
Rate: PG
Author: khanunys
A\N: - มีอีบ้าคนหนึ่งปวดข้อมือจากการทำข้อสอบ และเครียดกับวิชาที่จะสอบวันเสาร์จนได้ฟิคเรื่องนี้มาแจ้ะ อิ___อิ
- 300 คำไม่ขาดไม่เกินให้เดาว่าต้องนั่งตัดคำไปกี่คำ....
- #knysfic นะเบ๊บ จุ๊บ

















ทำไมเขาถึงตกหลุมรักใครคนนั้นได้กันนะ





ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า...กับคนคนเดิม





คนที่เป็นเหมือนรักฝังใจ ที่ถึงแม้ในตอนนี้ทางที่เราสองคนเลือกเดินมันจะไม่ใช่เส้นทางเดิมกันอีกต่อไป





“นายเป็นยังไงบ้าง” เขาไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่เขาใช้พูดมันเป็นแบบไหน แต่สีหน้าที่ดูรู้สึกผิดของอีกคนเขาก็เดาได้ว่ามันคงไม่ดีเท่าไร “เขาดูแลนายดีใช่หรือเปล่า ซองยอล





“อื้ม” คำตอบสั้นๆพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆนั้นมันกำลังบีบหัวใจของเขาให้เจ็บปวด อีซองยอลคงจะมีความสุขอยู่กับใครคนนั้นที่เป็นรักครั้งใหม่




“แล้วนายล่ะ มีใครเข้ามาหรือยัง มยองซู”





ต่างจากเขาที่ยังคงฝังใจกับรักครั้งเดิมไม่เปลี่ยน





“ไม่มีหรอก” มยองซูปฏิเสธ “นายก็รู้ดีว่าทำไม”





“อย่าทำแบบนี้เลยนะ อย่ารอฉันอีกเลย” ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความหนักใจทำให้มยองซูต้องก้มหน้าเพื่อกดยิ้มเยาะหยันให้กับตัวเอง





“นายก็อย่าทำแบบนี้เลยนะ” เขาตอบกลับไป “อย่าทำเหมือนกับจะให้ฉันเลิกรักนายเลยนะ”






“มยองซู...”





“ไม่ต้องสงสารฉันหรอก ซองยอล” พูดพร้อมกับส่งยิ้มให้คนตรงหน้า “ที่นายไปมันก็ถูกแล้ว ไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ทำให้เขามีความสุขไม่ได้หรอก”





ยิ่งพูดหัวใจก็ยิ่งบีบรัดแน่นจนเจ็บปวด





“ทำไมต้องรักฉันขนาดนี้ด้วย”





คำถามของซองยอลทำให้น้ำตาของมยองซูแทบไหล






“ไม่รู้สิ” เขาตอบ “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงตกหลุมรักนาย




END.

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

[FIC] Hoax: Prologue ♠ myungyeol


HOAX
Chapter: Prolouge
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - โปสเตอร์ฟิคฉันปลูกเองเลยนะ จับมายำรวมกันมั่วไปโม๊ดดด ฟิคเรื่องนี้ดราม่ามากกว่าพชน.
- แท็กนี้ๆ #fichoax (จริงๆมันแอบซ้ำแต่แค่ไม่กี่ทวีตพอโอเคอยู่ T_T)
- ทำตัวเหมือนว่างจริงๆไม่ว่างนะกำลังจะสอบไฟนอลถ้าดองก็ให้รู้ไว้ว่าติดสอบนะเตง TT










- H O A X -











การตกหลุมรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องแปลก


แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมคนเราถึงยอมงมงายและวนเวียนอยู่ในห้วงของความรักไม่รู้จบ ไม่ว่ารักนั้นจะสมหวังหรือผิดหวังก็ตามที มนุษย์โลกกลับแสวงหาความรักที่ไม่จีรังยั่งยืนอยู่ร่ำไป จริงอยู่ที่เขาตั้งคำถามด้วยความสงสัยแบบนั้นมานานพอควร ว่าทำไมคนเราถึงงมงายในคำว่ารักกันนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง อีซองยอลคนนี้ได้ตกหลุมรักใครบางคนโดยไม่รู้ตัว


เด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายคนหนึ่งที่ไม่สนใจเรื่องอะไรนอกจากการเรียนถูกดึงดูดสายตาของตนเองด้วยใบหน้าและรูปร่างที่ดูดีจนซองยอลไม่อาจละสายตาไปจากใครคนนั้นได้ และเด็กหนุ่มก็ได้มาทราบทีหลังว่าคนคนนั้นที่เขาบังเอิญเจอตอนกำลังเดินทางกลับบ้านนั้นคือ คิมมยองซู


ซองยอลไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาในตอนนั้นคืออะไร เพราะเด็กหนุ่มไม่เคยคิดสนใจอะไรให้มันมากความ แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือสายตาของซองยอลมักจะไปหยุดอยู่ที่มยองซูเสมอ จนเริ่มมีคนสงสัยและจับได้ ทุกคนเพ่งความสนใจมาที่ซองยอล เอาแต่พูดว่าเด็กเนิร์ดๆแบบเขาแอบชอบมยองซู จนกระทั่งเรื่องราวพวกนี้ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงหูของมยองซู


อีซองยอลอับอายจนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร


โชคดีเหลือเกินที่ในตอนนั้นคุณพ่อของซองยอลจำเป็นต้องย้ายไปทำงานที่อีกเมืองหนึ่งพอดี ทำให้เขาต้องย้ายโรงเรียนตามพ่อไปด้วย ซองยอลดีใจ เพราะเด็กหนุ่มคิดว่าเขาได้หันหลังให้กับเรื่องน่าอายพวกนั้น รวมไปถึงคิมมยองซูที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เขาได้แต่ภาวนาว่าพวกเราคงจะไม่มีทางพบเจอกันอีก


เมื่อเด็กหนุ่มได้ย้ายบ้าน และโรงเรียนไปอยู่ที่อีกเมืองหนึ่ง ซองยอลก็ได้พบกับเพื่อนใหม่ที่โรงเรียนแห่งนั้น และนัมอูฮยอนก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างรวดเร็ว


“ซองยอล นายเคยมีความรักไหม” อูฮยอนเอ่ยถามเขาในวันหนึ่ง ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินทางกลับบ้านด้วยกัน


“แล้วเวลามีความรักนี่เราจะรู้สึกยังไงงั้นเหรอ” หนุ่มน้อยอีซองยอลถามกลับ ดวงตากลมโตที่ในตอนนี้ปราศจากแว่นกลมๆที่เขาเคยใส่เมื่อตอนที่ยังอยู่ในกรุงโซลกระพริบปริบๆมองเพื่อนสนิทด้วยความสงสัยใคร่รู้ ซึ่งท่าทางแบบนั้นก็ทำให้อูฮยอนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


“หัวใจเรามักจะเต้นแรงในตอนที่เห็นคนคนนั้น สายตาเรามักจะไปหยุดอยู่ที่เขาโดยไม่รู้ตัว ประมาณนี้ล่ะมั้ง” คำพูดของเพื่อนตัวเล็กทำให้ซองยอลต้องหยุดชะงัก ภาพใบหน้าของคิมมยองซูลอยเข้ามาในห้วงความคิดพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล


“แล้วถ้าคิดถึงใครคนหนึ่งแล้วหัวใจเต้นแรงขึ้นมาล่ะ อูฮยอน” เด็กหนุ่มที่แสนไร้เดียงสาในเรื่องความรักเอ่ยถามเพื่อนสนิท


“คนคนนั้นคือคนที่นายรักหรือเปล่าล่ะ” คำถามที่อูฮยอนถามกลับมาทำให้ซองยอลได้แต่ยู่ปากและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เนื่องจากเด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต นี่หรือเปล่าคือเหตุผลที่ใครต่อใครพากันล้อเขาว่า เขาชอบมยองซู และสิ่งที่ได้ฟังจากอูฮยอนมามันก็ทำให้ซองยอลอดไม่ได้ที่จะคิดตาม และได้รู้ว่า ตนเองคงจะรักคิมมยองซูคนนั้นจริงๆ


แต่จะมีอะไรสำคัญอย่างนั้นหรือ ในเมื่อตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับคนคนนั้นมากพอที่จะมองเห็นได้บ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน อีกหน่อยซองยอลก็คงจะเลิกรักและลืมมยองซูไปได้เองนั่นแหละ






- H O A X - 







เมื่อตอนม.ปลาย อีซองยอลได้คิดเอาไว้ว่า เขาคงจะลืมคิมมยองซูคนที่เป็นรักแรก และรักเพียงครั้งเดียวของเขาได้เพราะระยะทางที่ไกลกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่เป็นไปตามนั้นเลย


สายตาของเขาจับจ้องไปที่คนคนนั้นตั้งแต่วินาทีแรกที่อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในระยะการมองเห็น หัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็วขึ้นจนซองยอลนึกกลัวว่าคนรอบข้างจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งนี้ มือเรียวสวยคว้ามือเล็กของอูฮยอนที่สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันและมาเข้าพิธีปฐมนิเทศพร้อมๆกับเขาด้วยความตื่นตระหนก


ซองยอลกลัวเหลือเกินว่ามยองซูและคนที่มาจากโรงเรียนเก่าของเขาจะจำเขาได้ และหยิบยกเรื่องราวน่าอายพวกนั้นมาล้อเลียนเขาอีก ถึงแม้ว่าในตอนนี้เด็กหนุ่มจะไม่ได้เป็นเด็กเนิร์ดที่ใส่แว่นหนาเตอะแบบตอนนั้นแล้วก็ตาม แต่ซองยอลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว มือเรียวสวยสั่นเทาจนอูฮยอนต้องหันมามองด้วยความสงสัย


“เป็นอะไรซองยอล ตื่นเต้นเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กทำให้ซองยอลต้องรีบหันไปส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ ทั้งๆที่เด็กหนุ่มก็ยังไม่รู้ว่าเขาควรตอบคำถามนั้นของอูฮยอนอย่างไรดี


ดวงตากลมโตคอยเหลือบมองไปยังบริเวณที่มยองซูยืนอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนซองยอลนึกอยากจะหาผ้ามาปิดตาของตนเองไว้ไม่ให้หันไปมองคนคนนั้นอีก และเพราะการกลับมาเจอกันในครั้งนี้มันทำให้ซองยอลได้รู้ว่า หัวใจของเขายังคงมีเจ้าของอยู่เพียงคนเดียว เจ้าของที่ไม่เคยรับรู้ถึงตัวตนของเขา ไม่เคยรับรู้ว่าคนคนนี้รักเจ้าตัวมานานแค่ไหน และคิมมยองซูก็จะยังคงไม่อาจล่วงรู้ได้ว่ามีใครคนหนึ่งที่รักเจ้าตัวมากมายขนาดไหนกำลังยืนอยู่ตรงนี้


เพราะอีซองยอลจะไปเปิดเผยความรู้สึกของตนเองออกไปให้อีกคนได้รับรู้


ไม่ว่าจะในตอนนี้ หรือตอนไหนก็ตาม







- H O A X -







อีซองยอลไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะเป็นคนที่มั่นคงในความรักจนน่ากลัวขนาดนี้


เขาเริ่มรู้สึกรักคนคนนั้นตอนกำลังจะขึ้นม.ปลายปีสอง ถึงแม้จะไม่รู้ตัวก็ตามทีว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร และพอขึ้นม.ปลายปีสอง ซองยอลก็ย้ายโรงเรียน และไม่ได้พบเจอกับคิมมยองซูอีกเลย ทว่าถึงจะไม่ได้เจอกันนานพอสมควร แต่หัวใจของเขามันก็ยังมีแต่คิมมยองซูวนเวียนอยู่แบบนั้น เด็กหนุ่มมักจะเผลอคิดถึงมยองซูในยามที่ตนเองเผลอ และทุกครั้งที่คิดถึงมันก็จะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดไปด้วย


จนกระทั่งซองยอลสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในโซลได้พร้อมกับเพื่อนสนิท – นัมอูฮยอน – และที่นั่นทำให้อีซองยอลได้พบกับคิมมยองซูอีกครั้ง คนหน้าหล่อคนนั้นแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว มยองซูยังคงเป็นคนที่ทำให้ทุกคนสนใจได้เหมือนเดิม และซองยอลก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน พวกเขาเรียนคณะเดียวกัน เพียงแต่คนละสาขา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นซองยอลก็ยังได้พบกับมยองซูอยู่บ่อยครั้งในชั้นเรียนรวม พวกเขามักจะลงทะเบียนเรียนกลุ่มเรียนเดียวกันเสมอจนน่าตกใจ


แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือหัวใจของเขาที่มันเต้นรัวทุกครั้งที่ได้เจอมยองซู


จนกระทั่งวันหนึ่งความรักลับๆในหัวใจของเขาก็ถูกเปิดเผยออกให้นัมอูฮยอนได้รับรู้


“ซองยอล นายชอบมยองซูใช่ไหม” อูฮยอนถามเขาในขณะที่ทั้งสองคนเตรียมตัวจะเข้านอน เพราะเพื่อนตัวเล็กคนนี้อยู่ใกล้กับเขามากกว่าใคร ฉะนั้นซองยอลจึงไม่แปลกใจเลยที่อูฮยอนล่วงรู้ถึงความรู้สึกของเขาแบบนี้ คำตอบของคำถามนั้นซองยอลจึงทำได้เพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ


“ตั้งแต่เมื่อไหร่” แนวฟันขาวขบลงบนกลีบปากอิ่มเพราะเจ้าของมันกำลังลังเลว่าควรจะตอบคำถามนี้ดีหรือไม่


“ม.ปลายปีหนึ่ง” ซองยอลอ้อมแอ้มตอบก่อนจะก้มหน้างุดจนคางแทบชิดอก อูฮยอนได้แต่ถอนหายใจให้กับคำตอบและท่าทางของอีซองยอล คนตัวเล็กไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ทำไมคนน่ารักแบบอีซองยอลถึงได้ปฏิเสธคนที่เข้ามาจีบตลอด และไม่เคยสนใจที่จะมองหาความรักแบบคนอื่นๆ เพราะความรักของอีซองยอลนั้นหยุดอยู่ที่คิมมยองซูนั่นเอง


“แล้วจะทำยังไง แอบชอบต่อไปแบบนี้เหรอ” อูฮยอนถาม


“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซองยอล “ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่นาที่มยองซูจะต้องมารับรู้ความรู้สึกของฉันน่ะ”


“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป นายจะไม่เจ็บปวดเหรอ” ที่ถามแบบนั้นเพราะอูฮยอนรู้ดีว่าคิมมยองซูน่ะเจ้าชู้ขนาดนั้นไหน ขนาดเข้ามหาวิทยาลัยมาได้ไม่ถึงปี นัมอูฮยอนยังได้ยินข่าวคราวที่ว่าคิมมยองซูเปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าจนแทบจะนับจำนวนไม่ได้อยู่แล้ว เขาผู้ซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ในที


แล้วอีซองยอลเล่า อีซองยอลที่หลงรักคิมมยองซูมาโดยตลอด


“ต่อให้เจ็บปวดก็ไม่เป็นไร” ทั้งใบหน้าและแววตา รวมไปถึงน้ำเสียงของซองยอลในวันนี้คงจะเป็นสิ่งที่อูฮยอนไม่อาจลืมเลือนไปได้แม้แต่เสี้ยววินาที เพราะมันเป็นใหน้าของคนที่มั่นคงในความรัก แววตาที่ผสมปนเปไประหว่างความรักที่เปี่ยมล้นและความเศร้าเสียใจนั้นช่างดูสวยงามจับตา อีกทั้งน้ำเสียงที่เจ้าตัวใช้พูดออกมานั้นก็ไม่ได้มีความโกรธเคืองเจือปนอยู่แม้แต่นิดเดียว


“ความรักของฉันไม่ใช่การครอบครองหรอกนะอูฮยอนอา ความรักของฉันคือการได้มองเห็นเขามีความสุขต่างหาก”


ณ วินาทีนั้น นัมอูฮยอนได้แต่เฝ้าคิดว่า ความรักของอีซองยอลนั้นยิ่งใหญ่กว่าใคร







- H O A X -







โลกใบนี้นั้นกลมนัก


ใครกันที่เป็นคนคิดค้นวลีนี้ขึ้นมากันนะ ซองยอลได้แต่เฝ้าตั้งคำถามนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะในทุกครั้งที่คนหน้าหวานที่ในตอนนี้เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มมาเป็นชายหนุ่มเต็มตัวได้หมายมั่นไว้ในใจว่านับแต่นี้ต่อไป อีซองยอลคงไม่มีโอกาสได้พบเจอกับคิมมยองซูอีก แล้วความรักที่ตราตรึงอยู่ในใจก็คงจะจางหายไปสักวัน


ทว่าสวรรค์กลับเอาแต่กลั่นแกล้งให้เขาต้องกลับมาพบกับคิมมยองซูครั้งแล้วครั้งเล่า


ในตอนนี้อีซองยอลเรียนจบระดับอุดมศึกษาเรียบร้อยแล้ว และชายหนุ่มก็ได้ใช้เวลากว่าสองปีไปกับการเดินทางท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ ก่อนจะกลับมาทำงานที่บริษัทของครอบครัว แต่ซองยอลได้ยื่นข้อเสนอกับผู้ให้กำเนิดเอาไว้ว่าเขาขอเริ่มงานในตำแหน่งเล็กๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนที่จะขึ้นไปสู่ตำแหน่งรองประธานฯ ที่พ่อของเขาพร้อมจะมอบให้เสียก่อน และเพราะข้อเสนอนั้นของซองยอล มันทำให้เขาได้กลับมาพบกับคิมมยองซูอีกครั้ง


ไม่ใช่ในฐานะคนที่เรียนที่สถาบันเดียวกัน หรือคนที่เดินสวนกันไปมา แต่เป็นฐานะหัวหน้าแผนก และลูกน้อง


“ตั้งแต่วันนี้คุณซองยอลจะมาทำงานในทีมนี้นะครับ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอ่ยแนะนำซองยอลที่เพิ่งเข้ามาทำงานในวันนี้เป็นวันแรก ในขณะที่เจ้าของชื่อได้แต่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาที่จ้องมองอย่างตรงไปตรงมาของคิมมยองซู หัวใจดวงน้อยที่ซ่อนอยู่ภายในเต้นระรัวจนน่าตกใจ ทั้งๆที่ในทุกครั้งที่ได้เจอมยองซู ซองยอลก็มักจะมีอาการแบบนี้ตลอดแท้ๆ แต่ทำไมชายหนุ่มหน้าหวานกลับไม่รู้สึกเคยชินกับมันเสียที


“สวัสดีครับ อีซองยอลครับ” เสียงหวานใสเปล่งออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม สะกดให้พนักงานภายในแผนกจัดซื้อต้องหันมาให้ความสนใจพนักงานใหม่คนนี้ ใบหน้าหวานนั้นประดับด้วยรอยยิ้มกว้างที่แสนจริงใจและสดใส ดวงตากลมโตที่หยีลงอย่างน่ารัก แก้มอิ่มอวบอูมที่ดันตัวขึ้นนั้นทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างอีซองยอลได้ใจคนแผนกไปหลายต่อหลายคน ซึ่งภาพเหล่านั้นก็อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งตลอดเวลา...


คิมมยองซู






- H O A X -






ขาเรียวยาวก้าวเดินเข้าไปในผับแห่งหนึ่งหลังจากที่เลิกงานแล้วคนในแผนกต่างพากันมารุมล้อมที่โต๊ะของซองยอลแล้วบอกว่าวันนี้หัวหน้าจะพาไปเลี้ยงต้อนรับ คนหน้าหวานกัดปากของตัวเองด้วยความหนักใจ ถึงแม้ซองยอลจะเคยคิดว่าสักวันเขาคงจะลืมอีกคนได้ และการเผชิญหน้ากับคิมมยองซูคงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไร


แต่พอเอาเข้าจริง แค่ซองยอลเห็นว่าคนคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาก็สั่นไหวจนเขากลัวว่าคนอื่นๆจะล่วงรู้ความในใจของเขาเข้าเสียก่อน


“ซองยอล มานั่งๆ” เสียงของนัมอูฮยอนเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่แผนกเดียวกันมาก่อนหน้าเขาได้พักหนึ่งดังขึ้น ซองยอลได้แต่คิดว่ามันเป็นความโชคดีของเขาที่ได้มาทำงานร่วมกับอูฮยอนเหมือนตอนสมัยเรียน เพราะอย่างน้อยในยามที่อีซองยอลคนนี้รู้สึกอ่อนแอ นัมอูฮยอนก็พร้อมที่จะเป็นเกราะป้องกันให้กับเขาเสมอ


“อูฮยอนอา ฉันไม่ชอบที่แบบนี้เลยอ่ะ” ริมฝีปากสีชมพูสดยู่เข้าหากันพร้อมกับกระซิบเบาๆให้เพื่อนของตนเท่านั้นได้ยิน


ถึงแม้คุณพ่อและคุณแม่จะตามใจซองยอล และให้อิสระกับเขามากแค่ไหนก็ตาม แต่สถานที่อโคจรเช่นนี้ซองยอลก็ไม่ชอบที่จะเข้ามาเท่าไรนัก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้าหรอกนะ ซองยอลต้องเคยเข้ามันแน่อยู่แล้ว เขาอายุ 25 ปีแล้ว ซองยอลโตพอที่จะรู้ว่าโลกภายรอบตัวของเขามันเป็นอย่างไร และอันตรายขนาดไหน


“ทนนั่งอยู่ที่นี่หน่อยนะ อย่างน้อยก็ไม่ให้เสียน้ำใจพี่ๆในแผนก” นัมอูฮยอนพูดพลางยกมือขึ้นมาลูบกลุ่มผมนุ่มของซองยอลเบาๆ ก่อนที่ดวงตาเรียวรีจะเหลือมองไปทางหัวโต๊ะที่เขารู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่พักหนึ่งแล้ว คนตัวเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันแทบจะในทันทีที่เห็นว่าดวงตาคู่คมของคิมมยองซูกำลังจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าของอีซองยอลอย่างไม่วางตา จนอูฮยอนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงคนตัวบางข้างกายขึ้นมา


ชายหนุ่มรีบหันหน้ากลับมามองคนข้างกาย ก่อนที่จะออกแรงดึงให้ซองยอลขยับเข้าไปชิดกับพนักพิงของโซฟาที่เขานั่งอยู่มากขึ้น และพยายามขยับตัวให้ได้นั่งในท่าที่สามารถบดบังอีซองยอลจากสายตาของคิมมยองซูได้


เพราะเขารู้ดีว่ามยองซูเจ้าชู้ขนาดไหน


ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ในคณะเดียวกันมานั้น อูฮยอนสนใจเรื่องราวของคิมมยองซูเป็นอย่างมากเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขานั้นหลงรักคนคนนั้นมากขนาดไหน รักเสียจนอูฮยอนมั่นใจได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามว่าตลอดทั้งชีวิตนี้ หากอีซองยอลคิดจะลืมเลือนความรักที่เจ้าตัวมีให้กับคิมมยองซูมันคงต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ซึ่งเพราะความสนใจเหล่านั้นมันทำให้อูฮยอนรับรู้ถึงความเจ้าชู้ของคิมมยองซูทั้งในสมัยเรียน และทำงาน แน่นอนว่านิสัยพวกนี้มันคงยากที่จะรักษาให้หาย


และอีกสิ่งหนึ่งที่อูฮยอนคิดมาตลอดก็คือ คิมมยองซูไม่คู่ควรกับความรักของซองยอลแม้แต่นิดเดียว


“ดื่มหน่อยสิซองยอล เป็นตัวเด่นของงานแต่ดันมานั่งเงียบๆแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน” น้ำเสียงสดใสของรุ่นพี่ภายในแผนกทำให้นัมอูฮยอนหลุดออกจากภวังค์ ดวงตาเรียวรีเหลือบขึ้นมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของจางดงอู ก่อนจะเตรียมหันไปออกปากห้ามไม่ให้ซองยอลที่รับแก้วเครื่องดื่มมึนเมาจากดงอูมาดื่ม หากแต่การกระทำของเขามันช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น


“เฮ้ย ซองยอล หยุด!” เสียงตะโกนของอูฮยอนดังก้องไปทั่วบริเวณ จนคนหน้าหวานที่ยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มต้องลดแก้วลงแล้วมองอูฮยอนด้วยดวงตาหวานเยิ้ม


อีซองยอลแพ้แอลกอฮอล์ แค่จิบเดียวก็เมาคอพับคออ่อนแล้ว แต่นี่เจ้าตัวดื่มค็อกเทลเข้าไปเกือบทั้งแก้วจนอูฮยอนได้แต่ยกมือขึ้นมากุมขยับ เพราะอยู่ด้วยกันมาตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย นัมอูฮยอนจึงรู้ดีว่าอีซองยอลนั้นดื้อแค่ไหนหากเจ้าตัวเมาขึ้นมา


“กลับคอนโดเดี๋ยวนี้เลย ลุก!” อูฮยอนร้องบอกเพื่อนหน้าหวานพร้อมกับกระวีกระวาดหยิบกระเป๋าของตัวเองและซองยอลขึ้นมาสะพายเอาไว้ แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทั้งๆที่ตัวของเขาก็ไม่ได้ใหญ่อะไรโอบรอบเอวเล็กของซองยอลแล้วลากอีกคนออกจากผับอย่างทุลักทุเล


“เดี๋ยวฉันช่วย” เสียงทุ้มของหัวหน้าแผนกดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวคว้าแขนข้างที่ตกอยู่ข้างตัวของซองยอลขึ้นไปคล้องคอของตัวเองเอาไว้


“ขอบคุณครับ หัวหน้า” คนตัวเล็กตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามปกตินับตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา


“กลับกันยังไง ให้ฉันไปส่งไหม” มยองซูเอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองหน้าอูฮยอนที่อยู่อีกฝั่งของซองยอล กลิ่นหอมอ่อนๆที่ทำให้เขาเคลิบเคลิ้มลอยออกมาจากตัวของพนักงานใหม่อย่างอีซองยอลทำให้คิมมยองซูต้องลอบยิ้มด้วยความชอบใจ คนหน้าหล่อแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเองเพื่อยับยั้งความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเริ่มก่อตัวอย่างเงียบงัน


“เดี๋ยวผมขับรถไปส่งเพื่อนของผมเองครับ” นัมอูฮยอนจงใจเน้นคำที่เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ จนคิมมยองซูต้องส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ


สายตาของเขาไม่เคยผิดพลาดจริงๆเสียด้วย ตั้งแต่ตอนที่อยู่ออฟฟิศแล้ว มยองซูสังเกตว่าอูฮยอนดูจะใส่ใจซองยอลมากจนดูน่าแปลกใจ ยิ่งตอนที่อีกคนเห็นว่าเขาแอบมองซองยอลอยู่แล้วพยายามซ่อนคนหน้าหวานเอาไว้จากสายตาเขานั่นอีก มันทำให้เขามั่นใจว่านัมอูฮยอนไม่ได้คิดกับอีซองยอลแค่เพื่อนอย่างแน่นอน


“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็กลับดีๆก็แล้วกันนะ” มยองซูพูดพร้อมกับปล่อยแขนของซองยอลออกจากลำคอของตัวเองหลังจากที่เดินมาส่งอูฮยอนถึงที่รถ


“ครับ ขอบคุณที่ช่วยเหลือครับหัวหน้า” อูฮยอนตอบกลับเรียบๆ ก่อนจะจัดท่าทางให้ซองยอลนั่งบนเบาะรถสบายๆ


คิมมยองซูได้แต่ยกยิ้มมุมปากให้กับภาพที่เห็น จากนั้นคนหน้าหล่อจึงค่อยๆหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าไปภายในร้านตามเดิม ในขณะที่ภายในหัวใจก็เกิดแผนบางอย่างขึ้นมา


ไม่บ่อยนักที่มยองซูจะถูกใจใครสักคนตั้งแต่แรกเห็น และยิ่งใครคนนั้นมีคนบางคนหวงก้างอยู่แบบนี้ คิมมยองซูก็ยิ่งสนใจ


.


.


.


“อูฮยอนอา...” เสียงหวานที่ดังขึ้นอย่างอูอี้เพราะเจ้าของเสียงไม่ได้เปิดปากเพื่อเอื้อนเอ่ยให้เจ้าของชื่อได้ยินอย่างชัดเจน


“ว่าไง” อูฮยอนตอบกลับไป ก่อนที่คำตอบที่ได้รับมันจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดไปทั้งดวง


“ทำไมฉันถึงรักคิมมยองซูขนาดนี้นะ...”


นั่นสิ ทำไมฉันถึงรักนายขนาดนี้นะ อีซองยอล


คำพูดที่นัมอูฮยอนทำได้เพียงเอ่ยถามอยู่ภายในใจ




TBC.