Passionate
5th
- Unusual
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - ต้องยกความดีความชอบให้ใครบางคนที่ทำเราใจอ่อนจนยอมลงฟิค LOL
- ยิ่งเขียนเรายิ่งรู้สึกว่ามันแย่ เราขอโทษนะคะ T_T
- ยังคงย้ำว่าแท็ก #ฟิคพชน จะช่วยเหลือคุณได้เวลาจะดูว่าฟิคอัพหรือยังนะคะ orz
- ยิ่งเขียนเรายิ่งรู้สึกว่ามันแย่ เราขอโทษนะคะ T_T
- ยังคงย้ำว่าแท็ก #ฟิคพชน จะช่วยเหลือคุณได้เวลาจะดูว่าฟิคอัพหรือยังนะคะ orz
-passionate-
“แล้วทำไมไม่รีบบอกล่ะ!”
จางดงอูพูดเสียงดังพร้อมกับหัวเราะออกมา “งั้นพี่ไม่ต้องเรียกคุณเนอะ
ซองยอลก็เรียกพี่ว่าพี่ดงอูแบบคนอื่นก็ได้นะ”
"ผมตรงไปรับรายละเอียดสินค้าตัวใหม่ที่พี่ซองกยูครับ
คงต้องไปก่อน"
หนุ่มหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างให้กับท่าทีที่ดูสนอกสนใจในการกระทำของเขาจากดงอู
หรือจะเป็นเพราะอีซองยอลเข้าหานัมอูฮยอนในแนวนั้นกันแน่นะ?
หลังจากที่เขากับซองยอลตัดสินใจตั้งข้อตกลงขึ้นมาวันนั้นมยองซูก็ไม่ได้ไปก่อกวนอีกคน
ทำให้เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าซองยอลกับเด็กคนนั้นเดินหน้าไปถึงไหนแล้ว
"ไปคอนโดพี่ก็แล้วกัน
เผื่อมีอะไรขาดเหลือที่นั่นน่าจะมีของที่นายต้องใช้ด้วย"
ซองยอลตัดสินใจให้ซองจงไปทำงานที่คอนโดของเขาหลังจากเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อของเด็กหนุ่ม
“ถ้างั้นก็ได้ฮะ”
ซองจงตอบตกลงด้วยใบหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยความเกรงใจที่ปรากฏอยู่บนนั้น
จนซองยอลอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปยีกลุ่มผมนุ่มของเด็กหนุ่มอย่างนึกเอ็นดู
“เอาอย่างนี้แล้วกัน”
หนุ่มหน้าหวานเอ่ยขัด “ถ้าเราอยากให้พี่อารมณ์ดีขึ้นก็อยู่คุยเป็นเพื่อนกันสักพักได้ไหม”
“ได้สิครับ!”
ซองจงตอบรับด้วยน้ำเสียงแข็งขัน
นัยน์ตาที่หม่นหมองอยู่เมื่อครู่ฉายแววโล่งใจออกมาจนซองยอลอดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับสิ่งที่เห็น
คนตัวสูงเดินออกจากห้องครัวไปจูงมือรุ่นน้องเดินตามไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก
แต่จนแล้วจนรอดคนพวกนั้นก็ส่งคิมมยองซูมาพูดคุยกับเขา
ครั้งแรกที่เราพูดคุยกันแบบจริงจัง
เป็นการพูดคุยที่เหมือนไม่ได้คุยกัน
เพราะซองยอลไม่ได้สนใจจะฟังและมยองซูก็ไม่ได้พูดมากความ
หากแต่หลังจากนั้นมยองซูกลับอยู่เคียงข้างซองยอลเสมอในยามที่ซองยอลจำเป็นต้องทำงานที่เกี่ยวกับศิลปะ
คำพูดให้กำลังใจ ปลอบประโลม หรือแนะแนวทางมากมายนั้นซองยอลไม่เคยลืมได้ลง
เขาเก็บมันอาไว้ในทุกอณูของความทรงจำ
เมื่อซองยอลกับมยองซูเรียนจบชั้นมัธยมปลายเขาทั้งสองคนก็เดินไปกันคนละทาง
แต่ก็เหมือนกับว่ามยองซูไม่ได้จากซองยอลไปหา
อีกฝ่ายยังคงมีตัวตนอยู่กับเขาผ่านถ้อยคำที่ซองยอลจดจำไม่รู้ลืมพวกนั้น
เขาอยากจะพักสมองของตนเองจากความคิดวุ่นวยที่กำลังตีกันอยู่ภายในหัวของเขาก่อนจะลุยกับงานที่รอเขาอยู่ แต่แล้วเสียงกริ่งก็ดังขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับซองยอลได้เป็นอย่างดี
ความวุ่นวายและเคร่งเครียดกำลังกระจายตัวไปทั่วฝ่ายออกแบบของบริษัท
KSG เนื่องจากพนักงานในฝ่ายนี้ยังไม่สามารถออกแบบเฟอร์นิเจอร์เซ็ตใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวในไตรมาสที่สามของปีไม่เสร็จ
นัมอูฮยอนผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเองก็กำลังถูกความเคร่งเครียดเข้าเกาะกุมจนไม่สามารถร่างแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ตนเองทำค้างไว้ต่อได้
เมื่อเช้าอยู่ๆท่านประธานบริษัทอย่างคิมซองกยูก็เรียกประชุมแล้วเร่งงานมาจนทำให้ฝ่ายออกแบบทั้งฝ่ายวุ่นวายกันไปหมด
เมื่อเฟอร์นิเจอร์เซ็ตใหม่ที่วางแผนกันไว้แต่แบ่งงานไปทำกันคนละชิ้นสองชิ้นกลับยังไม่เสร็จ
เพราะท่านประธานกลับเลื่อนเวลาการส่งต้นแบบให้เร็วขึ้น
"ผมช่วยไหม"
เสียงนุ่มหูที่ไม่คุ้นชินดังขึ้นเบื้องหลังเรียกให้นัมอูฮยอนต้องหันไปให้ความสนใจ
เช่นเดียวกับคนในฝ่ายที่หันมามองเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนพูด
"ไม่คิดว่าพนักงานกิตติมศักดิ์แบบคุณจะต้องมาทำงานที่แผนกเหมือนคนอื่นเขานะ
คุณอีซองยอล" ทันทีที่อูฮยอนเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่
ชายหนุ่มตัวเล็กก็เริ่มจิกกัดอีกฝ่ายทันที
"แล้วแต่จะพูดเถอะครับ
แต่ลุกเถอะ เดี๋ยวผมแก้งานให้" ซองยอลถอนใจออกมายาวๆก่อนจะพูดขึ้นเรียบๆ
แต่ดูเหมือนว่านัมอูฮยอนจะไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดว่าจะแก้งานของอีกฝ่ายเท่าไรนัก
"เอางี้ ผมจะลอกงานของคุณใส่กระดาษแผ่นใหม่ แล้วต่อเติมตามที่ผมคิด
ถ้าคุณเห็นว่าดี ก็เอาไปส่งฝ่ายผลิต ตกลงไหมครับ"
"อูฮยอน
พี่ว่าที่คุณซองยอลพูดก็ถูกนะ" พนักงานคนหนึ่งที่กำลังง่วนอยู่กับการแก้งานของตนเองเอ่ยขึ้นมา
"แต่พี่ดงอู!"
"ไม่เอาน่าอูฮยอน
คุณซองยอล รบกวนด้วยนะครับ"
ชายหนุ่มที่ร่างเล็กพอๆกับอูฮยอนหันมาพูดกับซองยอลด้วยใบหน้าเปิ้อนรอยยิ้มที่ทำให้ซองยอลอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ชายหนุ่มหน้าหวานพยักหน้าให้อีกฝ่ายน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ที่วางอยู่ใกล้ๆมือมานั่ง
จากนั้นจึงหยิบกระดานวาดรูปที่ตนพกมาด้วยขึ้นมารองกระดาษแล้วเริ่มลงมือวาดตามแบบขงอูฮยอน
ในขณะที่เจ้าของแบบทำได้เพียงแค่ยืนกอดอกมองอยู่ด้านหลัง
“อูฮยอนไปร้านกาแฟไหม”
จางดงอูที่เห็นทีท่าของน้องชายคนสนิทตัดสินใจวางมือจากงานของตนเอง
เพื่อที่จะพาอูฮยอนออกจากบริเวณนี้เพราะหากเจ้าคนตัวเล็กยังคงยืนจ้องซองยอลอยู่แบบนี้
คนหน้าหวานอาจจะไม่มีสมาธิเอาได้
“ไปก็ได้ครับ”
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมายาวๆแล้วตอบตกลง
“งั้นไปกัน”
ดงอูยิ้มร่า เมื่อคลี่คลายสถานการณ์ตรงหน้าออกไปได้โดยดี “คุณซองยอลเอาอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมกับแย้มรอยยิ้มน่ารักให้จางดงอูได้เชยชม “แล้วก็
ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้ครับ มันทำให้ผมรู้สึกเกร็งน่ะ”
“ครับ”
ซองยอลตอบกลับสั้นๆพร้อมกับยกยิ้มอ่อนจางให้กับคู่สนทนา
“งั้นพี่ลงไปซื้อกาแฟก่อนนะ”
ดงอูร้องบอกด้วยน้ำเสียงสดใสแล้วหันไปลากอูฮยอนให้เดินไปด้วยกัน
ซองยอลจึงหันไปให้ความสนใจกับรูปวาดตรงหน้าต่อ
ฟากอูฮยอนที่เดินหน้าบึ้งออกมากับดงอูก็ทำให้ผู้พี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับใบหน้าบูดบึ้งของคนอ่อนวัยวุฒิกว่า
"ไม่ชอบซองยอลขนาดนั้นเลยเหรออูฮยอน"
คนอายุมากกว่าเอ่ยถามขึ้น
"แค่ไม่พอใจครับ"
อูฮยอนตอบเสียงแผ่ว "เขาทำเหมือนไม่ให้เกียรติแผนกของเรานะพี่ดงอู!
แบบนี้มันหักหน้าผมที่เป็นหัวหน้าชัดๆเลย!"
"แต่อูฮยอนก็ได้ยินแล้วนี่ที่คุณซองกยูบอกน่ะ"
จางดงอูเลือกที่จะใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ระยะเวลาที่ทำงานร่วมกันมาทำให้ดงอูรู้จักอูฮยอนดีในระดับหนึ่ง
เด็กคนนี้ยึดมั่นในกฎเกณฑ์และซื่อตรงจนสามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกได้อย่างรวดเร็ว
เจ้าตัวจึงไม่ชอบใจเท่าไรนักที่ซองยอลซึ่งเข้ามาใหม่ได้รับสิทธิพิเศษ
"ซองยอลทำงานขึ้นตรงกับคุณซองกยูนะอูฮยอน
การที่เขาเข้ามายื่นมือช่วยเราแบบวันนี้พี่เองก็ตกใจ
แต่สิ่งสำคัญก็คือเขาเห็นเราในสายตานะ"
"แต่พี่ดงอูก็เห็นนี่ว่าตอนประชุมกันวันนั้นเขาทำตัวใส่ผมแบบไหน!"
อูฮยอนร้องบอกพี่ชายตัวเล็กด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"ใช่
พี่เห็น พี่ได้ยินด้วย"
มือน้อยถูกเจ้าของยกขึ้นมาเพื่อลูบผมของน้องชายที่ขนาดตัวไล่กัน
"แต่อูฮยอนเองก็ผิดที่ไปหาเรื่องซองยอลนะ
จากที่คุยกันเมื่อกี้ซองยอลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แค่อาจจะเข้าหาคนที่ต้องทำงานด้วยไม่ค่อยเก่งเท่านั้น
เพราะฉะนั้นนายต้องเปิดใจให้กว้างนะ"
"ถ้ามันทำง่ายๆก็ดีสิครับ"
“มันทำไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากนะ"
พี่ชายตัวเล็กตอบกลับทันที "อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือเปล่า อย่างน้อยก็ซื้อกาแฟไปฝากซองยอลด้วยก็แล้วกัน
ยังไงเขาก็ยื่นมือเข้ามาช่วยงานพวกเรานะ"
นัมอูฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับมาแต่เจ้าตัวทำเพียงถอนหายใจคล้ายกับกำลังเหนื่อยใจกับอะไรบางอย่างเท่านั้น
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ซึ่งอีซองยอลก็ใช้เวลาที่ผ่านไปในการลอกรูปขอวนัมอูฮยอนลงบนกระดาษแผ่นใหม่ได้เสร็จพอดี
ข้อมือเล็กตวัดไปมาเพื่อลากเส้นเพิ่มตามจินตนาการที่ปรากฏอยู่ในหัว
จนทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่อูฮยอนออกแบบไว้ก่อนหน้านี้มีรูปลักษณ์ที่แปลกออกไปจากเดิม
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงรูปแบบที่อูฮยอนร่างเอาไว้ก่อนได้เป็นอย่างดี
ซองยอลกดน้ำหนักลงบนปลายนิ้วเพื่อลงน้ำหนักให้เสนนั้นเห็นชัดมากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งงานตรงหน้าของเขาเสร็จสมบูรณ์ คนหน้าหวานวางดินสอลงบนโต๊ะตรงหน้า
ก่อนจะแกะกระดาษออกจากกระดานแล้ววางเอาไว้บนโต๊ะของอูฮยอน
จากนั้นจึงเก็บข้าวของที่ตนรื้อออกมาเข้าที่
คนตัวสูงมองไปรอบเพื่อตรวจคสามเรียบร้อยว่าตนเองไม่ได้ลืมเก็บข้าวของของตนเอง
จากนั้นจึงเดินออกจากบริเวณนั้น
"อ้าว
ซองยอล"
ดงอูที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในแผนกเอ่ยทักขึ้นทันทีที่เห็นว่าซองยอลกำลังจะเดินออกด้านนอก
"จะกลับแล้วเหรอ"
"ครับพี่ดงอู"
ซองยอลตอลพร้อมกับยิ้มน้อยๆให้อีกฝ่าย "ผมแก้งานให้เสร็จแล้วนะครับคุณอูฮยอน
ลาล่ะครับ ไปนะครับพี่ดงอู"
"เดี๋ยวสิซองยอล
ทำไมถึงจะรีบไปล่ะ"
ซองยอลไม่เคยชินกับการถูกใครสักคนเอาใจใส่ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันแบบนี้
"งั้นเหรอ"
จางดงอูรำพึงออกมาเบาๆ "อ๊ะ จริงสิ! อูฮยอนซื้อกาแฟมาฝากายด้วยนะ
อูฮยอนก็เอากาแฟมาให้ซองยอลสิ ยืนเฉยอยู่ได้"
คิ้วเรียวสวยของซองยอลเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินคำพูดของดงอู
คนตัวสูงหันไปมองร่างเล็กของอูฮยอนที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานของตนเอง
ก่อนที่เจ้าตัวจะต้องประหลาดใจเข้าไปอีกเมื่อคนตัวเล็กยื่นเก้ากาแฟในมือมาให้กับซองยอลหนึ่งใบ
พร้อมกับคำพูดที่ทำให้ซองยอลต้องอมยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
"ขอบคุณนายมากนะ"
- passionate
-
คิมมยองซูเตรียมจะก้าวขึ้นรถหลังจากที่เขาเลิกงาน
ชายหนุ่มไพล่มองเช้าไปในตัวอาคารของบริษัทอีหครั้งก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งที่ถูกขนาบข้างด้วยจางดงอูและนัมอูฮยอนจากฝ่ายออกแบบ
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติเนื่องจากเมื่อเช้าหลังจากที่เขาประชุมกับคิมซองกยู
มยองซูได้รู้มาว่านัมอูฮยอนไม่ค่อยชอบใจอีซองยอลเท่าไรนัก
แล้วทำไมตอนนี้ซองยอลและอูฮยอนถึงดูสนิทสนมกันขนาดนั้น
มยองซูมองแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีท่าทีขัดใจกันตรงไหน
คนหน้าหล่อยัดตัวเองเข้าไปนั่งในรถ
แต่ก็ไม่ได้ขับรถออกไปแต่อย่างใด ดวงตาคมสวยยังคงจับจ้องไปยังซองยอลอยู่ตลอดเวลา
จนเห็นว่าอูฮยอนและดงอูได้เดินแยกออกไปแล้ว
ส่วนคนตัวสูงคนนั้นกลับเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
ใบหน้ายิ้มแย้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีซองยอลกับท่าทางเขินแายของหญิงสาวคนนั้นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมา
ก่อนที่คิมมยองซูจะตัดสินใจออกรถออกจากบริษัทด้วยความเร็วที่ทำให้คยรอบข้างต้องตกใจ
ความจริงแล้วมยองซูก็อยากจะนั่งมองซองยอลต่ออีกหน่อย
หากไม่ติดว่าวันนี้เขามีนัดทานอาหารกับที่บ้านล่ะก็นะ
มยองซูขับรถมายังห้างสรรพสินค้ากลางเมืองหลวงที่ซึ่งเป็นสถานที่นัดพบของเขากับพ่อแม่
คนหน้าหล่อรีบรุดไปยังร้านอาหารที่ได้นัดกับผู้ให้กำเนิดไว้ทันทีที่ไปถึง
ผ่านไปพักใหญ่มยองซูก็ขอตัวแยกจากพ่อกับแม่แล้วมาเดินที่ซูเปิร์ด้านล่างเพื่อซื้อของใช้เข้าห้องของตนเอง
ก่อนที่ดวงตาของเขามันจะโฟกีสเห็นใครบางคนที่กำลังเดินอยู่เคียงข้างเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
อีซองยอล
คิมมยองซูได้แต่นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจยามเห็นใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนของซองยอล
น่าแปลกที่กับคนอื่นซองยอลไม่เคยยิ้มอ่อนโยนแบบนี้ให้เลยสักครั้ง
แม้กระทั่งยุนนาบีที่เจ้าตัว'ไปด้วย'มาเมื่อไม่กี่วันก่อน
สงสัยว่าเขาจะต้องเข้าไปหาอีซองยอลสักหน่อยแล้วล่ะมั้ง
- passionate
-
หลังจากที่เข้าไปคุยกับคิมซองกยู
อีซองยอลก็ได้รับโทรศัพท์จากซองจงที่โทรมาถามเขาว่าหากเจอกันวันนี้จะได้ไหม
ซึ่งแน่นอนว่าอีซองยอลไม่รอช้าที่จะตอบตกลงคำนัดของซองจงไป
คนตัวสูงเดินออกจากห้องของซองกยูพร้อมกับกระดาษที่บอกรายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรกที่เขาต้องออกแบบในฐานะนักออกแบบของบริษัท
KSG เขาเจออูฮยอนและดงอูตอนที่เขากำลังลงไปด้านล่างของอาคาร
ซองยอลเดินคุยกับทั้งสองคนอย่างผ่อนคลายถึงแม้ว่าความจริงแล้วเขาจะไม่ค่อยได้พูดอะไรสักเท่าไรเลยก็ตาม
เมื่อแยกจากสองคนนั้นซองยอลก็ไม่ลืมที่จะเดินไปหายุนนาบีเพื่อเก็บเธอเอาไว้เผื่อเขาจำเป็นต้องไปเล่นกับเธออีกครั้ง
ดูจากงานที่ซองกยูให้เขามา
ซองยอลก็พอจะรู้ว่าเขาคงไม่มีเวลาจะไปตามหาของเล่นคนใหม่สักเท่าไร
"พี่ซองยอล!"
เสียงตะโกนเรียกชื่อของเขาเรียกให้ซองยอลต้องมองหาต้นเสียง
แล้วเขาก็ได้พบกับร่างเล็กของเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่หอบกระดานวาดรูปและอุปกรณ์เกี่ยวกับศิลปะมาด้วย
"สวัสดี
ซองจง"
ชายหนุ่มหน้าหวานวาดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าด้วยความเอ็นดูเด็กหนุ่มตรงหน้า
ซองยอลเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้
ซองจงเป็นคนแรกที่ถูกเขาจำกัดหมวดหมู่ให้เป็นหนึ่งในของเล่น
แต่เขากลับไม่นึกอยากจะ'เล่น'กับซองจงแบบที่ทำกับนาบีสักเท่าไร
"สวัสดีครับพี่ซองยอล
ขอโทษนะฮะที่โทรไปเร่งรัดให้พี่มาเจอผม แต่ถ้าไม่ได้พี่มาช่วย ผมว่าผมต้องเรียนไม่จบแน่ๆเลยฮะ"
ซองจงพูดพร้อมกับทำท่าทางเหมือนจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ
เด็กหนุ่มพูดเร็วระรัวจนซองยอลนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายใจไม่ทันเสียก่อน
ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้มให้กับท่าทางเช่นนั้นของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
คนหน้าหวานจึงยกมือขึ้นวางลงบนกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กกว่าแล้วบอกปัดไปว่าไม่เป็นไร
ซองยอลเอ่ยถามซองจงถึงรายละเอียดของงานที่เจ้าตัวต้องทำ
เมื่อได้รู้แล้วเขาก็พาซองจงไปซื้อของที่ต้องใช้เพิ่มเติม
"ว่าแต่เราจะไปทำงานกันที่ไหนล่ะ"
ซองยอลเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่เขาและซองจงเลือกซื้อของเสร็จเรียบร้อย เขาทั้งสองคนลืมคิดเรื่องนี้กันไปเสียสนิท
"อ๊ะ
นั่นสิครับ"
“จะดีเหรอครับ”
ซองจงเอ่ยถาม “ผมเกรงใจพี่นะครับ”
“ไม่เป็นอะไรหรอก”
ซองยอลบอกเด็กหนุ่มพร้อมกับยิ้มให้บางๆ “ยังไงพี่ก็ต้องกลับทำงานอยู่แล้ว
นายก็ไปทำงานใกล้ๆพี่ เวลาติดขัดอะไรจะได้ถามได้สะดวก”
“ไปเถอะ”
คนตัวสูงบอกกับซองจงแล้วเดินนำอีกฝ่ายไปยังรถยนต์คันหรูของตนเอง
ซองยอลรอจนซองจงเก็บของและขึ้นรถเสร็จแล้วจึงขับรถออกจากที่จอดเพื่อเดินทางไปคอนโดของซองยอลทันที
-
passionate –
อีซองยอลและอีซองจงนั่งทำงานของตนเองอยู่คนละมุมห้อง
เสียงดนตรีคลาสสิคที่เปิดคลอเบาๆเพราะเจ้าของห้องบอกว่าถ้าหากไม่เปิดเพลงไปด้วยเขาจะคิดงานไม่ค่อยออก
เสียงเล็กของเด็กหนุ่มร่างบางดังขึนเป็นครั้งคราวเมื่องานจิตรกรรมของตนเองเกิดการติดขัดจนต้องให้รุ่นพี่อย่างซองยอลช่วยหาทางออก
จนในที่สุดงานของเด็กหนุ่มก็ใกล้เสร็จเต็มที
“ซองจง
อยากดื่มอะไรไหม” ซองยอลที่ดูหงุดหงิดเล็กน้อยเอ่ยถามเด็กหนุ่มตัวเล็กซึ่งส่ายหน้าเป็นการฏิเสธคำถามของรุ่นพี่ทันทีด้วยความเกรงใจ
ซองจงทิ้งสายตามองตามหลังของซองยอลด้วยความสงสัย
จากนั้นเขาจึงหันไปมองที่กระดานวาดรูปของซองยอลที่วางอยู่ในมุมห้อง
กระดาษที่ถูกขยำใบแล้วใบเล่าถูกวางกองอยู่บนพื้น
ส่วนแผ่นที่ถูกติดอยู่บนกระดานนั้นก็ว่างเปล่าคล้ายกับว่าเป็นแผ่นใหม่ที่เจ้าของห้องเพิ่งติดมันลงไป
ดวงตากลมของเด็กหนุ่มหลุบลงมองหน้าตักของตนเองด้วยความรู้สึกผิด
ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นแล้วเดินตามซองยอลไป
“พี่ซองยอลฮะ”
ซองจงเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา เมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่หันมามองตัวเองแล้ว
เด็กหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะพูดต่อ “ผมขอโทษนะฮะที่ทำให้พี่ทำงานไม่สะดวก”
ชายหนุ่มเจ้าของห้องยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่อาจนับได้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร
เด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้ซองยอลรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที
ดวงตาคู่สวยทอดมองอีซองจงด้วยความอ่อนโยน
ก่อนที่เขาจะวางแก้วน้ำในมือลงบนเคาน์เตอร์ครัว
“นี่ซองจง”
ซองยอลเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มรุ่นน้องด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหัวเราะอยู่ในที
“ไม่ใช่เพราะนายหรอกที่ทำให้พี่คิดงานไม่ออก แต่พอดีพี่เพิ่งได้รายละเอียดงานมา
คิดไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก ไม่ต้องโทษตัวเองนะ”
“แต่...”
“ช่วงนี้พี่กำลังมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”
ซองยอลพูดขึ้นมาโดยไม่ได้มองหน้าของคู่สนทนา
คนตัวสูงเหม่อมองเข้าไปยังหน้าจอโทรทัศน์ที่มืดสนิทคล้ายกับเจ้าตัวกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวบางอย่าง
ซองจงไม่ได้พูดอะไรเป็นการขัดอีกฝ่าย
คนตัวเล็กทำเพียงนั่งอยู่ข้างๆแล้วรับฟังอีกคนเท่านั้น
“มีใครบางคนกำลังทำให้การใช้ชีวิตของพี่เปลี่ยนไป”
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้นจนเด็กหนุ่มต้องหันไปมอง “และพี่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงไม่ไล่เขาออกไป”
“พี่ซองยอล...”
“ซองจงน่าจะรู้ใช่ไหมล่ะว่าพี่เป็นพวกชอบเล่นไปทั่ว”
คนตัวสูงหันหน้าหลับมาหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ “ตอนที่เดินเข้าทักนาย
ก็เป็นเพราะพี่ก็อยากได้นายมาเป็นหนึ่งใน ‘ของเล่น’ นั่นแหละ”
รอยยิ้มขำปรากฏขึ้นที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าวิตกของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ตอนนี้พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว”
“แล้วใครเหรอฮะที่ทำให้พี่ซองยอลรู้สึกแปลกไป”
“คนที่พี่ตัดออกไปในชีวิตไม่ได้สักทีน่ะสิ
ตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะ” ซองยอลยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวันวาน
คนที่เขากำลังพูดให้ซองจงฟังก็หนีไม่พ้นคิมมยองซูคนนั้นนั่นแหละ
ซองยอลไม่ได้รักมยองซู เขามั่นใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจตัวเองก็คือ
ทั้งๆที่เขาเป็นคนกำหนดข้อตกลง
ทั้งๆที่เขามีสิทธิ์จะปฏิเสธไม่ให้อีกฝ่ายมายุ่มย่ามกับเขา
แม้มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายในการต้องพยายามหลบหนีอีกฝ่ายก็เถอะ
อีซองยอลสามารถทำได้ แต่เขากลับไม่ทำ
เขาไม่เข้าใจตัวเอง
ซองยอลไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ยื่นข้อเสนอที่เด็กขาดกับมยองซูไปเลย
อาจจะเป็นเพราะเรื่องราวในอดีตกระมัง
เพราะซองยอลมีมยองซูคอยทำให้เขาสามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่ายกว่าปกตินิดหน่อย
มันเป็นเพราะเขาไม่มีเพื่อน ตั้งแต่เด็กแล้ว ซองยอลไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว
หากจะบอกว่าคิมมยองซูเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของซองยอลก็คงจะเป็นไปได้ เพียงแต่ว่า
เขาไม่ได้จำกัดความมยองซูให้เป็นเพื่อนก็เท่านั้นเอง
เขารู้ดีว่าตัวเองเข้ากับคนอื่นยากแค่ไหน
ถึงแม้ซองยอลจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับการหาความสุขทางกายที่ค่อนข้างดี
แต่การเข้าหาคนอื่นในแง่อื่นเขาทำมันได้ไม่ดีเสียเลย ยกตัวอย่างเช่นกับคนในฝ่ายออกแบบ
หากไม่ได้จางดงอู อีซองยอลก็คงไม่อาจพูดคุยกับใครได้แม้แต่คนเดียว ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วที่ซองยอลเป็นแบบนี้
และเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
ในตอนนั้นซองยอลถึงมีมยองซูเป็นคนเดียวที่กล้าเดินเข้ามาหา
หลายๆคนเห็นเขาเป็นผลประโยชน์
ไม่เคยมีคนถามถึงความรู้สึกเขา สิ่งที่ซองยอลได้รับตลอดมามีเพียงแค่ความกดดัน
ซึ่งส่วนหนึ่งมันคงจะเป็นความผิดของเขาที่ไม่คิดจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดที่เป็นประโยชน์กับตนเองออกไป
จนนานวันเข้า เมื่อความกดดันนั้นมีมากขึ้นซองยอลจึงเลือกที่จะวางเฉยกับมัน
เขาไม่สนใจอะไรที่คนรอบข้างพยายามยัดเยียดให้ เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว
ซองยอลเพียงแค่คิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นโดยไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะได้รับผลกระทบเช่นไร
เพราะสิ่งที่เขาทำมาตลอดนั้นมันก็มากพอแล้ว
“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง
ซองจง” คนหน้าหวานยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมที่ขมับ
“พี่ไม่เคยยอมอ่อนให้ใครขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบ
แต่พี่ก็ยัง...”
“พี่ซองยอลมีเรื่องอะไรที่ติดค้างในใจกับเขาหรืเปล่าครับ”
ซองจงแทรกขึ้นมาด้วยคำพูดที่ทำให้ซองยอลชะงัก
“ติดค้างเหรอ”
คนตัวสูงทวนคำพลางขมวดคิ้ว
“ครับ”
เด็กหนุ่มร่างเล็กกดยิ้มที่มุมปาก
ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือของรุ่นพี่เอาไว้อย่างอ่อนโยน
“บางทีเพราะพี่ซองยอลให้ความสำคัญกับเขามากกว่าใครทำให้พี่ไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธหรือบอกปัดเขาไปน่ะครับ”
“งั้นเหรอ”
ซองยอลรำพึงเสียงเบา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องไปยังหน้าตักของตนเองอย่างครุ่นคิด
หากความรู้สึกของเขาเป็นอย่างที่ซองจงบอกก็ถือว่ามันไม่เสียหายอะไรเท่าไร
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังขัดใจอยู่ไม่น้อยที่เด็กหนุ่มบอกว่าอีซองยอลให้ความสำคัญคิมมยองซูมากกว่าใคร
ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย
“แต่พี่ซองยอลครับ”
เสียงของซองจงปลุกให้ซองยอลต้องตื่นจากภวังค์อย่างรวดเร็ว
“หืม”
“ในช่วงที่พี่สับสนแบบนี้
ระวังหัวใจตัวเองไว้บ้างก็ดีนะครับ”
คนตัวเล็กบอกพร้อมกับส่งยิ้มบางๆให้กับรุ่นพี่ที่ทำหน้างงงวยได้อย่างน่าเอ็นดู
“เห็นเขาสำคัญมากไปบางทีมันก็ไม่ดีกับตัวเราเองนะครับ”
คำพูดของรุ่นน้องตัวบางทำให้ซองยอลต้องชะงัก
ใบหน้าเรียวเงยขึ้นจ้องมองไปยังหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้เขา
ซองยอลตกอยู่ในภวังค์อีกพักใหญ่จนซองจงบอกกับเขาว่าเจ้าตัวต้องกลับบ้านแล้วชายหนุ่มจึงจะหลุดออกจากห้วงความคิด
เขาลงไปส่งเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ด้านหน้าของคอนโดก่อนจะกลับขึ้นมาบนห้อง
ซองยอลทิ้งตัวลงบนโซฟาที่กลางห้องนั่งเล่นอย่างเหนื่อยอ่อน
เขาอยากจะพักสมองของตนเองจากความคิดวุ่นวยที่กำลังตีกันอยู่ภายในหัวของเขาก่อนจะลุยกับงานที่รอเขาอยู่ แต่แล้วเสียงกริ่งก็ดังขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับซองยอลได้เป็นอย่างดี
ใครจะมาหาเขาในเวลาเช่นนี้กัน
“ใครครับ”
เสียงทุ้มหวานดังขึ้นเพื่อถามคนที่อยู่ด้านนอกพอเป็นพิธี
ในขณะเดียวกันนั้นขาเรียวก็ก้าวเดินไปยังประตูบานสวยที่เป็นทางเข้าออก
ซองยอลปลดกลอนประตูแล้วเปิดออกกว้าง ก่อนที่ดวงตากลมจะเบิกกว้างออกด้วยความตกใจ
เมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องของเขาคือคนที่ทำให้ความคิดของเขาตีกันมั่วไปหมด
คิมมยองซู
“มีอะไร”
ซองยอลกระชากเสียงถามอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยกับการมาเยือนในยามวิกาลเช่นนี้
คนหน้าหล่อไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับเดินเข้ามาภายในห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ
ก่อนจะดึงร่างของเขาเข้าไปบดเบียดจูบที่รุนแรงและเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจที่ซองยอลทำได้เพียงประท้วงอยู่ในลำคอ
“ซองยอล
ฉันรู้ว่ามันอาจจะผิดสัญญา แต่...”
มยองซูพูดขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวถอนริมฝีปากออกไป
“ได้โปรดมีฉันเป็นผู้ชายคนเดียวของนายเถอะนะ”
หัวใจที่ซ่อนอยู่ใต้อกข้างซ้ายเต้นระรัวขึ้นเพียงแค่เขาได้ยินประโยคนั้น
อีซองยอลจึงได้ค้นพบว่า
เขากำลังแปลกไป
TBC.
กรี๊ดซิกรีีดดดดดดดดดดดดดด โอ๊ยยย น้องจงของพี่ คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะลูกกกกก รอดพ้นจากปากเหยี่ยววนางพญาแล้วววว (แกกล้าว่าพี่ยอลเหรออ) คือบั๊บบบบบ !! พี่ยอลนี่เข้ากับคนยากจริงๆ แต่ก็มีเพียงมยองคนเดียวแหละที่เข้าใจ โอ๊ยยยยยยยยยยยย แบบนี้มันคนสำคัญแล้ววว อย่าปฎิเสธตัวเองเลยค่ะ พี่ยอลลคนสวยยย มยองก็นะ ! ปากว่าไม่แคร์แต่ก็หวงขั้นสุดๆ มาขอกันแบบนี้พี่ยอมมม(ได้ข่าวว่าขอพี่ยอล) 55555555 อยากจะดิ้นตายยยยยยยยยยยยยยย ขอตอนต่อไปเลยได้ไหมมม มันค้างงงงงงคาาาาาาา
ตอบลบไรเตอร์อัพฟิคแล้ว ดีใจจัง เพราะอีกไม่กี่วันเราก็ต้องกลับบ้าน พอกลับบ้านแล้วคงไม่ได้เข้ามาอ่านฟิคแน่ๆ TT
ตอบลบเข้ามาเรื่องฟิค อยากรู้ว่าเพราะอะไรซองยอลถึงคิดกับซองจงไม่เหมือนกับคนอื่น
แบบมันเหมือนกับว่าซองยอลกับซองจงเป็นพี่ชายน้องชายกันเลย
แต่ว่าเราค่อนข้างแปลกใจนะที่อยู่ๆยอลก็ยื่นมือมาช่วยอูฮยอน
ที่ยอลช่วยนัมมันเป็นเพราะยอลอยากช่วยจริงๆหรือเหตุผลอีก
ถ้ายอลช่วยเพราะอยากช่วยจริงๆนี้ก็แปลว่ายอลเริ่มแปลกไปนะ
ส่วนความรู้สึกกับมยองซู ยอลเริ่มรู้สึกสับสนกับความรู้สึกตัวเองที่มีให้มยองซูแล้ว
บอกตามตรงว่าความสัมพันธ์ของยอลกับมยองในอดีตมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษมั๊งนะ
เพราะยอลมีแค่มยองที่เป็นเหมือนเพื่อนคอยช่วย
ส่วนมยองก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่คอยช่วยยอลตลอด
แต่สิ่งที่อยากรู้คือตกลงว่ามยองคิดยังไงกับยอล จริงจังกับยอลหรือแค่เล่นๆกับยอล
ปล.ถ้าไรเตอร์ไม่เห็นคอมเม้นท์เราในตอนถัดๆไป อย่าคิดว่าเราเลิกอ่านเรื่องนี้นะคะ
ถ้าช่วงใกล้เปิดเทอมแล้วเราจะกลับมาอ่านและคอมเม้นท์ย้อนหลังให้นะคะ
ให้ตายสิ น้องจงรอดแล้ว ดีใจแทนมยองซูนะ 555555555555555555555555+ ยอลเริ่มหวั่นไหวแล้วสิ ในหัวมีแต่มยองซูวนเวียนลอยไปลอยมาเลยมั้ย คิคิคิคิ นายแพ้มยองแล้วหล่ะยอมรับหัวใจเถอะยอลลี่ >.< แชปนี้ต้องขอบคุณน้องจงงี่อย่างงามเลยมาพูดให้ยอลได้คิดแล้วก็แถมยังมาทำให้มยองกลัวจะเสียยอลไปถึงกับมาขอร้องยอลด้วยประโยคที่ได้ยินต้องรักเลยอ่ะ ได้โปรดมีฉันเป็นผู้ชายคนเดียวของนายเถอะนะ ชอบอ่ะมยองมาขอเป็นผู้ชายของยอลอ่ะ กรี๊ดดดดดด ขอให้มยองรักยอลจริงๆนะ ขออย่าให้เราคิดไปเองเลยนะว่ามยองรักยอลมากๆ
ตอบลบชอบมากค่ะ ติดตามอยู่นะค่ะ
ตอบลบ