Passionate
3rd
– What you want
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: เหนื่อยแบบร่างจะแหลก O<-<
-passionate-
You have to answer my question. What you want?
และคนที่จะโดนลูกหลงคนแรกก็คือคิมมยองซู ตามติดด้วยคิมซองกยู
You have to answer my question. What you want?
อีซองยอลตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดที่สะโพก
ใบหน้าหวานเบ้ลงด้วยความไม่ชอบใจ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่ออีซองยอลพลาดเอง
คิดจะทำให้เขาเป็นของตัวเอง
กลับกลายเป็นว่าต้องกลายเป็นของเขาเสียอย่างนั้น
ร่างโปร่งค่อยๆขยับเพื่อพลิกตัว
แต่กลับพบว่าในตอนนี้เขากำลังถูกกักเอาไว้ให้อ้อมแขนคนที่รุกรานร่างกายของเขาเมื่อคืนนี้
ซองยอลค่อยๆจับมือของคิมมยองซูที่พาดอยู่ตรงเอวของเขาออก
ทว่าเจ้าของท่อนแขนนั้นกลับรั้งร่างของเขาให้แนบชิดไปกับร่างของตนมากยิ่งขึ้น
พร้อมกับปลายจมูกโด่งที่ไล้ไปตามโครงหน้าของเขาคล้ายหลงใหล
"ปล่อยฉันได้แล้ว
คิมมยองซู" ซองยอลบอกกับเจ้าของอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
พร้อมทั้งขยับกายไปมาเพื่อให้ตนหลุดออกจากอ้อนกอดของอีกฝ่ายเสียที
"ของเล่นมีสิทธิ์สั่งเจ้าของหรือไง
อีซองยอล" คำพูดของมยองซูที่ดังขึ้นนั้นเปรียบดั่งเวทมนตร์ที่แช่แข็งอีซองยอลได้เพียงพริบตาเดียว
คนหน้าหวานกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติของตนที่หลุดลอยไป
ก่อนที่ซองยอลจะตัดสินใจพลิกตัวไปจ้องมองใบหน้าของคนที่ครอบครองร่างกายของเขาไปแล้ว
"คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
คิมมยองซู" ดวงตาคู่หวานแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อยราวกับเป็นสัญญาณบอกว่าลมพายุกำลังก่อตัวอย่างเงียบงันอยู่ภายในใจของอีซองยอล
ขอเพียงแค่คิมมยองซูเผลอพูดสิ่งใดที่ขัดใจคนตัวสูงออกมาเท่านั้น
"ก็แค่เซ็กซ์ชั่วข้ามคืน ฉันไม่คิดมากกับมันหรอก"
"งั้นเหรอ"
นัยน์ตาของอีซองยอลคล้ายจะปรากฏประกายไฟออกมาทันทีที่เจ้าตัวมองเห็นท่าทางยียวนของคิมมยองซู
"นายยังคิดจะให้ฉันเป็นของเล่นของนายเลยนี่
ทำไมฉันจะทำกับนายบ้างไม่ได้ล่ะอีซองยอล"
ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรู้สึกโมโห
อีซองยอลตวัดสายตามองคิมมยองซูอย่างแข็งกร้าว
จากนั้นจึงพยายามพาร่างกายอันบอบช้ำจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล
อีซองยอลแค่อยากจะหนีไปให้พ้นหน้าคิมมยองซูในตอนนี้
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะไม่ชอบใจกับการกระทำของซองยอลไม่น้อย
เมื่อร่างกายที่อ่อนแรงของอีซองยอลถูกดึงกลับไปจนล้มลงบนเตียงนุ่มอีกรอบ
อีกทั้งคิมมยองซูยังทาบทับร่างของเขาไว้แล้วมองมาด้วยใบหน้าและดวงตาที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าเขา
"จะรีบไปไหนล่ะซองยอล"
เจ้าของชื่อรู้สึกเกลียดรอยยิ้มยียวนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของคิมมยองซูไม่น้อย
คนหน้าหวานนึกอยากจะเอาเล็บของตนเองไปข่วนหน้าอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด
โดยเฉพาะยามที่คิมมยองซูเคลื่อนใบหน้าให้เข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม
"ยังคุยกันไม่จบเลยนะ"
"ฉันบอกนายไปแล้วว่ามันเป็นแค่วันไนท์แสตนด์"
คนตัวสูงกัดฟันตอบกลับไป
ในตอนนี้ซองยอลรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นรองคิมมยองซูอยู่มากโข
ทั้งร่างกายที่อ่อนล้า รวมไปถึงจิตใจที่บอบช้ำจากการกระทำอันผิดพลาดของตนเอง
หากเมื่อคืนเขาไม่หวังที่จะมอมเหล้ามยองซู
เช้านี้คงกลายเป็นเขาแล้วที่มีมยองซูอยู่ในอ้อมกอดยามลืมตาตื่นขึ้นมา
หากถามซองยอลว่าเขาโกรธมยองซูไหมที่ทำกับเขาเช่นนี้
ซองยอลก็คงตอบว่าโกรธ แต่ถ้าถามว่าระหว่างมยองซูกับตัวเขาเอง
คนตัวสูงก็ต้องตอบตัวเองอยู่แล้ว
"ฉันไม่อยากให้มันจบเท่านี้"
มยองซูพูดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ซองยอลได้แต่ขมวดคิ้วมองตอบอีกฝ่ายเท่านั้น
แต่เมื่อไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกจากปากของคนหน้าหล่ออีก
อีซองยอลจึงต้องเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
"นายต้องการอะไรกันแน่
คิมมยองซู"
เจ้าของชื่อแย้มยิ้มกว้าง
จากนั้นจึงเคลื่อนใบหน้าเข้ามาจนชิด มยองซูกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูของซองยอล
ด้วยคำตอบที่ซองยอลไม่อาจรู้ได้ว่าตนเองควรจะทำเช่นไร
"นาย"
-passionate-
เสียงโทรศัพท์แผดร้องดังบ่งบอกว่าตอนนี้กำลังมีสายเข้า
เรียกความรำคาญให้ปรากฏบนใบหน้าของอีซองยอลผู้ซึ่งตกอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียวได้ไม่น้อย
คนหน้าหวานเบือนสายตาออกจากท้องถนนเบื้องหน้าเพื่อมองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเพียงชั่วครู่
ก่อนที่เจ้าตัวจะทำนิ่งเฉยกับมันเสีย
เสียงเรียกเข้าที่ร้องดังอยู่นานนับนาทีจึงเงียบเสียงไปเมื่อปลายสายนั้นยอมตัดสายไปเสียที
จากนั้นซองยอลจึงคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูของตนขึ้นมาเพื่อจะโทรกลับไปยังเบอร์เมื่อครู่
ทว่าเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นก็ดังซ้ำอีกครั้งจนคนตัวสูงต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ
"ครับ
พี่ซองกยู" ซองยอลกรอกเสียงผ่านไมโครโฟนที่ซ่อนอยู่ภายในเครื่อง
"(นายอยู่ไหนแล้ว)"
"กำลังขับรถไปบริษัทครับพี่"
ซองยอลตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
ความจริงแล้วซองยอลไม่ได้ปรารถนาที่จะเข้าบริษัทสักเท่าไร
เนื่องจากคนหน้าหวานต้องการใช้เวลาอยู่กับตนเองให้มากที่สุด
เพราะอารมณ์ของเขามันยังไม่คงที่เท่าไรนักตั้งแต่ตื่นขึ้นมา
หากอีซองยอลหมดความอดทนขึ้นมา ไม่ว่าจะเอาช้างม้าวัวควายที่ไหนมาฉุดมันก็ไม่มีทางอยู่
และคนที่จะโดนลูกหลงคนแรกก็คือคิมมยองซู ตามติดด้วยคิมซองกยู
"(มาถึงแล้วรีบขึ้นมาที่ห้องประชุมเลยนะ)"
ซองกยูเอ่ยย้ำสิ่งที่บอกกับเขาก่อนหน้านี้
ซองยอลถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตอบรับกลับไป
จากนั้นคนตัวสูงจึงหันเหความสนใจกลับไปยังถนนเบื้องหน้าอีกครา
ขาเรียวกดย้ำน้ำหนักลงไปที่คันเร่งจนรถยนต์คันหรูพุ่งทยานไปตามท้องถนนด้วยความรวดเร็วและรุนแรงตามอารมณ์ของผู้ขับ
เสียงเบรดดังเอี๊ยดอ๊าดไปทั่วบริเวณยามที่รถยนต์สปอร์ตคันหรูของอีซองยอลจอดสนิทที่หน้าบริษัทของคิมซองกยู
ขาเรียวยาวก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคารหลังจากที่จัดการจอดรถให้เข้าที่เล็กน้อย
ซองยอลมุ่งเป้าไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่อยู่ไม่ใกล้จากประตูทางเข้าเท่าไรนัก
รอยยิ้มละมุนละไมถูกวาดขึ้นบนใบหน้ายามเห็น'ของเล่น'ที่ตนเองหมายมั่นเอาไว้
"สวัสดีครับคุณนาบี"
ซองยอลเอ่ยทักหญิงสาวที่ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อทันทีเมื่อเธอหันมาสบตาซองยอลเข้า
"วันนี้ผมอยากจะรบกวนให้คุณนาบีพาไปห้องประชุมหน่อยน่ะครับ"
"ต-แต่..."
ยุนนาบีพูดตะกุกตะกักคล้ายกับเธอกำลังลังเลว่าควรจะทำตามที่ซองยอลร้องขอดีหรือไม่
แต่หญิงสาวที่ทำงานตำแหน่งเดียวกันอีกคนหนึ่งกลับพยักเพยิดบอกให้เธอไปกับซองยอล
"เชิญค่ะคุณซองยอล"
เป็นอีกครั้งที่อีซองยอลเดินตามหลังหญิงสาวที่มีชื่อว่ายุนนาบี
ดวงตากลมวาววับไปด้วยแววประหลาดยามจ้องมองไปยังแผ่นหลัง
ชุดทำงานที่รัดจนเห็นสัดส่วนทำให้ซองยอลรู้สึกว่าเขาคิดไม่ผิดในการหมายตาให้เจ้าหล่อนเป็นหนึ่งในว่าที่ของเล่นของเขา
"คุณนาบีครับ"
คนตัวสูงเอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสบายๆ
แต่สาวเจ้ากลับสะดุ้งตกใจจนซองยอลอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา
"ค-คะ"
"ผมชอบคุณนะ"
ไม่พูดเปล่า ร่างโปร่งสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
ก่อนที่ซองยอลจะแตะริมฝีปากของตนเองลงไปบนกลีบปากที่ถูกเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีสวย
"ค-คุณซองยอล"
ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงจัดด้วยความเขินอาย
มือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดปากของตนเองเอาไว้แทบจะในทันทีที่ซองยอลถอยออกไป
"ยังไม่ต้องตอบอะไรผมก็ได้ครับ"
ซองยอลว่าพลางยกยิ้มละมุน
ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเดินออกจากลิฟต์แล้วหันกลับไปพูดกับหญิงสาวที่ยังคงตกอยู่ในห้วงของความเขินอาย
"เย็นนี้ไปทานข้าวกันนะครับ เดี๋ยวผมลงไปรับตอนเลิกงงานนะ"
ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลงรอยยิ้มบนใบหน้าของซองยอลก็หุบลงตาม
ใบหน้าหวานกลับมาเรียบเฉยอีกครั้งด้วยความฃม่สบอารมณ์ยามที่คิดว่าตนต้องเข้าร่วมประชุมกับคนมากมาย
ซึ่งหนึ่งในนั้นคงจะมีคนที่ซองยอลไม่อยากจะพบเจอหรือหายใจร่วมด้วยอยู่เป็นแน่
คิมมยองซู
อีซองยอลได้แต่นึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ
ในขณะเดียวกันขายาวก็ก้าวเดินไปยังประตูห้องประชุมที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล
มือเรียวสวยยกขึ้นเคาะลงบนบานประตูเป็นจังหวะ 2-3 ครั้ง
ก่อนที่หูจะแว่วได้ยินเสียงบอกให้เขาเปิดประตูเข้าไป ซองยอลจึงทำตามคำพูดนั้น
ทว่าเมื่อเดินเข้าไปภายในห้องประชุม
สายตาที่จ้องมองมายังเขากลับทำให้ซองยอลรู้สึกอึดอัด
สายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนของผู้คนภายในห้องประชุม
ทำให้อีซองยอลรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เรื่องราวน่าหนักใจประเดประดังเข้ามาภายในหัวราวกับเป็นการนับถอยหลังระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ซองยอลเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง
จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาซองกยูที่ลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อซองยอลเดินเข้าไปถึง
โชคดีที่คิมมยองซูไม่ได้เข้าร่วมประชุมนี้ ไม่อย่างนั้นความกดดันในตัวของเขาอาจจะเพิ่มมากยิ่งกว่านี้
"ทุกคน
นี่คืออีซองยอล นักออกแบบคนใหม่ของบริษัทเรา" สิ้นเสียงของท่านประธานบริษัท
เสียงปรบมือเปาะแปะดังขึ้นเป็นระลอกก่อนจะเงียบลงไปเมื่อซองกยูเริ่มพูดอีกครั้ง
"แต่อีซองยอลจะทำงานร่วมกับคิมมยองซูหัวหน้าแผนก Production plan พียงคนเดียวเท่านั้น
และผลงานของอีซองยอลทั้งหมดจะถูกผลิตออกมาในจำนวนจำกัด
นั่นหมายความว่ามันจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดทั้งหมด"
ซองกยูหยุดพักหายใจก่อนจะพยักเพยิดให้ซองยอลนั่งลงที่เก้าอี้ซึ้งอยู่ไม่ไกล
"ทุกคนอาจจะไม่พอใจกับการที่ผมพูดแบบนี้เพราะกว่าผลงานของพวกคุณจะกลายเป็นรุ่นลิมิเต็ดมันใช้เวลานาน
แต่สำหรับอีซองยอลแล้ว ผมจำเป็นต้องใช้เงื่อนไขนี้
เนื่องจากมีคนไม่น้อยที่อยากได้สินค้าที่มีอีซองยอลเป็นคนออกแบบ" ซองกยูหยุดพูดก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วห้องประชุม
ท่านประธานพยักหน้าให้กับพนักงานคนหนึ่งที่ยกมือขึ้นเพื่อตั้งคำถาม
"ไม่ทราบว่าคุณอีซองยอลใช่คนเดียวกับอีซองยอลที่เป็นเจ้าของรางวัล
The best furniture design ที่บริษัทของเราจัดประกวดเมื่อปีก่อนหรือเปล่าครับ"
"ใช่ครับ
คนเดียวกัน" ซองกยูตอบคำถามนั้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่
ส่งผลให้เกิดเสียงพูดคุยด้วยความฮือฮาขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
รางวัลที่ว่าคือรางวัลชนะเลิศจากการประกวดออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์โมเดิร์นแต่ต้องมีความคลาสสิคอยู่ด้วย
ซึ่งในตอนนั้นบริษัทของซองกยูได้เปิดรับสมัครผลงานของนักออกแบบในหลายๆวัยที่อยากพิสูจน์ฝีมือของตนดู
ส่วนซองยอลที่อยู่ฝรั่งเศสเมิ่อรู้ข่าวจึงอยากจะส่งผลงานเข้ามาก่อกวนบริษัทของรุ่นพี่เล่นๆเท่านั้น
แต่ไม่คิดว่าผลงานของตนเองจะกลายเป็นผลงานที่ดีที่สุดไปเสียได้
ในตอนนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่ซองยอลออกแบบมาให้กับซองกยูคือเก้าอี้ที่คล้ายกับรังของนกกระจอกผ่าครึ่ง
ใช้หวายร้อยสลับกันให้เป็นตารางเพื่อความหนาแน่นของเก่าอี้
จากนั้นก็วางเบาะลงไปเพื่อให้นั่งได้
แต่ในวันที่ประกาศผลและมอบรางวัลอีซองยอลไม่ได้มารับรางวัลเพราะติดภารกิจอยู่ที่มหาวิทยาลัย
จึงไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาเจ้าของผลงานนั้นเลยแม้แต่คนเดียว
จะมีก็แต่ท่านประธานคิมซองกยูที่ต่อสายหาคนตัวสูงเพื่อโวยวายเรื่องที่ซองยอลส่งผลงานเข้าประกวดโดยไม่คิดจะบอกกันล่วงหน้า
"แต่การที่จะให้คุณซองยอลทำงานร่วมกับคุณมยองซูเพียงคนเดียวมันจะดีเหรอครับท่านประธาน"
เสียงคัดค้านจากหนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมดังขึ้นมา
"คนส่วนใหญ่ในแผนกเราก็มักจะทำงานร่วมกันอยู่แล้วเพื่อแก้ไขผลงานให้ออกมาดีที่สุดและตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด
ถ้าให้คุณซองยอลออกแบบเพียงคนเดียวอาจจะเกิดความผิดพลาดเอาได้นะครับ"
ซองยอลเบือนสายตาไปจ้องมองผู้พูดที่แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกับเงื่อนไขในการทำงานของอีซองยอล
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเครื่องประดับบนใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะลอบยิ้มออกมาอย่างถูกใจ
ดวงตาเรียวสวยที่มีแววมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
จมูกเล็กที่ปลายรั้นน้อยๆนั่นทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายดูจะเป็นคนที่ดื้อรั้นไม่น้อย
ท่าทางเอาเรื่องของอีกฝ่ายทำให้อีซองยอลได้แต่ยกยิ้มชอบใจอยู่ภายในใจ
คนหน้าหวานเบือนหน้าไปสบตากับรุ่นพี่ที่ดำรงตำแหน่งประธานเพื่อจะบอกเขาถูกใจชายหนุ่มคนนี้
แต่ดูจากสายตาของซองกยูที่มองกลับมาอีซองยอลคงต้องยอมแพ้
"ผมเข้าใจว่าคุณหวังดีกับบริษัทของเราครับ
คุณอูฮยอน" ซองกยูเปิดปากตอบโต้คำพูดของอูฮยอนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"แต่เพราะซองยอลจำเป็นต้องใช้สมาธิมากฝนการออกแบบแต่ละครั้ง
และความสามารถของซองยอลคนที่จะดึงมันออกมาได้มากที่สุดก็คือมยองซู"
ซองกยูพูดพร้อมกับหยิบรีโมตโปรเจ็คเตอร์ขึ้นมาเปิด จอขนาดใหญ่ปรากฏภาพวาดสองภาพที่ถูกวางเทียบกัน
“สองภาพนี้เป็นภาพที่ซองยอลวาดในเวลาไล่เลี่ยกันครับ”
เจ้าของชื่อหันไปมองโปรเจ็คเตอร์ที่กำลังฉายผลงานของตนเองอยู่ “ฝั่งซ้าย
เป็นภาพที่ซองยอลวาดตอนที่เขาอยู่คนเดียว
ถ้าจำไม่ผิดภาพนี้ใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์”
ภาพห้องนอนที่ถูกกำหนดโจทย์เอาไว้ว่าห้องนอนในจินตนาการ
ลายเส้นที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้นบางจุดก็มีเส้นที่ถูกทับถมกันไว้คล้ายกับว่าเจ้าของภาพนั้นแก้ไขส่วนนั้นบ่อย
“ฝั่งขวา
เป็นภาพที่ซองยอลวาดขึ้นโดยมีคิมมยองซูเป็นคนช่วยให้ซองยอลดึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความคิดของเขาออกมา
ภาพนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน”
นกอินทรีย์ตัวใหญ่ที่สยายปีกกว้างราวกับกำลังโผบินอยู่ในอากาศ
ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวของมันจับจ้องไปยังปลายฟ้าที่มิอาจหาที่สิ้นสุดได้
ภูเขาสูงใหญ่และท้องทะเลนั้นกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เจ้านกตัวนี้ต้องบินข้ามไปให้ได้ หากซองยอลจำไม่ผิด
ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ซองยอลรู้สึกว่าตนเองทำได้ดีที่สุด
โจทย์ของมันก็คือการวาดอะไรที่เป็นตัวเอง
ซึ่งมันเป็นภาพที่ซองยอลจำต้องส่งประกวดในฐานะตัวแทนของโรงเรียน
แต่คนหน้าหวานกลับไม่สามารถวาดมันออกมาได้ดั่งใจนึก
ทว่าเมื่อมีใครคนนั้น
คนที่มักจะเข้าเดินเข้ามาพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและนั่งมองจนกระทั่งภาพวาดของเขาเสร็จสมบูรณ์
เพียงเท่านั้นจินตนาการของอีซองยอลก็สามารถออกมาโลดแล่นบนแผ่นกระดาษได้อย่างง่ายดาย ซองยอลยังจำได้ถึงประโยคที่คิมมยองซูพูดในวันนั้น
‘อะไรที่อยู่ในหัวใจของนาย
ค่อยๆถ่ายทอดมันออกมาสิ’
ซองยอลไม่อาจปฏิเสธได้ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือคิมมยองซู
เพราะประโยคนั้นของมยองซู ซองยอลถึงทำทุกอย่างได้ตามใจคิด
“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นที่คุณซองยอลจะไม่ต้องทำงานร่วมกันคนอื่นในฝ่ายเลยนี่ครับ”
ยังคงเป็นอูฮยอนที่เอ่ยค้านขึ้นมาอย่างไม่กลัวเกรง
“ผมว่า...”
ซองยอลพูดแทรกขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ “คุณอูฮยอนพูดสิ่งที่ต้องการออกมาเลย
จะไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“ผมหมายความตามที่พูดทุกอย่างนะครับ
คุณอีซองยอล” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ
จนซองยอลอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้มออกมา
“ผมไม่สนหรอกครับส่วนรวมที่ว่าน่ะ”
นัยน์ตาสีช็อกโกแลตคล้ายจะวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธขึ้งจับจ้องไปยังอูฮยอนอย่างตรงไปตรงมา
จนผู้ถูกจ้องอดที่จะรู้สึกราวกับตนเองถูกแช่แข็งไม่ได้
“ถ้าใครที่จะมาถ่วงผลงานของผมไว้ ผมก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วยให้เสียเวลา”
“ผมว่าวันนี้เราพอแค่นี้เถอะ”
ซองกยูพูดขัดขึ้นมาก่อนที่ทั้งซองยอลและอูฮยอนจะต่อปากต่อคำกันไปมากกว่า
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมพูดนะครับ อีซองยอลจะทำงานร่วมกับคิมมยองซู
และจะส่งผลงานนั้นขึ้นตรงให้กับผมเลย”
อีซองยอลลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมทันทีที่ได้ยินว่าซองกยูพูดปิดการประชุมแล้ว
ใบหน้าหวานเรียบนิ่งแต่ก็ยังคงเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ที่พบเจอมาเมื่อครู่
“ก็งั้นๆแหละ
ได้รางวัลมาแล้วยังไง ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้ก็ไม่เห็นจะดี”
“นั่นสิ
แล้วที่ต้องให้เป็นรุ่นลิมิเต็ดเพราะบอสกลัวว่ามันจะขายได้น้อยหรือเปล่าเถอะ”
ถ้อยคำดูถูกดูแคลนจากคนที่เดินออกจากห้องประชุมมาก่อนหน้าซองยอลทำให้ร่างโปร่งต้องชะงักงันอยู่กับที่
ดวงตากลมโตวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธเคืองจากหลายๆเรื่องที่เขาพบเจอมาตั้งแต่เช้าวันนี้
คนตัวสูงทำท่าจะเดินเข้าไปหาคนที่เดินคุยกันอยู่ตรงหน้าเขาเพื่อเอาเรื่อง
หากไม่มีมือของใครคนหนึ่งมาปิดลงตรงตาของเขา
“เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจก็อย่าไปสนใจมันเลย”
เสียงทุ้มนุ่มที่เคยคุ้นทำให้ซองยอลต้องหยุดเดิน
ความหนักอึ้งภายในใจกำลังลดลงทีละน้อยด้วยคำพูดสั้นๆของคนมาใหม่
“ทำอะไรที่เราสบายใจก็พอ อย่าไปสนใจคนอื่น”
ความสงสัยก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันในใจของซองยอล ว่าทำไมมยองซูถึงเดินเข้ามาได้ถูกเวลานัก
"อ้าว
มยองซู มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ" เสียงของซองกยูที่ดังขึ้นเรียกชื่อของคนที่ซองยอลไม่อยากพบเจอที่สุดในตอนนี้
แต่คนหน้าหวานก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเพราะมยองซู ซองยอลจึงตั้งสติขึ้นมาได้
"เพิ่งมาถึงครับพี่ซองกยู"
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันไปตอบคำถามของซองกยูที่เพิ่งเดินออกจากห้องประชุมมา
"แล้วพวกนายทานข้าวกันมาหรือยัง
ไปทานข้าวกันเถอะ" คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นการตั้งคำถาม
แต่สุดท้ายแล้วก็ปิดท้ายด้วยการบอกให้ทำตาม
ความสงสัยก่อตัวขึ้นอีกครั้งในใจของอีซองยอล
ว่าถ้าจะทำแบบนี้แล้วคิมซองกยูจะตั้งคำถามในตอนแรกไปเพื่ออะไร
-passionate-
ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินเข้าไปภายในร้านอาหารเกาหลีขนาดกลางที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารที่ตั้งของบริษัท
KSG ซองยอลไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปนั่งในมุมที่เขามั่นใจว่ามันจะต้องหลบสายตาของคนได้
จนซองกยูที่เดินตามมาได้แต่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
"ปกติต้องเลือกโต๊ะที่มองเห็นคนได้ถนัดไม่ใช่เหรอซองยอล"
คนเป็นพี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ในขณะที่คนถูกถามทำเพียงถอนหายใจออกมาเพียงแผ่วเบาแล้วจึงตอบคำถาม
"วันนี้ไม่ค่อยอยากพบเจอผู้คนครับ
ผมไม่มีอารมณ์" ไม่พูดเปล่า ซองยอลยกมือขึ้นมาตั้งมุมเกือบ 90
องศากับที่เท้าแขน เพื่อใช้มันรองรับน้ำหนักจากศีรษะของตนเอง
"อีกอย่างวันนี้ผมมีนัดแล้วด้วย"
"นัด?"
มยองซูทวนคำด้วยความประหลาดใจ
เพราะเขานึกไม่ออกว่าซองยอลจะเอาเวลาจากไหนไปนัดเจอกับใคร
เมื่อคืนเจ้าตัวก็อยู่กับเขาทั้งคืนจนเช้า
ตอนที่แยกกันก็เพราะซองกยูโทรมาตามซองยอลให้เข้าร่วมประชุม
"เรื่องของฉัน"
คนตัวสูงกัดฟันตอบกลับคนที่เพิ่งทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามเขา
"อย่าเพิ่งตีกันน่า
สั่งอาหารก่อน"
ซองกยูที่เห็นว่าหากปล่อยให้มยองซูและซองยอลเถียงกันต่อวันนี้เขาคงไม่ต้องทำอะไรแล้ว
ท่านประธานบริษัทเอ่ยเรียกบริกรที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับรายการอาหาร
เมื่อหันกลับมามองรุ่นน้องทั้งสองคนก็พบว่าเด็กทั้งสองคนตรงหน้าเขานั่งจ้องหน้ากันราวกับไม่มีใครยอมใคร
บางทีซองกยูอาจจะคิดมากไปเองก็เป็นได้
แต่เด็กทั้งสองคนนี้กำลังมีท่าทีแปลกๆคล้ายกับว่าทั้งสองคนเพิ่งมีเรื่องผิดใจกันมาหยกๆ
หรือว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นอย่างนั้นหรือ
"เย็นนี้มีนัดกับใครล่ะซองยอล"
คนที่อายุมากที่สุดในกลุ่มเลือกที่จะเปิดบทสนทนาต่อจากเมื่อครู่
ในขณะที่ดวงตาเรียวรีก็ยังคงจ้องมองทีท่าของรุ่นน้องทั้งคู่อย่างพิเคราะห์พิจารณ์
"ผมจะไปทานข้าวเย็นกับคุณนาบีครับ"
ซองยอลตอบคำถามพร้อมกับกดยิ้มเล็กๆเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตอนที่เดินออกจากห้องประชุมมา
"งั้นเหรอ"
ซองกยูถามซ้ำ พลางเบี่ยงตัวให้บริกรวางอาหารที่เพิ่งยกมาลงบนโต๊ะ
แล้วตัดสินใจปิดบทสนทนา "ทานกันเถอะ พี่หิวแล้ว"
ทั้งสามคนทานอาหารกันโดยมีคิมซองกยูเป็นคนพยายามเปิดบทสนทนาอยูาบ่อยครั้ง
ในขณะที่อีซองยอลก้มหน้าก้มตาทานอาหาร จะเงยหน้าขึ้นมาก็แค่ตอนที่ซองกยูเจาะจงจะพูดกับเขาก็เท่านั้น
ส่วนคิมมยองซูก็จ้องมองซองยอลไม่วางตา
มันต้องมีอะไรระหว่างสองคนนี้
ซองกยูคิดแบบนั้น เขามั่นใจว่าเขามองไม่ผิดแน่นอน
นักธุรกิจหนุ่มสลัดความคิดเรื่องท่าทีแปลกๅของหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองคนก่อนจะไปจัดการเรื่องบิลอาหาร
ปล่อยให้มยองซูและซองยอลนั่งแช่อยู่ที่โต๊ะตามเดิม
"นายจะกลับเมื่อไหร่"
มยองซูเปิดบทสนทนาขึ้นมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ซองยอลเลิกคิ้วมองกลับอีกฝ่ายอย่างท้าทาย ก่อนที่กลีบปากอิ่มจะอ้าออกเพื่อตอบคำถาม
“ฉันจะไปไหน จะกลับเมื่อไหร่มันก็เรื่องของฉัน
คิมมยองซู” รอยยิ้มท้าทายถูกจุดขึ้นที่มุมปาก
“บางทีคืนนี้ฉันอาจจะไม่กลับคอนโดก็ได้ ใครจะไปรู้”
“งั้นเหรอ”
มยองซูแค่นหัวเราะ “เอาเป็นว่าฉันจะไปรอนายที่ห้องของนายก็แล้ว”
พูดจบแล้วคนหน้าหล่อก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป
โดยปล่อยให้อีซองยอลได้แต่นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ
ทำไมเขาถึงต้องดูเป็นรองคิมมยองซูถึงขนาดนี้
เฮอะ!
จะไปรอที่ห้องอย่างนั้นเหรอ
ถ้าคิดว่าอดทนรอได้
หรืออดทนฤทธิ์ของเขาได้ก็ให้มันรู้กันไป
อย่าท้าทายอีซองยอลให้มากนัก
คิมมยองซู
TBC.
ซองยอลอ่า...ต้องการทำอะไรเหรอ ไปจีบผู้หญิงด้วย ประชดอะไรมยอง
ตอบลบและทำไมซองยอลต้องอยากให้ใคร ๆ เป็นของเล่นนด้วยอะ
ดูคาแรคเตอร์ ซองยอลเป็นคนแรง ๆ ไม่แคร์ใคร แต่อย่าถึงขั้น วันไนท์แสตนด์เลยน้า
หวงงงงงอะะ
เรื่องนี้ซองยอลแรงและไม่แคร์ใครมากจริงๆ
ตอบลบแต่ทำไมเราชอบลุคซองยอลแบบนี้ 555+
ยิ่งตอนที่ซองยอลตื่นขึ้นมาแล้วพยายามไม่คิดอะไร
มันแบบว่าใช่เลย แบบถ้าเรามัวแต่ไปสนใจสิ่งที่ผิดพลาดมา มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
แต่ว่านะ ซองยอลก็ไม่ควรเห็นหลายๆคนเป็นของเล่นแบบนี้นะ
ว่าแต่มยองคิดยังไงกับยอลกันแน่ ชอบยอลหรือเห็นยอลเป็นของเล่น
พี่ยอลลี่สุดสวยของน้องงงงงงงงงงงงงงงง ?? โอ้ววว แม่ ขนาดว่ามยองได้กินไปแล้ววว พี่ท่านก็ยังคงแรง แร๊งงง มากกกกกก จ๊ากกกก ยังไม่คิดจะเลิกเล่นกับของเล่นอีกก คนสวยยแดบัค คนสวยยสุดยอดมากกก ไม่แคร์ใครเลยจริงๆ มยองซูรับศึกหนักแล้วละ อยากรู้ว่าจะปราบพี่ยอลยังไง แต่ว่าก็ว่านะ พี่ยอลดูลึกลับ ? เหมือนมีอะไรอยู่ในใจ อีกเยอะเลยอ่ะ TTT แล้วอะไรคือแค่มยองพูดนิดเดียว พี่ยอลก็เย็นลงได้ คู่นี้นี่มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆเลยยยย อ๊ากกกกกกกกกก หรือว่ามันก็ไม่มีเหตุผลในตัวของมัน เอ๊ะอะไรยังไง คิดมาก เริ่มงง 5555555555555555 เอาตอนต่อไปมาาาาาาา
ตอบลบเฮ้ยคุณลูกชั้น ตื่นมาก็พาล (ใครผิดคร๊าคุณลูก)
ตอบลบม๊าว่าหนูเต็ม ๆ เลยนะ แต่ตอบมาได้นะ One Night Stand
อยู่ใกล้ ๆ จะตีให้เนื้อเขียวเลย คุณลูก หม่ามี๊เคืองค่ะ
สุดท้ายก็จะโดดไม่ไปทำงาน แต่โดนจิก
แล้วคุณเธอก็ไปสาย โดนมองเหยียดซะ
แล้วทำไมดูเธอเหมือนไม่ชอบสังคม และสุงสิงกะคนคะ
แต่นามูเปิดศึกกันก่อนเลยนะ แต่กยูห้ามเพราะหวงชิมิ
แต่รู้สึกดีใจแปลก ๆ เหมือนมิงหวงยอล
ไปขัดขวางยอลทำร้ายนาบีทีนะ คือให้ยอลไม่ได้กินใครเลย
แต่ก็รู้สึกว่า ยอลกะมยองมีซัมติงอะไรในใจป่าวคะ รอแชปต่อไปน้า
ก็เป็นอย่างนี้อะ ยอลอยากให้เขาไปของเล่นแต่ดันเป็นของเล่นเอง อยากรู้ตอนต่อไปแล้วอะ
ตอบลบติดตามอยู่นะค่ะ. ชอบมากเลยค่ะ
ซองยอลคะ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ
ตอบลบเป็นของมยองแล้วก็ต้องเลิกหว่านเสน่ห์สิคะ
จะโดนตีนะ