วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[FIC] Passionate: 10th ☆ Myungyeol

Passionate
10th - Farewell

Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - คนใจร้ายหลอกให้เราเปิดจอง ทำไมไม่จองกัน T^T #สติเราหลุดค่ะอย่าสนใจ แต่จองได้ -> สั่งจองฟิค
- ถ้าบอกว่านี่ตอนจบจะตบเราไหม ล้อเล่นนะ มี epilogue XD
-  ไปสกรีมกันเต๊อะ ที่เดิมเลยโนะ #ฟิคพชน 








-passionate-









อีซองยอลเดินเข้าไปภายในตัวอาคารอันเป็นที่ตั้งของบริษัท KSG อย่างเหม่อลอย คนหน้าหวานแวะทักทายยุนนาบีที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เหมือนกับทุกวัน เพียงแต่วันนี้บนใบหน้าเนียนนั้นกลับไม่มีรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย จนหญิงสาวต้องเอ่ยถามด้วยความห่วงใยว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า ซึ่งซองยอลก็ตอบกลับไปสั้นๆว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร


ซองยอลโกหก


เป็นสิ ซองยอลกำลังเจ็บปวดและคิดไม่ตกว่าเขาจะจบเรื่องราวของเขากับคิมมยองซูได้อย่างไร จริงอยู่ที่ซองยอลมีความสุขเวลาที่เขาได้อยู่กับมยองซู แต่ทว่าในช่วงเวลาที่มีความสุขนั้นมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความรู้สึกเหล่านั้นมันเด่นชัดขึ้นตอนที่ภรรยาของคิมมยองซูมาบอกให้เขาเดินออกไปจากชีวิตคู่ของพวกเขาเสียที


ชายหนุ่มถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความเหนื่อยใจ พร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปภายในลิฟท์ โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนยืนอยู่ด้านใน


“จะหลบหน้าฉันอีกนานไหม อีซองยอล” เสียงที่ซองยอลมั่นใจว่าเขาคุ้นเคยกับมันในระยะเวลาสั้นๆดังขึ้น เรียกให้คนหน้าหวานต้องเงยหน้าขึ้นมามองตามต้นเสียง


“ฉันไม่ได้หลบสักหน่อย” ซองยอลโต้กลับไปด้วยท่าทางสบายๆ “เป็นยังไงบ้างล่ะมยองซู อยู่กับคุณอึนฮเยคงมีความสุขดีสินะ”


“ซองยอล” มยองซูเอ่ยเรียกคนหน้าหวานด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเครียดอยู่ในที “ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้ได้ไหม”


“ฉัน...” แนวฟันขาวขบลงบนกลีบปากนุ่มเพื่อสะกัดกลั้นอารมณ์ ก่อนที่เจ้ตัวจะถอนหายใจออกมายาวๆ “เอาเป็นว่าคืนนี้เจอกันที่ห้องฉันก็แล้วกัน”


“ได้” มยองซูตอบรับ ก่อนที่คนหน้าหล่อจะกวาดตามองซองยอลอย่างถี่ถ้วน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนที่เรียวปากบางจะเอ่ยถาม “สีหน้านายดูไค่อยดีนะ เป็นอะไรหรือเปล่า”


“เปล่า” ซองยอลปฏิเสธพร้อมกับหันหน้าหนีเมื่อมยองซูยื่นมือมาคล้ายจะวัดไข้ให้กับเขา “ฉันสบายดี”


ท่าทางของซองยอลทำให้มยองซูชะงักอยู่กับที่ คนหน้าหล่อค่อยๆลดระดับมือลงในขณะที่ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของอีซองยอลอย่างไม่วางตา นัยน์ตาของคิมมยองซูฉายแววประหลาดในขณะที่จับจ้องไปยังอีกคนที่ยืนอยู่ภายในลิฟท์ตัวเดียวกัน ร่างหนาเตรียมจะสาวเท้าเข้าไปใกล้กับอีกคนให้มากกว่านี้ หากแต่เสียเตือนว่าประตูลิฟท์กำลังจะเปิดกลับทำให้ชายหนุ่มต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้น


“เจอกันตอนเย็นก็แล้วกัน” คนหน้าหล่อเอ่ยบอกซองยอลซึ่งพยักหน้าน้อยๆเป็นการตอบรับ ก่อนที่มยองซูจะเดินออกจากลิฟต์ไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมา จึงไม่อาจเห็นว่าอีซองยอลได้ยกมือขึ้นมากุมบริเวณหน้าอกที่หัวใจไม่รักดีของเขามันกำลังเต้นระรัวเพราะท่าทีที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของคิมมยองซู


ซองยอลไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกของตนเองอีกแล้ว






- passionate –






ความตึงเครียดปกคลุมอยู่ทั่วแผนก Production design จนอีซองยอลผู้ซึ่งเพิ่งมาถึงต้องตกใจกับความตึงเครียดที่เจ้าตัวสัมผัสได้ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันจนหัวคิ้วขึ้นเป็นรอย จากนั้นคนหน้าหวานจึงสาวเท้าเข้าไปหาอีโฮวอนที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อเอ่ยถามถึงที่มาที่ไปของบรรยากาศเช่นนี้


“โฮวอนนี่” ชื่อน่ารักๆที่ซองยอลเพิ่งจะตั้งให้กับคนตัวหนาเรียกให้อีโฮวอนต้องหันมาตามเสียง คิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นเชิงถามไถ่ถึงสาเหตุที่อีซองยอลเอ่ยทักเจ้าตัว “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมทุกคนดูเครียดกันขนาดนี้”


“หัวหน้าบอกว่าจะเรียกประชุมตอนบ่ายนี้ เพื่อจะสรุปว่าคอนเซ็ปต์ที่เพิ่งได้รับมาเราจะออกแบบงานออกมาแบบไหนน่ะครับ คุณซองยอล” โฮวอนตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด “แต่ติดที่ว่ายังไม่มีใครคิดอะไรออก ก็เลยพากันเครียดไปหมด”


“งั้นเหรอ” ซองยอลขบฟันลงบนริมฝีปากอย่างที่เคยชิน ก่อนที่ขายาวจะพาร่างเพรียวตรงไปยังโต๊ะของหัวหน้าแผนกที่อยู่ด้านใน คนตัวสูงทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับอูฮยอนด้วยทีท่าสบายๆจนหัวหน้าแผนกตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมามองซองยอลด้วยความแปลกใจที่อีกฝ่ายยังทำตัวสบายๆในสถานการณ์ที่เคร่งเครียดแบบนี้ได้


“ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศเครียดๆพวกนี้เหรอซองยอล” คนตัวเล็กเอ่ยถาม


“รู้สึกตั้งแต่อยู่ข้างหน้าเลยล่ะ” คนหน้าหวานตอบกลับ “แต่พอดีว่าคิดออกแล้วก็เลยไม่เครียดตาม”


“หืม?” นัมอูฮยอนส่งเสียงในลำคอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ “คิดออกแล้วเหรอ!


“อื้อ จะเรียกประชุมเลยไหม” รอยยิ้มน่ารักปรากฏบนใบหน้าของซองยอลในขณะที่เจ้าตัวเอ่ยถามคนตัวเล็กตรงหน้า “หรือต้องรอให้ถึงเวลาที่นัดกับคนอื่นในฝ่ายไว้”


“รอตอนบ่ายก็แล้วกัน เผื่อคนอื่นมีไอเดียดีๆมาเสนอ” หัวหน้าแผนกตอบกลับมา ซองยอลจึงยักไหล่เป็นการตอบรับ มือเรียวสวยหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องบางเฉียบของตนเองขึ้นมาเพื่อเปิดเพลงฟัง ปลายนิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความตอบกลับบทสนทนาที่คุยค้างไว้กับคิมซองกยูพร้อมกับใส่หูฟังเข้าไปในหูของตนเอง ทันทีที่เสียงดนตรีสบายๆตามที่คนหน้าหวานชอบดังขึ้น อีซองยอลก็หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่มีเพียงตัวเขาและความสบายใจที่ได้รับจากเสียงเพลง


เวลาเดินผ่านไปจากนาทีเป็นชั่วโมง จวบจนกระทั่งเดินมาถึงบ่ายโมง เรียกสะกิดที่ไหล่เรียกให้ซองยอลต้องหลุดออกจากวังวนที่ไม่มีใครเข้าไปกับเขาได้ คนหน้าหวานเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามไถ่อูฮยอนซึ่งเป็นคนสะกิดเขา เมื่อคนตัวเล็กชี้ที่นาฬิกาข้อมือของตนเองซองยอลจึงจัดการดึงหูฟังของตนเองออก


“บ่ายแล้วเหรอ” เขาถามคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้า คนหน้าหวานจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังนัมอูฮยอนเข้าไปในห้องประชุมของแผนกทันที


“อย่างที่บอกไปแล้วนะว่าบ่ายนี้เราจะมีประชุมเพื่อให้ได้คอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนกว่าที่ฝ่าย Production plan ให้เรามา” นัมอูฮยอนพูดขึ้นทันทีที่ทุกคนในแผนกเข้ามาภายในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว “ผมต้องขอโทษด้วยที่เร่งรัดให้ทุกคนช่วยกันคิด แต่ว่าถ้าเราไม่รีบจำกัดความคอนเซ็ปต์ของสินค้าตัวใหม่แล้วล่ะก็ ระยะเวลาในการออกแบบของเราก็จะหายไปไม่น้อย และอาจจะเกิดปัญหาแบบไตรมาสนี้ก็คือเราถูกเร่งให้ส่งงานก่อนกำหนด”


“แต่หัวหน้าครับ” คนในฝ่ายคนหนึ่งยกมือขึ้นเป็นการขออนุญาต “เวลาที่เหลือมันก็มีเยอะพอประมาณนะครับ เราอาจจะเลื่อนไปประชุมในสัปดาห์หน้าอีกครั้งก็ได้”


“ผมทราบครับ” อูฮยอนตอบพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก “แต่ว่าต่อให้ผมใหเวลาในการคิดมากกว่านี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะคิดกันได้ต่างจากนี้ไม่ใช่เหรอครับ”


ไร้คำคัดค้านจากพนักงานคนนั้น ที่พยักหน้ารับคำพูดของอูฮยอนอย่างเสียไม่ได้


“มีใครพร้อมจะนำเสนออะไรไหมครับ” อูฮยอนเอ่ยถาม ซึ่งซองยอลก็ทำเพียงกวาดตามองไปรอบๆที่ประชุม แต่กลับไม่มีใครนำเสนออะไรคนตัวสูงจึงตัดสินใจยกมือขึ้น “เชิญคุณซองยอลครับ”


Precious time ที่ทางฝ่ายโน้นให้มาคือช่วงเวลาแห่งความสุขที่เราจะได้รับเมื่อเราอยู่กับคนที่เรารักใช่ไหมครับ” ซองยอลเกริ่นนำ “ซึ่งคนที่เรารักที่ว่าก็ถูกแบ่งยิบย่อยออกได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก”


ดวงตากลมโตสุกใสกวาดตามองไปรอบๆห้องประชุม ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “แต่เรื่องสำคัญมันอยู่ที่ว่า สินค้าของบริษัทเราคือเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะอยู่กับคนที่เรารักประเภทใดประเภทหนึ่งที่ผมได้พูดไปเมื่อกี้ สถานที่ที่เราใช้ก็มีเพียงที่เดียวคือที่อยู่ของเรา” ซองยอลเว้นวรรคเพื่อหายใจ “ฉะนั้น ผมคิดว่า Precious time ที่ทางฝ่ายโน้นเขาต้องการจะสื่อคือความสุขของเราเมื่อเราอยู่ที่บ้าน โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่กับคนที่เรารัก”


“แล้วเราจะออกแบบมันออกมายังไงล่ะครับ” จางดงอูเอ่ยถามพร้อมกับทำหน้างง


“คอนเซ็ปต์นี้เราจะไม่ฟิกซ์เรื่องสีครับ เนื่องจากเราจำเป็นต้องออกแบบให้เข้ากับทุกเพศทุกวัย เพื่อรองรับทั้งในแง่ของครอบครัว หรืออื่นๆ” ซองยอลว่า “ผมอาจจะไม่สามารถพูดออกไปตรงๆได้ว่าเราจะออกแบบอย่างไรให้มันชัดเจน แต่ที่ผมต้องการจะบอกก็คือ พวกคุณคิดว่าเฟอร์นิเจอร์แบบไหนที่เหมาะจะใช้ในช่วงเวลาแห่งความสุขที่คุณได้อยู่กับคนที่คุณรัก คุณก็ออกแบบมันมา แล้วหลังจากนั้นเราค่อยมาประชุมกันเพื่อเลือกแบบที่ดีที่สุดเพื่อผลิตและวางขายในตลาด”


“แต่คุณซองยอลครับ” อีโฮวอนเป็นฝ่ายค้านขึ้นมาบ้าง “แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการแข่งขันกันในฝ่ายน่ะสิครับ”


“นั่นแหละครับที่ผมต้องการจะสื่อ” ซองยอลยิ้มกว้าง


“ความจริงแบบที่ซองยอลว่ามาก็ดีนะครับ” อูฮยอนพูดขึ้นมาบ้าง “ลองออกแบบกันมาแล้วค่อยมาคัดเลือกอันที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนจะออกแบบมามากน้อยเท่าไรก็ได้”


“แต่แบบนั้นมันจะกลายเป็นว่าสินค้าในไตรมาสหน้าไม่ไปในทางเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ”


“ถึงแม้เราจะออกแบบมาในความคิดที่ไม่เหมือนกันก็จริง แต่เมื่อเราเลือกอันที่ดีที่สุดได้ เราก็สามารถนำทุกแบบที่เราเลือกมาปรับแต่งให้เข้ากันได้ไม่ใช่เหรอครับ” คนหน้าหวานเอ่ยบอกกับที่ประชุม ก่อนจะได้รับเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นเป็นการยอมรับในความคิดของอีซองยอล เมื่อเห็นเช่นนั้นคนตัวเล็กซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกจึงกล่าวปิดการประชุมทันที


“ขอบคุณนะซองยอล” อูฮยอนพูดกับเขาในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินออกจากห้องประชุม


“จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรมากนะอูฮยอน” เสียงใสที่กลั้วหัวเราะดังขึ้นตอบอูฮยอน “ฉันก็คิดแบบสนุกๆว่าให้ทุกคนทำตามมุมมองของตัวเองแล้วเอามาเลือกทีหลังเท่านั้นเอง”


“ก็นั่นแหละ” คนตัวเล็กทำปากยื่นเมื่อซองยอลบอกปัดที่จะรับคำชมของตน “ถ้าไม่ได้นายป่านนี้ทั้งแผนกก็ยังเครียดกันอยู่ เอ้อ ไปหาอะไรทานกันไหม”


“คงไม่ได้อะ” ซองยอลปฏิเสธพร้อมกับทำหน้ามุ่ย “ฉันมีนัดกับพี่ซองกยู”


“เรื่องอะไรเหรอ ขอรู้ด้วยคนได้ไหม” คนตัวเล็กทำตาโตจนซองยอลนึกเอ็นดู มือเรียวสวยเจ้าของมันยกขึ้นมาวางแหมะลงบนศีรษะกลมของนัมอูฮยอนก่อนจะขยี้จนผมของหัวหน้าแผนกยุ่งไม่เป็นทรง เสียงร้องโวยวายจากอูฮยอนดังตามมาเป็นการตอบรับการกระทำของซองยอล คนหน้าหวานหัวเราะกับท่าทางเช่นนั้นของคนที่ตอนเจอกันครั้งแรกนั้นทำเป็นเคร่งขรึม ก่อนที่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเจอแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางเบาในตอนที่อีซองยอลตอบคำถามนั้น


“เดี๋ยวพี่ซองกยูจะบอกพวกนายเอง”





- passionate –





อีซองยอลเดินลากเท้าเข้าไปภายในห้องพักของตนเองอย่างหมดสภาพ หลังจากที่รุ่นพี่ผู้เป็นเจ้านายของตนเองพาซองยอลไปตะลอนๆในย่านช็อปปิ้งหลังจากที่เขาเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับอีกฝ่าย โดยสาเหตุที่ซองกกยูหยิบยกมาบอกกับซองยอลว่าทำไมตนถึงต้องพาน้องออกไปตะลอนแบบนั้นเป็นเพราะน้องชายตัวแสบแบบอีซองยอลเอาความเครียดไปโยนใส่


ซองยอลคิดว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ


เอ่อ คิดว่าแบบนั้นน่ะนะ


“ไปไหนมา” เสียงทุ้มที่เรียกอัตราการเต้นอันหนักหน่วงของหัวใจของเขาดังขึ้นทันทีที่ซองยอลเปิดประตูห้องนอน


“โดนพี่ซองกยูลากไปช็อปปิ้งน่ะ” ซองยอลตอบพร้อมกับวางกระเป๋าเข้าที่ “นายทานข้าวหรือยัง”


“ยัง” มยองซูตอบพร้อมกับปั้นหน้าหงอยๆให้ซองยอลนึกสงสาร “รอนายกลับมาทานด้วยกัน”


“ไปสิ ฉันก็ยังไม่ได้ทานข้าว” มือเรียวสวยยื่นออกไปดึงต้นแขนของคนที่นอนพิงหัวเตียงอยู่ แต่คิมมยองซูกลับขืนตัวไว้พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์


“ฉันไม่มีแรงเลย เติมพลังให้หน่อยสิ”


“ยังไง”


“หอมแก้มหน่อย” ไม่พูดเปล่า คิมมยองซูยกนิ้วขึ้นมาแตะที่แก้มของตนเองพร้อมกับยกยิ้มอย่างเหนือกว่าให้กับซองยอล หากแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีคนหน้าหล่อก็รู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นลืมหายใจ ในยามที่ริมฝีปากนุ่มของซองยอลถูกกดลงบนแก้มของเขาทั้งสองข้าง


“ปะ หิวแล้ว” คนหน้าหวานเอ่ยเร่ง


“ครับๆ” รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมยองซูทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นยับยู่ ทว่ากลับดูน่าเอ็นดูไม่น้อยในสายตาของซองยอล จนคนหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางเช่นนั้นของมยองซู จนกระทั่งถูกอีกฝ่ายหอมแก้มเป็นการเอาคืนนั่นล่ะ อีซองยอลจึงยอมเงียบเสียงลง


มื้อเย็นของเขาทั้งสองคนผ่านไปอย่างสนุกสนาน หากแต่มยองซูกลับรู้สึกแปลกๆที่มันเป็นเช่นนี้ ชายหนุ่มยอมรับว่าเขารู้สึกมีความสุขไม่น้อยกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ได้รับจากซองยอล แต่ในขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกว่ามันแปลก เพราะโดยปกติแล้วซองยอลจะไม่ยอมยิ้มให้เขาง่ายๆเท่าไร


“ซองยอล” มยองซูเอ่ยเรียกซองยอลในตอนที่คนหน้าหวานเดินเข้ามาภายในห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายขานรับในลำคอเบาๆ “เป็นอะไรหรือเปล่า นายดูแปลกๆนะ”


“แล้วเป็นแบบนี้ไม่ดีหรือไง” คนน่ารักยู่ปากก่อนจะเดินมาทรุดนั่งที่ตักของมยองซู ซึ่งคนหน้าหล่อก็ยกแขนขึ้นไปโอบอีกฝ่ายไว้โดยอัตโนมัติ


“เป็นแบบนี้” เขาแสร้งทอดเสียงยาว “...ก็น่ารักดี”


“พูดจาดีนะวันนี้” ซองยอลหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เรียวปากอิ่มน้ำจะประทับลงบนกลีบปากของเขาอย่างแผ่วเบา ซองยอลทำเพียงแนบประทับไว้เช่นนั้นชั่วขณะหนึ่งแล้วผละออก “ฉันให้รางวัล”


ความยับยั้งชั่งใจของคิมมยองซูหมดลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น คนหน้าหล่อแนบจูบให้กับอีกฝ่ายอย่างโหยหา ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เขาไม่มีโอกาสแตะต้องซองยอลทำให้มยองซูรู้สึกโหยหาเรือนกายของคนตรงหน้าไม่น้อย คนหน้าหล่ออาศัยจังหวะในยามที่ทั้งสองคนแลกจูบกันพลิกร่างของซองยอลให้นอนราบไปกับพื้นผิวของที่นอน


ริมฝีปากบางละออกจากกลีบปากนุ่มของซองยอลแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นลำคอสวยที่เจ้าของมันเอียงคอเพื่อให้เขาสัมผัสได้ง่ายๆ ชายหนุ่มดูดดุนจนผิวกายขาวเนียนของอีกฝ่ายขึ้นสีแดงช้ำ ฝ่ามือร้อนลากไล้สัมผัสไปตามเรือนกายของซองยอลอย่างหลงใหล


เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกปลดออกอย่างไม่เร่งรีบ มยองซูมั่นใจว่าเขาฝากสัมผัสร้อนๆเอาไว้แทบทุกอณูของผิวกายขาวเนียนเกินบุรุษของซองยอล เสียงครางแผ่วผิวที่ได้ยินเป็ฯตัวกระตุ้นอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ชายหนุ่มแทรกตัวเข้าไปภายในร่างกายที่ตอบรับเขาช้าๆ


“ซองยอลอา” มยองซูเอ่ยเรียกคนใต้ร่างที่มองเขาด้วยดวงตาหวานเยิ้ม จนคนหน้าหล่ออดไม่ได้ที่จะประกบจูบลงไปบนริมฝีปากแดงระเรื่อ


เครื่องปรับอากาศที่ทำงานอย่างหนักหน่วงมิอาจทำให้สัมผัสร้อนจากอีกฝ่ายบรรเทาความร้อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย ซองยอลคิด ริมฝีปากอิ่มน้ำทำได้เพียงอ้าออกเพื่อเปล่งเสียงครวญครางด้วยความรัญจวนให้ผู้กระทำได้ฟัง แขนเรียวไขว้คว้าก่อนจะกอดเกี่ยวลำตัวของคนด้านบนเอาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว


ผิวกายขาวเนียนละเอียดที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อเพราะความร้อนรุ่มของร่างกาย เหงื่อที่ซึมออกมาจากผิวหนังนั้นยิ่งส่งให้ร่างกายขาวเนียนดูเย้ายวนกว่าที่เป็นอยู่ ริมฝีปากอิ่มแดงช้ำที่เผยอออกเพื่อส่งเสียงหอบครางนั้นเรียกร้องให้เจ้าของร่างกายกำยำต้องฉกชิงลมหายใจจากอีกฝ่าย


แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าบทรักที่กำลังบรรเลงอยู่นี้มิใช่สิ่งที่ถูกต้องหรือควรทำ หากแต่เสียงเรียกร้องภายในหัวใจกลับบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนหมด


รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้านั้นมิใช่ใครที่เขามีสิทธิ์ครอบครอง แต่หัวใจดวงนี้กลับไม่รักดีมอบให้คนตรงหน้าเข้ามาครอบครองเสียจนมิอาจเปลี่ยนใจเป็นอื่น


รู้ดีอยู่แก่ใจว่าในวันหนึ่ง อีซองยอลจะไม่มีโอกาสได้กอดคิมมยองซูเอาไว้เช่นนี้ จะไม่มีโอกาสได้ร่วมรักกับอีกฝ่ายนับตั้งแต่เขาคืนคนด้านบนให้กับเจ้าของตัวจริงอย่างคิมอึนฮเย


แต่ในเวลานี้ เพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่ซองยอลจะซึมซับทุกสัมผัส ทุกความรู้สึกเอาไว้ให้ได้มากที่สุด


แล้วนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป คิมมยองซูจะเป็นของคิมอึนฮเยเพียงผู้เดียว



อีซองยอลคนนี้จะเดินออกไปจากชีวิตคู่ของอีกคนแต่โดยดี


TBC.

2 ความคิดเห็น:

  1. คลื่นลมสงบก่อนพายุจะมาใช่ไหม
    คือจะว่าอะไรไหม งานนี้ไม่เข้าใจ
    เหมือนมิงจะรักยอล
    แล้วไม่แคร์อึนฮเย แล้วมิงแต่งทำไม (ฟระ)
    นุ้งยอลหนีเลยลูก หม่ามี๊หนับหนุน 555+
    เอาให้ตามไม่เจอเลยนะ หมั่นไส้มาก
    แต่ไม่รู้นะ ก็ยังรู้สึกว่ามิงรักยอล เลยไม่เกลียดมิงมากเท่าไร
    แค่ถ้าอยู่ใกล้ ๆ แม่จับลงหม้อถ่วงน้ำ อ่ะ 555+

    ตอบลบ
  2. เห้ออออออ
    จะเอางั้นก็ได้นะ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ายอลหายไปจริงๆ
    มยองมันจะทำอะไรเพื่อให้ได้ยอลกลับคืนมาบ้าง
    จะมาควบสองแบบนี้ชั้นก็ไม่ยอมนะมยอง แกต้องเลือกมาซักคนอะ ซองยอลเจ็บปวดมากแล้ว

    ตอบลบ