วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[FIC] Passionate: 3rd ☆ Myungyeol


Passionate
3rd – What you want

Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: เหนื่อยแบบร่างจะแหลก O<-<







-passionate-





You have to answer my question. What you want?




อีซองยอลตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกปวดที่สะโพก ใบหน้าหวานเบ้ลงด้วยความไม่ชอบใจ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่ออีซองยอลพลาดเอง


คิดจะทำให้เขาเป็นของตัวเอง กลับกลายเป็นว่าต้องกลายเป็นของเขาเสียอย่างนั้น


ร่างโปร่งค่อยๆขยับเพื่อพลิกตัว แต่กลับพบว่าในตอนนี้เขากำลังถูกกักเอาไว้ให้อ้อมแขนคนที่รุกรานร่างกายของเขาเมื่อคืนนี้ ซองยอลค่อยๆจับมือของคิมมยองซูที่พาดอยู่ตรงเอวของเขาออก ทว่าเจ้าของท่อนแขนนั้นกลับรั้งร่างของเขาให้แนบชิดไปกับร่างของตนมากยิ่งขึ้น พร้อมกับปลายจมูกโด่งที่ไล้ไปตามโครงหน้าของเขาคล้ายหลงใหล


"ปล่อยฉันได้แล้ว คิมมยองซู" ซองยอลบอกกับเจ้าของอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พร้อมทั้งขยับกายไปมาเพื่อให้ตนหลุดออกจากอ้อนกอดของอีกฝ่ายเสียที


"ของเล่นมีสิทธิ์สั่งเจ้าของหรือไง อีซองยอล" คำพูดของมยองซูที่ดังขึ้นนั้นเปรียบดั่งเวทมนตร์ที่แช่แข็งอีซองยอลได้เพียงพริบตาเดียว คนหน้าหวานกระพริบตาถี่ๆเพื่อเรียกสติของตนที่หลุดลอยไป ก่อนที่ซองยอลจะตัดสินใจพลิกตัวไปจ้องมองใบหน้าของคนที่ครอบครองร่างกายของเขาไปแล้ว


"คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน คิมมยองซู" ดวงตาคู่หวานแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อยราวกับเป็นสัญญาณบอกว่าลมพายุกำลังก่อตัวอย่างเงียบงันอยู่ภายในใจของอีซองยอล ขอเพียงแค่คิมมยองซูเผลอพูดสิ่งใดที่ขัดใจคนตัวสูงออกมาเท่านั้น "ก็แค่เซ็กซ์ชั่วข้ามคืน ฉันไม่คิดมากกับมันหรอก"


"งั้นเหรอ" นัยน์ตาของอีซองยอลคล้ายจะปรากฏประกายไฟออกมาทันทีที่เจ้าตัวมองเห็นท่าทางยียวนของคิมมยองซู "นายยังคิดจะให้ฉันเป็นของเล่นของนายเลยนี่ ทำไมฉันจะทำกับนายบ้างไม่ได้ล่ะอีซองยอล"


ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรู้สึกโมโห อีซองยอลตวัดสายตามองคิมมยองซูอย่างแข็งกร้าว จากนั้นจึงพยายามพาร่างกายอันบอบช้ำจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล


อีซองยอลแค่อยากจะหนีไปให้พ้นหน้าคิมมยองซูในตอนนี้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องจะไม่ชอบใจกับการกระทำของซองยอลไม่น้อย เมื่อร่างกายที่อ่อนแรงของอีซองยอลถูกดึงกลับไปจนล้มลงบนเตียงนุ่มอีกรอบ อีกทั้งคิมมยองซูยังทาบทับร่างของเขาไว้แล้วมองมาด้วยใบหน้าและดวงตาที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าเขา


"จะรีบไปไหนล่ะซองยอล" เจ้าของชื่อรู้สึกเกลียดรอยยิ้มยียวนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของคิมมยองซูไม่น้อย คนหน้าหวานนึกอยากจะเอาเล็บของตนเองไปข่วนหน้าอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด โดยเฉพาะยามที่คิมมยองซูเคลื่อนใบหน้าให้เข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม "ยังคุยกันไม่จบเลยนะ"


"ฉันบอกนายไปแล้วว่ามันเป็นแค่วันไนท์แสตนด์" คนตัวสูงกัดฟันตอบกลับไป


ในตอนนี้ซองยอลรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นรองคิมมยองซูอยู่มากโข ทั้งร่างกายที่อ่อนล้า รวมไปถึงจิตใจที่บอบช้ำจากการกระทำอันผิดพลาดของตนเอง หากเมื่อคืนเขาไม่หวังที่จะมอมเหล้ามยองซู เช้านี้คงกลายเป็นเขาแล้วที่มีมยองซูอยู่ในอ้อมกอดยามลืมตาตื่นขึ้นมา


หากถามซองยอลว่าเขาโกรธมยองซูไหมที่ทำกับเขาเช่นนี้ ซองยอลก็คงตอบว่าโกรธ แต่ถ้าถามว่าระหว่างมยองซูกับตัวเขาเอง คนตัวสูงก็ต้องตอบตัวเองอยู่แล้ว


"ฉันไม่อยากให้มันจบเท่านี้" มยองซูพูดด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เรียบเฉย ซองยอลได้แต่ขมวดคิ้วมองตอบอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เมื่อไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกจากปากของคนหน้าหล่ออีก อีซองยอลจึงต้องเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง


"นายต้องการอะไรกันแน่ คิมมยองซู"


เจ้าของชื่อแย้มยิ้มกว้าง จากนั้นจึงเคลื่อนใบหน้าเข้ามาจนชิด มยองซูกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูของซองยอล ด้วยคำตอบที่ซองยอลไม่อาจรู้ได้ว่าตนเองควรจะทำเช่นไร


"นาย"







-passionate-








เสียงโทรศัพท์แผดร้องดังบ่งบอกว่าตอนนี้กำลังมีสายเข้า เรียกความรำคาญให้ปรากฏบนใบหน้าของอีซองยอลผู้ซึ่งตกอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียวได้ไม่น้อย คนหน้าหวานเบือนสายตาออกจากท้องถนนเบื้องหน้าเพื่อมองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะทำนิ่งเฉยกับมันเสีย เสียงเรียกเข้าที่ร้องดังอยู่นานนับนาทีจึงเงียบเสียงไปเมื่อปลายสายนั้นยอมตัดสายไปเสียที จากนั้นซองยอลจึงคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูของตนขึ้นมาเพื่อจะโทรกลับไปยังเบอร์เมื่อครู่ ทว่าเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นก็ดังซ้ำอีกครั้งจนคนตัวสูงต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ


"ครับ พี่ซองกยู" ซองยอลกรอกเสียงผ่านไมโครโฟนที่ซ่อนอยู่ภายในเครื่อง


"(นายอยู่ไหนแล้ว)"


"กำลังขับรถไปบริษัทครับพี่" ซองยอลตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ความจริงแล้วซองยอลไม่ได้ปรารถนาที่จะเข้าบริษัทสักเท่าไร เนื่องจากคนหน้าหวานต้องการใช้เวลาอยู่กับตนเองให้มากที่สุด เพราะอารมณ์ของเขามันยังไม่คงที่เท่าไรนักตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หากอีซองยอลหมดความอดทนขึ้นมา ไม่ว่าจะเอาช้างม้าวัวควายที่ไหนมาฉุดมันก็ไม่มีทางอยู่


และคนที่จะโดนลูกหลงคนแรกก็คือคิมมยองซู ตามติดด้วยคิมซองกยู


"(มาถึงแล้วรีบขึ้นมาที่ห้องประชุมเลยนะ)" ซองกยูเอ่ยย้ำสิ่งที่บอกกับเขาก่อนหน้านี้ ซองยอลถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะตอบรับกลับไป จากนั้นคนตัวสูงจึงหันเหความสนใจกลับไปยังถนนเบื้องหน้าอีกครา


ขาเรียวกดย้ำน้ำหนักลงไปที่คันเร่งจนรถยนต์คันหรูพุ่งทยานไปตามท้องถนนด้วยความรวดเร็วและรุนแรงตามอารมณ์ของผู้ขับ เสียงเบรดดังเอี๊ยดอ๊าดไปทั่วบริเวณยามที่รถยนต์สปอร์ตคันหรูของอีซองยอลจอดสนิทที่หน้าบริษัทของคิมซองกยู


ขาเรียวยาวก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคารหลังจากที่จัดการจอดรถให้เข้าที่เล็กน้อย ซองยอลมุ่งเป้าไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่อยู่ไม่ใกล้จากประตูทางเข้าเท่าไรนัก รอยยิ้มละมุนละไมถูกวาดขึ้นบนใบหน้ายามเห็น'ของเล่น'ที่ตนเองหมายมั่นเอาไว้


"สวัสดีครับคุณนาบี" ซองยอลเอ่ยทักหญิงสาวที่ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อทันทีเมื่อเธอหันมาสบตาซองยอลเข้า "วันนี้ผมอยากจะรบกวนให้คุณนาบีพาไปห้องประชุมหน่อยน่ะครับ"


"ต-แต่..." ยุนนาบีพูดตะกุกตะกักคล้ายกับเธอกำลังลังเลว่าควรจะทำตามที่ซองยอลร้องขอดีหรือไม่ แต่หญิงสาวที่ทำงานตำแหน่งเดียวกันอีกคนหนึ่งกลับพยักเพยิดบอกให้เธอไปกับซองยอล "เชิญค่ะคุณซองยอล"


เป็นอีกครั้งที่อีซองยอลเดินตามหลังหญิงสาวที่มีชื่อว่ายุนนาบี ดวงตากลมวาววับไปด้วยแววประหลาดยามจ้องมองไปยังแผ่นหลัง ชุดทำงานที่รัดจนเห็นสัดส่วนทำให้ซองยอลรู้สึกว่าเขาคิดไม่ผิดในการหมายตาให้เจ้าหล่อนเป็นหนึ่งในว่าที่ของเล่นของเขา


"คุณนาบีครับ" คนตัวสูงเอ่ยเรียกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่สาวเจ้ากลับสะดุ้งตกใจจนซองยอลอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา


"ค-คะ"


"ผมชอบคุณนะ" ไม่พูดเปล่า ร่างโปร่งสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ก่อนที่ซองยอลจะแตะริมฝีปากของตนเองลงไปบนกลีบปากที่ถูกเคลือบไว้ด้วยลิปสติกสีสวย


"ค-คุณซองยอล" ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงจัดด้วยความเขินอาย มือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดปากของตนเองเอาไว้แทบจะในทันทีที่ซองยอลถอยออกไป


"ยังไม่ต้องตอบอะไรผมก็ได้ครับ" ซองยอลว่าพลางยกยิ้มละมุน ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเดินออกจากลิฟต์แล้วหันกลับไปพูดกับหญิงสาวที่ยังคงตกอยู่ในห้วงของความเขินอาย "เย็นนี้ไปทานข้าวกันนะครับ เดี๋ยวผมลงไปรับตอนเลิกงงานนะ"


ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลงรอยยิ้มบนใบหน้าของซองยอลก็หุบลงตาม ใบหน้าหวานกลับมาเรียบเฉยอีกครั้งด้วยความฃม่สบอารมณ์ยามที่คิดว่าตนต้องเข้าร่วมประชุมกับคนมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคงจะมีคนที่ซองยอลไม่อยากจะพบเจอหรือหายใจร่วมด้วยอยู่เป็นแน่


คิมมยองซู


อีซองยอลได้แต่นึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ ในขณะเดียวกันขายาวก็ก้าวเดินไปยังประตูห้องประชุมที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล มือเรียวสวยยกขึ้นเคาะลงบนบานประตูเป็นจังหวะ 2-3 ครั้ง ก่อนที่หูจะแว่วได้ยินเสียงบอกให้เขาเปิดประตูเข้าไป ซองยอลจึงทำตามคำพูดนั้น
ทว่าเมื่อเดินเข้าไปภายในห้องประชุม สายตาที่จ้องมองมายังเขากลับทำให้ซองยอลรู้สึกอึดอัด สายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนของผู้คนภายในห้องประชุม ทำให้อีซองยอลรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เรื่องราวน่าหนักใจประเดประดังเข้ามาภายในหัวราวกับเป็นการนับถอยหลังระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ซองยอลเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาซองกยูที่ลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อซองยอลเดินเข้าไปถึง


โชคดีที่คิมมยองซูไม่ได้เข้าร่วมประชุมนี้ ไม่อย่างนั้นความกดดันในตัวของเขาอาจจะเพิ่มมากยิ่งกว่านี้


"ทุกคน นี่คืออีซองยอล นักออกแบบคนใหม่ของบริษัทเรา" สิ้นเสียงของท่านประธานบริษัท เสียงปรบมือเปาะแปะดังขึ้นเป็นระลอกก่อนจะเงียบลงไปเมื่อซองกยูเริ่มพูดอีกครั้ง "แต่อีซองยอลจะทำงานร่วมกับคิมมยองซูหัวหน้าแผนก Production plan พียงคนเดียวเท่านั้น และผลงานของอีซองยอลทั้งหมดจะถูกผลิตออกมาในจำนวนจำกัด นั่นหมายความว่ามันจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดทั้งหมด" ซองกยูหยุดพักหายใจก่อนจะพยักเพยิดให้ซองยอลนั่งลงที่เก้าอี้ซึ้งอยู่ไม่ไกล


"ทุกคนอาจจะไม่พอใจกับการที่ผมพูดแบบนี้เพราะกว่าผลงานของพวกคุณจะกลายเป็นรุ่นลิมิเต็ดมันใช้เวลานาน แต่สำหรับอีซองยอลแล้ว ผมจำเป็นต้องใช้เงื่อนไขนี้ เนื่องจากมีคนไม่น้อยที่อยากได้สินค้าที่มีอีซองยอลเป็นคนออกแบบ" ซองกยูหยุดพูดก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วห้องประชุม ท่านประธานพยักหน้าให้กับพนักงานคนหนึ่งที่ยกมือขึ้นเพื่อตั้งคำถาม


"ไม่ทราบว่าคุณอีซองยอลใช่คนเดียวกับอีซองยอลที่เป็นเจ้าของรางวัล The best furniture design ที่บริษัทของเราจัดประกวดเมื่อปีก่อนหรือเปล่าครับ"


"ใช่ครับ คนเดียวกัน" ซองกยูตอบคำถามนั้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ ส่งผลให้เกิดเสียงพูดคุยด้วยความฮือฮาขึ้นมาด้วยความตกตะลึง


รางวัลที่ว่าคือรางวัลชนะเลิศจากการประกวดออกแบบเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์โมเดิร์นแต่ต้องมีความคลาสสิคอยู่ด้วย ซึ่งในตอนนั้นบริษัทของซองกยูได้เปิดรับสมัครผลงานของนักออกแบบในหลายๆวัยที่อยากพิสูจน์ฝีมือของตนดู ส่วนซองยอลที่อยู่ฝรั่งเศสเมิ่อรู้ข่าวจึงอยากจะส่งผลงานเข้ามาก่อกวนบริษัทของรุ่นพี่เล่นๆเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าผลงานของตนเองจะกลายเป็นผลงานที่ดีที่สุดไปเสียได้ ในตอนนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่ซองยอลออกแบบมาให้กับซองกยูคือเก้าอี้ที่คล้ายกับรังของนกกระจอกผ่าครึ่ง ใช้หวายร้อยสลับกันให้เป็นตารางเพื่อความหนาแน่นของเก่าอี้ จากนั้นก็วางเบาะลงไปเพื่อให้นั่งได้


แต่ในวันที่ประกาศผลและมอบรางวัลอีซองยอลไม่ได้มารับรางวัลเพราะติดภารกิจอยู่ที่มหาวิทยาลัย จึงไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาเจ้าของผลงานนั้นเลยแม้แต่คนเดียว จะมีก็แต่ท่านประธานคิมซองกยูที่ต่อสายหาคนตัวสูงเพื่อโวยวายเรื่องที่ซองยอลส่งผลงานเข้าประกวดโดยไม่คิดจะบอกกันล่วงหน้า


"แต่การที่จะให้คุณซองยอลทำงานร่วมกับคุณมยองซูเพียงคนเดียวมันจะดีเหรอครับท่านประธาน" เสียงคัดค้านจากหนึ่งในผู้เข้าร่วมประชุมดังขึ้นมา "คนส่วนใหญ่ในแผนกเราก็มักจะทำงานร่วมกันอยู่แล้วเพื่อแก้ไขผลงานให้ออกมาดีที่สุดและตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด ถ้าให้คุณซองยอลออกแบบเพียงคนเดียวอาจจะเกิดความผิดพลาดเอาได้นะครับ"


ซองยอลเบือนสายตาไปจ้องมองผู้พูดที่แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจกับเงื่อนไขในการทำงานของอีซองยอล นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเครื่องประดับบนใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะลอบยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ดวงตาเรียวสวยที่มีแววมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ จมูกเล็กที่ปลายรั้นน้อยๆนั่นทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายดูจะเป็นคนที่ดื้อรั้นไม่น้อย ท่าทางเอาเรื่องของอีกฝ่ายทำให้อีซองยอลได้แต่ยกยิ้มชอบใจอยู่ภายในใจ คนหน้าหวานเบือนหน้าไปสบตากับรุ่นพี่ที่ดำรงตำแหน่งประธานเพื่อจะบอกเขาถูกใจชายหนุ่มคนนี้ แต่ดูจากสายตาของซองกยูที่มองกลับมาอีซองยอลคงต้องยอมแพ้


"ผมเข้าใจว่าคุณหวังดีกับบริษัทของเราครับ คุณอูฮยอน" ซองกยูเปิดปากตอบโต้คำพูดของอูฮยอนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


"แต่เพราะซองยอลจำเป็นต้องใช้สมาธิมากฝนการออกแบบแต่ละครั้ง และความสามารถของซองยอลคนที่จะดึงมันออกมาได้มากที่สุดก็คือมยองซู" ซองกยูพูดพร้อมกับหยิบรีโมตโปรเจ็คเตอร์ขึ้นมาเปิด จอขนาดใหญ่ปรากฏภาพวาดสองภาพที่ถูกวางเทียบกัน
“สองภาพนี้เป็นภาพที่ซองยอลวาดในเวลาไล่เลี่ยกันครับ” เจ้าของชื่อหันไปมองโปรเจ็คเตอร์ที่กำลังฉายผลงานของตนเองอยู่ “ฝั่งซ้าย เป็นภาพที่ซองยอลวาดตอนที่เขาอยู่คนเดียว ถ้าจำไม่ผิดภาพนี้ใช้เวลาเกือบสองสัปดาห์”


ภาพห้องนอนที่ถูกกำหนดโจทย์เอาไว้ว่าห้องนอนในจินตนาการ ลายเส้นที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้นบางจุดก็มีเส้นที่ถูกทับถมกันไว้คล้ายกับว่าเจ้าของภาพนั้นแก้ไขส่วนนั้นบ่อย


“ฝั่งขวา เป็นภาพที่ซองยอลวาดขึ้นโดยมีคิมมยองซูเป็นคนช่วยให้ซองยอลดึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความคิดของเขาออกมา ภาพนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน”


นกอินทรีย์ตัวใหญ่ที่สยายปีกกว้างราวกับกำลังโผบินอยู่ในอากาศ ดวงตาที่เด็ดเดี่ยวของมันจับจ้องไปยังปลายฟ้าที่มิอาจหาที่สิ้นสุดได้ ภูเขาสูงใหญ่และท้องทะเลนั้นกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เจ้านกตัวนี้ต้องบินข้ามไปให้ได้ หากซองยอลจำไม่ผิด ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ซองยอลรู้สึกว่าตนเองทำได้ดีที่สุด โจทย์ของมันก็คือการวาดอะไรที่เป็นตัวเอง ซึ่งมันเป็นภาพที่ซองยอลจำต้องส่งประกวดในฐานะตัวแทนของโรงเรียน


แต่คนหน้าหวานกลับไม่สามารถวาดมันออกมาได้ดั่งใจนึก ทว่าเมื่อมีใครคนนั้น คนที่มักจะเข้าเดินเข้ามาพูดอะไรให้เขาฉุกคิดและนั่งมองจนกระทั่งภาพวาดของเขาเสร็จสมบูรณ์ เพียงเท่านั้นจินตนาการของอีซองยอลก็สามารถออกมาโลดแล่นบนแผ่นกระดาษได้อย่างง่ายดาย ซองยอลยังจำได้ถึงประโยคที่คิมมยองซูพูดในวันนั้น


อะไรที่อยู่ในหัวใจของนาย ค่อยๆถ่ายทอดมันออกมาสิ


ซองยอลไม่อาจปฏิเสธได้ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือคิมมยองซู เพราะประโยคนั้นของมยองซู ซองยอลถึงทำทุกอย่างได้ตามใจคิด


“แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นที่คุณซองยอลจะไม่ต้องทำงานร่วมกันคนอื่นในฝ่ายเลยนี่ครับ” ยังคงเป็นอูฮยอนที่เอ่ยค้านขึ้นมาอย่างไม่กลัวเกรง


“ผมว่า...” ซองยอลพูดแทรกขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ “คุณอูฮยอนพูดสิ่งที่ต้องการออกมาเลย จะไม่ดีกว่าเหรอครับ”


“ผมหมายความตามที่พูดทุกอย่างนะครับ คุณอีซองยอล” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ จนซองยอลอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้มออกมา


“ผมไม่สนหรอกครับส่วนรวมที่ว่าน่ะ” นัยน์ตาสีช็อกโกแลตคล้ายจะวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธขึ้งจับจ้องไปยังอูฮยอนอย่างตรงไปตรงมา จนผู้ถูกจ้องอดที่จะรู้สึกราวกับตนเองถูกแช่แข็งไม่ได้ “ถ้าใครที่จะมาถ่วงผลงานของผมไว้ ผมก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วยให้เสียเวลา”


“ผมว่าวันนี้เราพอแค่นี้เถอะ” ซองกยูพูดขัดขึ้นมาก่อนที่ทั้งซองยอลและอูฮยอนจะต่อปากต่อคำกันไปมากกว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมพูดนะครับ อีซองยอลจะทำงานร่วมกับคิมมยองซู และจะส่งผลงานนั้นขึ้นตรงให้กับผมเลย”


อีซองยอลลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมทันทีที่ได้ยินว่าซองกยูพูดปิดการประชุมแล้ว ใบหน้าหวานเรียบนิ่งแต่ก็ยังคงเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ที่พบเจอมาเมื่อครู่


“ก็งั้นๆแหละ ได้รางวัลมาแล้วยังไง ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้ก็ไม่เห็นจะดี”


“นั่นสิ แล้วที่ต้องให้เป็นรุ่นลิมิเต็ดเพราะบอสกลัวว่ามันจะขายได้น้อยหรือเปล่าเถอะ


ถ้อยคำดูถูกดูแคลนจากคนที่เดินออกจากห้องประชุมมาก่อนหน้าซองยอลทำให้ร่างโปร่งต้องชะงักงันอยู่กับที่ ดวงตากลมโตวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธเคืองจากหลายๆเรื่องที่เขาพบเจอมาตั้งแต่เช้าวันนี้ คนตัวสูงทำท่าจะเดินเข้าไปหาคนที่เดินคุยกันอยู่ตรงหน้าเขาเพื่อเอาเรื่อง หากไม่มีมือของใครคนหนึ่งมาปิดลงตรงตาของเขา


“เรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจก็อย่าไปสนใจมันเลย” เสียงทุ้มนุ่มที่เคยคุ้นทำให้ซองยอลต้องหยุดเดิน ความหนักอึ้งภายในใจกำลังลดลงทีละน้อยด้วยคำพูดสั้นๆของคนมาใหม่ “ทำอะไรที่เราสบายใจก็พอ อย่าไปสนใจคนอื่น”


ความสงสัยก่อตัวขึ้นอย่างเงียบงันในใจของซองยอล ว่าทำไมมยองซูถึงเดินเข้ามาได้ถูกเวลานัก


"อ้าว มยองซู มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ" เสียงของซองกยูที่ดังขึ้นเรียกชื่อของคนที่ซองยอลไม่อยากพบเจอที่สุดในตอนนี้ แต่คนหน้าหวานก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเพราะมยองซู ซองยอลจึงตั้งสติขึ้นมาได้


"เพิ่งมาถึงครับพี่ซองกยู" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหันไปตอบคำถามของซองกยูที่เพิ่งเดินออกจากห้องประชุมมา


"แล้วพวกนายทานข้าวกันมาหรือยัง ไปทานข้าวกันเถอะ" คำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นการตั้งคำถาม แต่สุดท้ายแล้วก็ปิดท้ายด้วยการบอกให้ทำตาม


ความสงสัยก่อตัวขึ้นอีกครั้งในใจของอีซองยอล ว่าถ้าจะทำแบบนี้แล้วคิมซองกยูจะตั้งคำถามในตอนแรกไปเพื่ออะไร







-passionate-







ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินเข้าไปภายในร้านอาหารเกาหลีขนาดกลางที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารที่ตั้งของบริษัท KSG ซองยอลไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปนั่งในมุมที่เขามั่นใจว่ามันจะต้องหลบสายตาของคนได้ จนซองกยูที่เดินตามมาได้แต่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


"ปกติต้องเลือกโต๊ะที่มองเห็นคนได้ถนัดไม่ใช่เหรอซองยอล" คนเป็นพี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย ในขณะที่คนถูกถามทำเพียงถอนหายใจออกมาเพียงแผ่วเบาแล้วจึงตอบคำถาม


"วันนี้ไม่ค่อยอยากพบเจอผู้คนครับ ผมไม่มีอารมณ์" ไม่พูดเปล่า ซองยอลยกมือขึ้นมาตั้งมุมเกือบ 90 องศากับที่เท้าแขน เพื่อใช้มันรองรับน้ำหนักจากศีรษะของตนเอง "อีกอย่างวันนี้ผมมีนัดแล้วด้วย"


"นัด?" มยองซูทวนคำด้วยความประหลาดใจ เพราะเขานึกไม่ออกว่าซองยอลจะเอาเวลาจากไหนไปนัดเจอกับใคร เมื่อคืนเจ้าตัวก็อยู่กับเขาทั้งคืนจนเช้า ตอนที่แยกกันก็เพราะซองกยูโทรมาตามซองยอลให้เข้าร่วมประชุม


"เรื่องของฉัน" คนตัวสูงกัดฟันตอบกลับคนที่เพิ่งทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามเขา


"อย่าเพิ่งตีกันน่า สั่งอาหารก่อน" ซองกยูที่เห็นว่าหากปล่อยให้มยองซูและซองยอลเถียงกันต่อวันนี้เขาคงไม่ต้องทำอะไรแล้ว ท่านประธานบริษัทเอ่ยเรียกบริกรที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้มารับรายการอาหาร เมื่อหันกลับมามองรุ่นน้องทั้งสองคนก็พบว่าเด็กทั้งสองคนตรงหน้าเขานั่งจ้องหน้ากันราวกับไม่มีใครยอมใคร


บางทีซองกยูอาจจะคิดมากไปเองก็เป็นได้ แต่เด็กทั้งสองคนนี้กำลังมีท่าทีแปลกๆคล้ายกับว่าทั้งสองคนเพิ่งมีเรื่องผิดใจกันมาหยกๆ หรือว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นอย่างนั้นหรือ


"เย็นนี้มีนัดกับใครล่ะซองยอล" คนที่อายุมากที่สุดในกลุ่มเลือกที่จะเปิดบทสนทนาต่อจากเมื่อครู่ ในขณะที่ดวงตาเรียวรีก็ยังคงจ้องมองทีท่าของรุ่นน้องทั้งคู่อย่างพิเคราะห์พิจารณ์


"ผมจะไปทานข้าวเย็นกับคุณนาบีครับ" ซองยอลตอบคำถามพร้อมกับกดยิ้มเล็กๆเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ตอนที่เดินออกจากห้องประชุมมา


"งั้นเหรอ" ซองกยูถามซ้ำ พลางเบี่ยงตัวให้บริกรวางอาหารที่เพิ่งยกมาลงบนโต๊ะ แล้วตัดสินใจปิดบทสนทนา "ทานกันเถอะ พี่หิวแล้ว"


ทั้งสามคนทานอาหารกันโดยมีคิมซองกยูเป็นคนพยายามเปิดบทสนทนาอยูาบ่อยครั้ง ในขณะที่อีซองยอลก้มหน้าก้มตาทานอาหาร จะเงยหน้าขึ้นมาก็แค่ตอนที่ซองกยูเจาะจงจะพูดกับเขาก็เท่านั้น ส่วนคิมมยองซูก็จ้องมองซองยอลไม่วางตา


มันต้องมีอะไรระหว่างสองคนนี้ ซองกยูคิดแบบนั้น เขามั่นใจว่าเขามองไม่ผิดแน่นอน


นักธุรกิจหนุ่มสลัดความคิดเรื่องท่าทีแปลกๅของหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองคนก่อนจะไปจัดการเรื่องบิลอาหาร ปล่อยให้มยองซูและซองยอลนั่งแช่อยู่ที่โต๊ะตามเดิม


"นายจะกลับเมื่อไหร่" มยองซูเปิดบทสนทนาขึ้นมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ซองยอลเลิกคิ้วมองกลับอีกฝ่ายอย่างท้าทาย ก่อนที่กลีบปากอิ่มจะอ้าออกเพื่อตอบคำถาม


“ฉันจะไปไหน จะกลับเมื่อไหร่มันก็เรื่องของฉัน คิมมยองซู” รอยยิ้มท้าทายถูกจุดขึ้นที่มุมปาก “บางทีคืนนี้ฉันอาจจะไม่กลับคอนโดก็ได้ ใครจะไปรู้”


“งั้นเหรอ” มยองซูแค่นหัวเราะ “เอาเป็นว่าฉันจะไปรอนายที่ห้องของนายก็แล้ว”


พูดจบแล้วคนหน้าหล่อก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป โดยปล่อยให้อีซองยอลได้แต่นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ ทำไมเขาถึงต้องดูเป็นรองคิมมยองซูถึงขนาดนี้


เฮอะ! จะไปรอที่ห้องอย่างนั้นเหรอ


ถ้าคิดว่าอดทนรอได้ หรืออดทนฤทธิ์ของเขาได้ก็ให้มันรู้กันไป



อย่าท้าทายอีซองยอลให้มากนัก คิมมยองซู



TBC.

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 พฤษภาคม 2557 เวลา 00:25

    ซองยอลอ่า...ต้องการทำอะไรเหรอ ไปจีบผู้หญิงด้วย ประชดอะไรมยอง

    และทำไมซองยอลต้องอยากให้ใคร ๆ เป็นของเล่นนด้วยอะ

    ดูคาแรคเตอร์ ซองยอลเป็นคนแรง ๆ ไม่แคร์ใคร แต่อย่าถึงขั้น วันไนท์แสตนด์เลยน้า

    หวงงงงงอะะ

    ตอบลบ
  2. เรื่องนี้ซองยอลแรงและไม่แคร์ใครมากจริงๆ
    แต่ทำไมเราชอบลุคซองยอลแบบนี้ 555+
    ยิ่งตอนที่ซองยอลตื่นขึ้นมาแล้วพยายามไม่คิดอะไร
    มันแบบว่าใช่เลย แบบถ้าเรามัวแต่ไปสนใจสิ่งที่ผิดพลาดมา มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
    แต่ว่านะ ซองยอลก็ไม่ควรเห็นหลายๆคนเป็นของเล่นแบบนี้นะ
    ว่าแต่มยองคิดยังไงกับยอลกันแน่ ชอบยอลหรือเห็นยอลเป็นของเล่น

    ตอบลบ
  3. พี่ยอลลี่สุดสวยของน้องงงงงงงงงงงงงงงง ?? โอ้ววว แม่ ขนาดว่ามยองได้กินไปแล้ววว พี่ท่านก็ยังคงแรง แร๊งงง มากกกกกก จ๊ากกกก ยังไม่คิดจะเลิกเล่นกับของเล่นอีกก คนสวยยแดบัค คนสวยยสุดยอดมากกก ไม่แคร์ใครเลยจริงๆ มยองซูรับศึกหนักแล้วละ อยากรู้ว่าจะปราบพี่ยอลยังไง แต่ว่าก็ว่านะ พี่ยอลดูลึกลับ ? เหมือนมีอะไรอยู่ในใจ อีกเยอะเลยอ่ะ TTT แล้วอะไรคือแค่มยองพูดนิดเดียว พี่ยอลก็เย็นลงได้ คู่นี้นี่มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆเลยยยย อ๊ากกกกกกกกกก หรือว่ามันก็ไม่มีเหตุผลในตัวของมัน เอ๊ะอะไรยังไง คิดมาก เริ่มงง 5555555555555555 เอาตอนต่อไปมาาาาาาา

    ตอบลบ
  4. เฮ้ยคุณลูกชั้น ตื่นมาก็พาล (ใครผิดคร๊าคุณลูก)
    ม๊าว่าหนูเต็ม ๆ เลยนะ แต่ตอบมาได้นะ One Night Stand
    อยู่ใกล้ ๆ จะตีให้เนื้อเขียวเลย คุณลูก หม่ามี๊เคืองค่ะ
    สุดท้ายก็จะโดดไม่ไปทำงาน แต่โดนจิก
    แล้วคุณเธอก็ไปสาย โดนมองเหยียดซะ
    แล้วทำไมดูเธอเหมือนไม่ชอบสังคม และสุงสิงกะคนคะ
    แต่นามูเปิดศึกกันก่อนเลยนะ แต่กยูห้ามเพราะหวงชิมิ
    แต่รู้สึกดีใจแปลก ๆ เหมือนมิงหวงยอล
    ไปขัดขวางยอลทำร้ายนาบีทีนะ คือให้ยอลไม่ได้กินใครเลย
    แต่ก็รู้สึกว่า ยอลกะมยองมีซัมติงอะไรในใจป่าวคะ รอแชปต่อไปน้า

    ตอบลบ
  5. ก็เป็นอย่างนี้อะ ยอลอยากให้เขาไปของเล่นแต่ดันเป็นของเล่นเอง อยากรู้ตอนต่อไปแล้วอะ
    ติดตามอยู่นะค่ะ. ชอบมากเลยค่ะ

    ตอบลบ
  6. ซองยอลคะ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ
    เป็นของมยองแล้วก็ต้องเลิกหว่านเสน่ห์สิคะ
    จะโดนตีนะ

    ตอบลบ