Back
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, One-shot, Drama
Rating: PG
Author: khanunys
A\N: - อ่านจบแล้วบอกเราด้วยนะว่ารู้เรื่องไหม 555555555
- ฟิคชื่อ back แต่เพลงประกอบฟิคคือ back to December นะจะบอกให้
- ถ้าโอเคกับการสกรีมผ่านทวิตเตอร์ #knysfic สำหรับฟิคสั้นๆแบบนี้ทุกเรื่อง อัพฟิคก็จะติดแท็กนี้นะ
- ฟิคชื่อ back แต่เพลงประกอบฟิคคือ back to December นะจะบอกให้
- ถ้าโอเคกับการสกรีมผ่านทวิตเตอร์ #knysfic สำหรับฟิคสั้นๆแบบนี้ทุกเรื่อง อัพฟิคก็จะติดแท็กนี้นะ
Someone
said that 'time changes, things change'
Yes,
that's right. But one thing I never know is why I never change.
I
always think of you, miss you, and, yes, love you.
If
I can turn back to that time, I'll never let you go.
- B A C K -
ฤดูหนาวได้กลับมาเยือนอีกครั้งแล้ว
ดวงตาคู่สวยที่จ้องมองไปยังปฏิทินตั้งโต๊ะที่ว่างอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเริ่มเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
เมื่อความทรงจำครั้งเก่าได้หวนกลับมาอีกครั้ง
ความทรงจำที่นำพาความเจ็บปวดกลับมาได้ทุกครั้ง
.
.
“ฉันรักนายนะ
อย่าทำแบบนี้เลยได้ไหม”
“ฉันยังมองไม่เห็นสิ่งที่จะเป็นไปได้เลยนะ
คิมมยองซู...
ถ้าเราเลิกจะจบความสัมพันธ์ของพวกเราตั้งแต่ตอนนี้มันคงจะดีกว่า”
.
.
.
ทั้งๆที่เขาเป็นคนพูดคำคำนั้นออกไป
ทั้งๆที่คำพูดเหล่านั้นมันหลุดออกจากปากของอีซองยอลแท้ๆ
แต่ทำไมเขาถึงได้เจ็บปวดทุกครั้งที่เขาคิดถึงความทรงจำในครั้งนั้น
และคิดถึงคนคนเดียวในความทรงจำและหัวใจ
คิมมยองซู
- B A
C K -
ขาเรียวยาวก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตา
ดวงตากลมสวยที่ฉายแววเศร้าสร้อยนั้นทำให้บรรยากาศรอบข้างดูหม่นหมองไปหมด
คนหน้าหวานได้แต่ถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความอึดอัดภายในหัวใจ
ในขณะที่ขาทั้งสองข้างก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน
คือการก้าวเดินต่อไปตามเส้นทางที่ยังไม่อาจมองเห็นปลายทางนี้
ชั่ววูบหนึ่ง
อีซองยอลได้ภาวนากับเกล็ดหิมะที่กำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้าทีละน้อยอย่างมีความหวังว่าขอให้เขาได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงนี้ของเมื่อหลายปีที่แล้วเพื่อแก้ไขความผิดพลาดต่างๆที่เขาได้ทำลงไปกับมยองซู
หรือไม่ก็ขอให้ซองยอลได้มีโอหาสได้พบเจอกับเจ้าของหัวใจของเขาอีกสักครั้งก็ยังดี
คนหน้าหวานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนเห็นเป็นควันสีขาวจางอยู่ด้านหน้า
ก่อนที่ซองยอลจะตัดสินเลี้ยวเข้าไปยังร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ริมทางเพราะหิมะที่เริ่มโปรยปรายหนักขึ้นนั้นกลายเป็นอุปสรรคกับการเดินเล่นของซองยอลไปเสียแล้ว ชายหนุ่มก้าวเท้าตรงไปยังเคาน์เตอร์ก่อนจะเอ่ยสั่งเมนูโปรดของตนเองด้วยความคุ้นชิน
จากนั้นจึงค่อยให้มาให้ความสนใจการเลือกจับจองที่นั่ง
ในวินาทีที่อีซองยอลหมุนตัวหันหลังให้กับเคาน์เตอร์
ทันทีที่ดวงตากลมโตสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาลดำขลับของใครคนหนึ่ง
ในยามที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นฉายชัดอยู่ในม่านตาของอีซองยอล
ในวินาทีนั้นเองเขาก็ได้รับรู้ว่าเวลาที่เหมือนหยุดเดินนั้นเป็นเช่นไร
ขายาวทั้งสองข้างค่อยๆก้าวเดินตรงไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ที่เขายืนอยู่ก่อนกน้านี้เท่าไรด้วยหัวใจที่กำลังสั่นสะท้าน
ดวงตาทั้งสองข้างแห้งผากทั้งๆที่อีซองยอลนั้นรู้สึกอยากจะร่ำไห้นับตั้งแต่วินาทีที่ได้เห็นใบหน้าของคนคนเดียวที่ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจของเขาเอง
คิมมยองซูนั้นดูราวกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเท่าไรนัก
ซองยอลคิด
แล้วซองยอลก็คิดต่อไปอีกว่า
มยองซูจะรู้บ้างไหมว่าอีซองยอลคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย...แม้แต่นิดเดียว
“ขอนั่งด้วยคนได้หรือเปล่า”
คนหน้าหวานไม่รู้ว่าในตอนที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป เขากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน
และเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นด้วยน้ำเสียงเช่นไร
สิ่งเดียวที่ซองยอลรู้ในตอนนี้คือเขาคิดถึงและโหยหาคนตรงหน้ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“นั่งสิ”
รอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากของมยองซูยังคงเหมือนเดิม หากแต่ดวงตาคู่นั้นที่เคยทอดมองซองยอลด้วยความอ่อนโยนและความรักนั้น
ซองยอลกลับไม่สามารถอ่านความรู้สึกของอีกคนได้เลยแม้แต่นิดเดียว
มันอาจจะเป็นเพราะความหวาดกลัวของอีซองยอลก็เป็นได้
เขาอาจจะกำลังกลัวจนไม่กล้าคาดเดาความรู้สึกดวงตาคู่นั้น
เพราะคนหน้าหวานกลัวว่าความรักที่อีกฝ่ายเคยมีให้กับมันจะน้อยลง
หรือไม่หลงเหลืออยู่เลย
“นายสบายดีใช่ไหม”
คำถามจากมยองซูทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“อื้ม ฉันสบายดี”
ซองยอลว่า “แล้วนายล่ะ”
“เรื่อยเปื่อยน่ะ”
นัยน์ตาสีรัตติกาลที่แสนว่างเปล่าทำให้หัวใจของซองยอลชาวาบ
“งั้นเหรอ”
คนหน้าหวานกดยิ้มเล็กๆที่มุมปากก่อนจะคว้าเอาแก้วอเมริกาโนที่เพิ่งมาเสิร์ฟขึ้นมาถือไว้ในอุ้งมือเพื่อรับความอบอุ่นจากมัน
หากแต่ไม่กี่วินาทีจากนั้น
แก้วกาแฟขนาดกลางก็ถูกคว้าออกไปจากมือของเขาด้วยฝีมือของคนที่นั่งตรงข้ามกัน
ซองยอลมองมยองซูที่หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาพันรอบแก้ว
ก่อนจะหวนคิดถึงวันเก่าๆที่มยองซูเคยทำเช่นนี้ให้กับเขา
“นายก็ชอบหยิบไปถือแบบนั้นอยู่เรื่อย
มันร้อนเกินไปไม่รู้หรือไง”
ประโยคที่ดังลอดออกจากริมฝีปากของคิมมยองซูในตอนที่อีกฝ่ายยื่นแก้วกลับมาให้กับเขาก็ยังคงเป็นเหมือนในวันวาน
“มันเคยตัวน่ะ”
ซองยอลตอบพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด
หัวใจดวงน้อยเต้นดังตึกตักด้วยความตื้นตันใจกับการกระทำที่ยังคงเหมือนในวันวาน
ถึงแม้บางทีคิมมยองซูอาจจะทำไปเพราะความเคยชินที่ต้องคอยดูแลคนแบบอีซองยอลมาเป็นเวลานานก็ได้
“นายนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”
ซองยอลได้แต่กดยิ้มที่มุมปากให้กับคำพูดนั้นของอีกคน
ใช่
อีซองยอลไม่เปลี่ยนไปเลย
“ว่าแต่นายมาที่นี่บ่อยหรือเปล่า”
คนหน้าหวานเอ่ยถามมยองซูเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาจะทนเข้มแข็งอยู่ตรงหน้าอีกคนได้อีกนานแค่ไหน
เพียงแค่ได้มองหน้า ได้เห็นการกระทำที่อีกคนเคยทำให้
ได้ฟังเสียงที่เขายอมรับอย่างไม่อายว่าเขาถวิลหาที่จะได้ยินมันอีกครั้งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เพียงเท่านี้ น้ำตาที่คล้ายจะเหือดแห้งไปแล้วก็เริ่มก่อตัวขึ้นได้โดยง่าย
“พอสมควร
ฉันมาแถวนี้บ่อย”
“ที่นี่บรรยากาศดีเนอะ”
ซองยอลพูดเบาๆ “เสียดายที่ฉันไม่ได้มีโอกาสมาแถวนี้บ่อยๆ”
“ซองยอล”
ชื่อของเขาที่ดังออกมาจากริมฝีปากของคิมมยองซู ทำให้ขอบตาของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
วองยอลได้แต่ก้มหน้าก้มตาหลบซ่อนหยาดน้ำที่รื้นขึ้นมาจนเขามองภาพต่างๆแทบไม่เห็น
ซองยอลจะไม่ยอมให้มยองซูได้เห็นน้ำตาของเขาเด็ดขาด
‘สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ร้องไห้อีก
น้ำตาของนายมันทำให้หัวใจของฉันเจ็บปวดไปหมดเลยนะ’
คำขอร้องของคิมมยองซูที่ยังคงฝังลึกอยู่ภายในใจของซองยอล
คำพูดที่ซองยอลพร้อมจะทำตามถึงแม้ในตอนนี้เขาจะไม่รู้ว่าอีกคนจะยังคิดและรู้สึกแบบนั้นอยู่หรือไม่ก็ตามที
“หืม”
คนหน้าหวานส่งเสียงตอบรับไปสั้นๆเพื่อไม่ให้มยองซูรู้ว่าในตอนนี้เขากำลังจะร้องไห้
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ
ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกนะ” พูดจบคิมมยองซูก็เดินจากไปอย่างรีบร้อน
น้ำตาหยดแรกหยดลงบนตักของเขาโดยที่ซองยอลไม่อาจห้ามไม่ให้มันไหลได้อีกต่อไป
ทั้งๆที่เขามีโอกาสได้พบกับคิมมยองซูอีกครั้งแท้ๆ
แต่คนหน้าหวานกลับไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกไปได้อย่างที่เคยคิดมาตลอดว่า หากเขาได้พบกับมยองซู
เขาจะพูดกับอีกคนว่าอย่างไร
ฉันรักนายนะ
กลับมาได้หรือเปล่า
ฉันผิดไปแล้ว
ยกโทษให้ฉันเถอะนะ
ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังรักนาย
คำพูดเพียงไม่กี่คำ
วลีสั้นๆที่ใช้เวลาพูดไม่นาน แต่ซองยอลกลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
มือเรียวสวยล้วงเข้าไปภายในเสื้อโค้ทที่เขาถอดวางพาดไว้กับเก้าอี้เพื่อสมุดโน้ตเล่มเล็กและปากกาที่เขามักจะพกติดตัวเสมอออกมา
สมุดเล่มเล็กที่เขียนเล่าเรื่องราวในทุกครั้งที่เขาคิดถึงคิมมยองซู
และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หากแต่มันไม่ใช่เพราะความคิดถึงอีกต่อไป ในวันนี้มันคือเรื่องราวของการที่เขาได้กลับมาพบกับมยองซูอีกครั้งต่างหาก
ซองยอลจรดปลายปากกาเพื่อเขียนบอกเล่าเรื่องราวภายในวันนี้ด้วยมือที่สั่นเทา
น้ำตาเม็ดโตหยดลงบนกระดาษก่อนจะกระจายเป็นวงกว้าง
คนหน้าหวานมองข้ามรอยเปื้อนของน้ำหมึกสีน้ำเงินแล้วตั้งอกตั้งใจเขียนมันต่อไป
ทุกคำที่เขาขีดเขียนคือความรู้สึกที่ซองยอลไม่เคย
และไม่มีโอกาสได้พูดมันออกไปไม่ว่าจะเป็นในตอนที่พวกเขายังคบกับ
หรือในตอนที่เลิกรากันไปแล้ว
คนหน้าหวานยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้า ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าคิมมยองซูวางแว่นตาของตัวเองทิ้งเอาไว้
ซองยอลได้แต่ยกยิ้มบางๆให้กับสิ่งที่เห็น
ไม่ว่าเมื่อไรคิมมยองซูก็ยังคงเป็นคนที่ลืมของเล็กๆน้อยๆได้ตลอดในตอนที่กำลังรีบร้อน
และอีกไม่นานอีกคนก็คงจะวิ่งกลับมาเพื่อเอามันกลับไปด้วย เพราะฉะนั้น
สมุดเล่มเล็กเล่มนี้ อีซองยอลก็จะขอวางมันทิ้งไว้เพื่อให้เจ้าของแว่นตาอันนี้ได้รับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดของเขาเสียที
‘สมุดเล่มนี้ฉันจงใจวางมันทิ้งไว้ให้นาย
ความรู้สึกทั้งหมดของฉัน
ช่วยรับรู้มันด้วยนะ
คิมมยองซู’
ข้อความที่ซองยอลเขียนลงไปบนหน้ากระดาษหน้าแรก
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากร้านกาแฟร้านนั้นไปด้วยหัวใจที่ด้านชาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง
หิมะที่ยังคงโปรยปรายอยู่นั้นทำให้ซองยอลได้แต่คิดว่าหากเขาสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขวันเก่าๆได้ก็คงจะดี
เพราะเขาจะไม่มีทางปล่อยให้คิมมยองซูเดินหายไปจากชีวิตของเขาอีก
- B A
C K -
คิมมยองซูวิ่งกลับมายังร้านกาแฟร้านประจำของเขาด้วยความรีบร้อน
เพราะว่าตอนออกจากร้านนั้นเขาค่อนข้างรีบ ทำให้เผลอลืมแว่นตาของตัวเองเอาไว้
จึงเป็นเหตุให้ต้องย้อนกลับมาเอา
ขายาวรีบก้าวตรงไปที่โต๊ะที่เขาเคยนั่งอยู่ที่ในตอนนี้มันว่างเปล่า
แต่ดูจากการที่โต๊ะยังไม่ได้รับการทำความสะอาด
ทำให้มยองซูสามารถรู้ได้ว่าซองยอลคงจะเพิ่งออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
คิ้วหนาเลิกขึ้นสูงเมื่อเห็นว่าแว่นตาของเขานั้นวางทับสมุดเล่มล็กเล่มหนึ่งอยู่
มยองซูหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะเปิดออกเพื่อสำรวจว่ามันคือสมุดของใคร
และในทันทีที่เห็นข้อความที่หน้าแรก และข้อความอื่นที่เขาอ่านผ่านๆ
มันทำให้มยองซูไม่รอช้าที่จะวิ่งออกจากร้านไปยังทางตรงข้ามกับที่เขาวิ่งมาก่อนหน้านี้
เพราะคิมมยองซูมองเห็นอีซองยอลจากด้านในร้านตั้งแต่ตอนที่อีกคนเดินทอดน่องอยู่ด้านนอกจนเข้ามานั่งภายในร้าน
ชายหนุ่มจึงสามารถเดาได้ว่าอีกคนจะไปทางไหน
“ซองยอล!” คิมมยองซูตะโกนเรียกคนที่เดินเหม่ออยู่ด้านหน้าเสียงดัง
จนเจ้าของชื่อต้องหันกลับมาด้วยความตกใจ
ดวงตากลมโตที่ดูบวมช้ำนั้นทำให้หัวใจของคิมมยองซูเจ็บปวดไปหมด
จนคนหน้าหล่อต้องเม้นปากแน่น
ขายาวค่อยๆก้าวตรงไปหาคนหน้าหวานที่ยืนห่างไประยะหนึ่ง จนพวกเขายืนอยู่ห่างจากกันไม่มาก
“ซองยอล
ฉัน...” ภาพในวันที่เขาเลิกรากันลอยเข้ามาในความคิดของชายหนุ่ม
ในวันนั้นเขายืนอยู่ตรงหน้าซองยอลแบบนี้พร้อมกับช่อดอกไม้ช่อหนึ่งที่มยองซูเตรียมมามอบให้ซองยอล
หากแต่คำตอบที่เขาได้รับคือการตัดความสัมพันธ์ ทว่าในวันนี้มันไม่เหมือนวันนั้น
เพราะตอนนี้มยองซูได้รู้ว่าอีซองยอลยังคงรักเขาอยู่และที่สำคัญ
เขาก็ยังรักอีกคนอยู่ไม่ต่างกัน
“...ฉันยังรักนายอยู่นะ”
ถึงม้วันนี้มันจะคล้ายวันนั้น
แต่คิมมยองซูก็มั่นใจว่าคำตอบที่เขาจะได้รับนั้นมันจะนำความสุขมาคืนให้กับเขา
END.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น