10th - Farewell
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - คนใจร้ายหลอกให้เราเปิดจอง ทำไมไม่จองกัน T^T #สติเราหลุดค่ะอย่าสนใจ แต่จองได้ -> สั่งจองฟิค
- ถ้าบอกว่านี่ตอนจบจะตบเราไหม ล้อเล่นนะ มี epilogue XD
- ไปสกรีมกันเต๊อะ ที่เดิมเลยโนะ #ฟิคพชน
- ถ้าบอกว่านี่ตอนจบจะตบเราไหม ล้อเล่นนะ มี epilogue XD
- ไปสกรีมกันเต๊อะ ที่เดิมเลยโนะ #ฟิคพชน
-passionate-
อีซองยอลเดินเข้าไปภายในตัวอาคารอันเป็นที่ตั้งของบริษัท
KSG อย่างเหม่อลอย
คนหน้าหวานแวะทักทายยุนนาบีที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เหมือนกับทุกวัน
เพียงแต่วันนี้บนใบหน้าเนียนนั้นกลับไม่มีรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย
จนหญิงสาวต้องเอ่ยถามด้วยความห่วงใยว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า
ซึ่งซองยอลก็ตอบกลับไปสั้นๆว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไร
ซองยอลโกหก
เป็นสิ
ซองยอลกำลังเจ็บปวดและคิดไม่ตกว่าเขาจะจบเรื่องราวของเขากับคิมมยองซูได้อย่างไร
จริงอยู่ที่ซองยอลมีความสุขเวลาที่เขาได้อยู่กับมยองซู
แต่ทว่าในช่วงเวลาที่มีความสุขนั้นมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความรู้สึกเหล่านั้นมันเด่นชัดขึ้นตอนที่ภรรยาของคิมมยองซูมาบอกให้เขาเดินออกไปจากชีวิตคู่ของพวกเขาเสียที
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความเหนื่อยใจ
พร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปภายในลิฟท์ โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนยืนอยู่ด้านใน
“จะหลบหน้าฉันอีกนานไหม
อีซองยอล” เสียงที่ซองยอลมั่นใจว่าเขาคุ้นเคยกับมันในระยะเวลาสั้นๆดังขึ้น
เรียกให้คนหน้าหวานต้องเงยหน้าขึ้นมามองตามต้นเสียง
“ฉันไม่ได้หลบสักหน่อย”
ซองยอลโต้กลับไปด้วยท่าทางสบายๆ “เป็นยังไงบ้างล่ะมยองซู
อยู่กับคุณอึนฮเยคงมีความสุขดีสินะ”
“ซองยอล”
มยองซูเอ่ยเรียกคนหน้าหวานด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเครียดอยู่ในที “ขอร้องล่ะ
อย่าทำแบบนี้ได้ไหม”
“ฉัน...”
แนวฟันขาวขบลงบนกลีบปากนุ่มเพื่อสะกัดกลั้นอารมณ์
ก่อนที่เจ้ตัวจะถอนหายใจออกมายาวๆ “เอาเป็นว่าคืนนี้เจอกันที่ห้องฉันก็แล้วกัน”
“ได้”
มยองซูตอบรับ ก่อนที่คนหน้าหล่อจะกวาดตามองซองยอลอย่างถี่ถ้วน
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนที่เรียวปากบางจะเอ่ยถาม “สีหน้านายดูไค่อยดีนะ
เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า”
ซองยอลปฏิเสธพร้อมกับหันหน้าหนีเมื่อมยองซูยื่นมือมาคล้ายจะวัดไข้ให้กับเขา
“ฉันสบายดี”
ท่าทางของซองยอลทำให้มยองซูชะงักอยู่กับที่
คนหน้าหล่อค่อยๆลดระดับมือลงในขณะที่ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของอีซองยอลอย่างไม่วางตา
นัยน์ตาของคิมมยองซูฉายแววประหลาดในขณะที่จับจ้องไปยังอีกคนที่ยืนอยู่ภายในลิฟท์ตัวเดียวกัน
ร่างหนาเตรียมจะสาวเท้าเข้าไปใกล้กับอีกคนให้มากกว่านี้
หากแต่เสียเตือนว่าประตูลิฟท์กำลังจะเปิดกลับทำให้ชายหนุ่มต้องล้มเลิกความตั้งใจนั้น
“เจอกันตอนเย็นก็แล้วกัน”
คนหน้าหล่อเอ่ยบอกซองยอลซึ่งพยักหน้าน้อยๆเป็นการตอบรับ
ก่อนที่มยองซูจะเดินออกจากลิฟต์ไปโดยไม่ได้หันหลังกลับมา
จึงไม่อาจเห็นว่าอีซองยอลได้ยกมือขึ้นมากุมบริเวณหน้าอกที่หัวใจไม่รักดีของเขามันกำลังเต้นระรัวเพราะท่าทีที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของคิมมยองซู
ซองยอลไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกของตนเองอีกแล้ว
-
passionate –
ความตึงเครียดปกคลุมอยู่ทั่วแผนก
Production design จนอีซองยอลผู้ซึ่งเพิ่งมาถึงต้องตกใจกับความตึงเครียดที่เจ้าตัวสัมผัสได้
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันจนหัวคิ้วขึ้นเป็นรอย
จากนั้นคนหน้าหวานจึงสาวเท้าเข้าไปหาอีโฮวอนที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อเอ่ยถามถึงที่มาที่ไปของบรรยากาศเช่นนี้
“โฮวอนนี่”
ชื่อน่ารักๆที่ซองยอลเพิ่งจะตั้งให้กับคนตัวหนาเรียกให้อีโฮวอนต้องหันมาตามเสียง
คิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นเชิงถามไถ่ถึงสาเหตุที่อีซองยอลเอ่ยทักเจ้าตัว
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมทุกคนดูเครียดกันขนาดนี้”
“หัวหน้าบอกว่าจะเรียกประชุมตอนบ่ายนี้
เพื่อจะสรุปว่าคอนเซ็ปต์ที่เพิ่งได้รับมาเราจะออกแบบงานออกมาแบบไหนน่ะครับ
คุณซองยอล” โฮวอนตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด “แต่ติดที่ว่ายังไม่มีใครคิดอะไรออก
ก็เลยพากันเครียดไปหมด”
“งั้นเหรอ”
ซองยอลขบฟันลงบนริมฝีปากอย่างที่เคยชิน
ก่อนที่ขายาวจะพาร่างเพรียวตรงไปยังโต๊ะของหัวหน้าแผนกที่อยู่ด้านใน
คนตัวสูงทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับอูฮยอนด้วยทีท่าสบายๆจนหัวหน้าแผนกตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมามองซองยอลด้วยความแปลกใจที่อีกฝ่ายยังทำตัวสบายๆในสถานการณ์ที่เคร่งเครียดแบบนี้ได้
“ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศเครียดๆพวกนี้เหรอซองยอล”
คนตัวเล็กเอ่ยถาม
“รู้สึกตั้งแต่อยู่ข้างหน้าเลยล่ะ”
คนหน้าหวานตอบกลับ “แต่พอดีว่าคิดออกแล้วก็เลยไม่เครียดตาม”
“หืม?”
นัมอูฮยอนส่งเสียงในลำคอด้วยความประหลาดใจ
จากนั้นจึงร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ “คิดออกแล้วเหรอ!”
“อื้อ
จะเรียกประชุมเลยไหม”
รอยยิ้มน่ารักปรากฏบนใบหน้าของซองยอลในขณะที่เจ้าตัวเอ่ยถามคนตัวเล็กตรงหน้า
“หรือต้องรอให้ถึงเวลาที่นัดกับคนอื่นในฝ่ายไว้”
“รอตอนบ่ายก็แล้วกัน
เผื่อคนอื่นมีไอเดียดีๆมาเสนอ” หัวหน้าแผนกตอบกลับมา
ซองยอลจึงยักไหล่เป็นการตอบรับ
มือเรียวสวยหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องบางเฉียบของตนเองขึ้นมาเพื่อเปิดเพลงฟัง
ปลายนิ้วเรียวกดพิมพ์ข้อความตอบกลับบทสนทนาที่คุยค้างไว้กับคิมซองกยูพร้อมกับใส่หูฟังเข้าไปในหูของตนเอง
ทันทีที่เสียงดนตรีสบายๆตามที่คนหน้าหวานชอบดังขึ้น
อีซองยอลก็หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่มีเพียงตัวเขาและความสบายใจที่ได้รับจากเสียงเพลง
เวลาเดินผ่านไปจากนาทีเป็นชั่วโมง
จวบจนกระทั่งเดินมาถึงบ่ายโมง
เรียกสะกิดที่ไหล่เรียกให้ซองยอลต้องหลุดออกจากวังวนที่ไม่มีใครเข้าไปกับเขาได้
คนหน้าหวานเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามไถ่อูฮยอนซึ่งเป็นคนสะกิดเขา
เมื่อคนตัวเล็กชี้ที่นาฬิกาข้อมือของตนเองซองยอลจึงจัดการดึงหูฟังของตนเองออก
“บ่ายแล้วเหรอ”
เขาถามคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้า
คนหน้าหวานจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังนัมอูฮยอนเข้าไปในห้องประชุมของแผนกทันที
“อย่างที่บอกไปแล้วนะว่าบ่ายนี้เราจะมีประชุมเพื่อให้ได้คอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนกว่าที่ฝ่าย
Production plan ให้เรามา”
นัมอูฮยอนพูดขึ้นทันทีที่ทุกคนในแผนกเข้ามาภายในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว
“ผมต้องขอโทษด้วยที่เร่งรัดให้ทุกคนช่วยกันคิด
แต่ว่าถ้าเราไม่รีบจำกัดความคอนเซ็ปต์ของสินค้าตัวใหม่แล้วล่ะก็
ระยะเวลาในการออกแบบของเราก็จะหายไปไม่น้อย
และอาจจะเกิดปัญหาแบบไตรมาสนี้ก็คือเราถูกเร่งให้ส่งงานก่อนกำหนด”
“แต่หัวหน้าครับ”
คนในฝ่ายคนหนึ่งยกมือขึ้นเป็นการขออนุญาต “เวลาที่เหลือมันก็มีเยอะพอประมาณนะครับ
เราอาจจะเลื่อนไปประชุมในสัปดาห์หน้าอีกครั้งก็ได้”
“ผมทราบครับ”
อูฮยอนตอบพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“แต่ว่าต่อให้ผมใหเวลาในการคิดมากกว่านี้ก็ไม่ได้แปลว่าจะคิดกันได้ต่างจากนี้ไม่ใช่เหรอครับ”
ไร้คำคัดค้านจากพนักงานคนนั้น
ที่พยักหน้ารับคำพูดของอูฮยอนอย่างเสียไม่ได้
“มีใครพร้อมจะนำเสนออะไรไหมครับ”
อูฮยอนเอ่ยถาม ซึ่งซองยอลก็ทำเพียงกวาดตามองไปรอบๆที่ประชุม
แต่กลับไม่มีใครนำเสนออะไรคนตัวสูงจึงตัดสินใจยกมือขึ้น “เชิญคุณซองยอลครับ”
“Precious
time
ที่ทางฝ่ายโน้นให้มาคือช่วงเวลาแห่งความสุขที่เราจะได้รับเมื่อเราอยู่กับคนที่เรารักใช่ไหมครับ”
ซองยอลเกริ่นนำ “ซึ่งคนที่เรารักที่ว่าก็ถูกแบ่งยิบย่อยออกได้หลายประเภท
ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก”
ดวงตากลมโตสุกใสกวาดตามองไปรอบๆห้องประชุม
ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “แต่เรื่องสำคัญมันอยู่ที่ว่า
สินค้าของบริษัทเราคือเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน
ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะอยู่กับคนที่เรารักประเภทใดประเภทหนึ่งที่ผมได้พูดไปเมื่อกี้
สถานที่ที่เราใช้ก็มีเพียงที่เดียวคือที่อยู่ของเรา” ซองยอลเว้นวรรคเพื่อหายใจ “ฉะนั้น
ผมคิดว่า Precious time ที่ทางฝ่ายโน้นเขาต้องการจะสื่อคือความสุขของเราเมื่อเราอยู่ที่บ้าน
โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่กับคนที่เรารัก”
“แล้วเราจะออกแบบมันออกมายังไงล่ะครับ”
จางดงอูเอ่ยถามพร้อมกับทำหน้างง
“คอนเซ็ปต์นี้เราจะไม่ฟิกซ์เรื่องสีครับ
เนื่องจากเราจำเป็นต้องออกแบบให้เข้ากับทุกเพศทุกวัย
เพื่อรองรับทั้งในแง่ของครอบครัว หรืออื่นๆ” ซองยอลว่า
“ผมอาจจะไม่สามารถพูดออกไปตรงๆได้ว่าเราจะออกแบบอย่างไรให้มันชัดเจน
แต่ที่ผมต้องการจะบอกก็คือ
พวกคุณคิดว่าเฟอร์นิเจอร์แบบไหนที่เหมาะจะใช้ในช่วงเวลาแห่งความสุขที่คุณได้อยู่กับคนที่คุณรัก
คุณก็ออกแบบมันมา
แล้วหลังจากนั้นเราค่อยมาประชุมกันเพื่อเลือกแบบที่ดีที่สุดเพื่อผลิตและวางขายในตลาด”
“แต่คุณซองยอลครับ”
อีโฮวอนเป็นฝ่ายค้านขึ้นมาบ้าง “แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการแข่งขันกันในฝ่ายน่ะสิครับ”
“นั่นแหละครับที่ผมต้องการจะสื่อ”
ซองยอลยิ้มกว้าง
“ความจริงแบบที่ซองยอลว่ามาก็ดีนะครับ”
อูฮยอนพูดขึ้นมาบ้าง “ลองออกแบบกันมาแล้วค่อยมาคัดเลือกอันที่ดีที่สุด
ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนจะออกแบบมามากน้อยเท่าไรก็ได้”
“แต่แบบนั้นมันจะกลายเป็นว่าสินค้าในไตรมาสหน้าไม่ไปในทางเดียวกันไม่ใช่เหรอครับ”
“ถึงแม้เราจะออกแบบมาในความคิดที่ไม่เหมือนกันก็จริง
แต่เมื่อเราเลือกอันที่ดีที่สุดได้ เราก็สามารถนำทุกแบบที่เราเลือกมาปรับแต่งให้เข้ากันได้ไม่ใช่เหรอครับ”
คนหน้าหวานเอ่ยบอกกับที่ประชุม
ก่อนจะได้รับเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นเป็นการยอมรับในความคิดของอีซองยอล เมื่อเห็นเช่นนั้นคนตัวเล็กซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกจึงกล่าวปิดการประชุมทันที
“ขอบคุณนะซองยอล”
อูฮยอนพูดกับเขาในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินออกจากห้องประชุม
“จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรมากนะอูฮยอน”
เสียงใสที่กลั้วหัวเราะดังขึ้นตอบอูฮยอน “ฉันก็คิดแบบสนุกๆว่าให้ทุกคนทำตามมุมมองของตัวเองแล้วเอามาเลือกทีหลังเท่านั้นเอง”
“ก็นั่นแหละ”
คนตัวเล็กทำปากยื่นเมื่อซองยอลบอกปัดที่จะรับคำชมของตน
“ถ้าไม่ได้นายป่านนี้ทั้งแผนกก็ยังเครียดกันอยู่ เอ้อ ไปหาอะไรทานกันไหม”
“คงไม่ได้อะ”
ซองยอลปฏิเสธพร้อมกับทำหน้ามุ่ย “ฉันมีนัดกับพี่ซองกยู”
“เรื่องอะไรเหรอ
ขอรู้ด้วยคนได้ไหม” คนตัวเล็กทำตาโตจนซองยอลนึกเอ็นดู
มือเรียวสวยเจ้าของมันยกขึ้นมาวางแหมะลงบนศีรษะกลมของนัมอูฮยอนก่อนจะขยี้จนผมของหัวหน้าแผนกยุ่งไม่เป็นทรง
เสียงร้องโวยวายจากอูฮยอนดังตามมาเป็นการตอบรับการกระทำของซองยอล
คนหน้าหวานหัวเราะกับท่าทางเช่นนั้นของคนที่ตอนเจอกันครั้งแรกนั้นทำเป็นเคร่งขรึม
ก่อนที่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเจอแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางเบาในตอนที่อีซองยอลตอบคำถามนั้น
“เดี๋ยวพี่ซองกยูจะบอกพวกนายเอง”
-
passionate –
อีซองยอลเดินลากเท้าเข้าไปภายในห้องพักของตนเองอย่างหมดสภาพ
หลังจากที่รุ่นพี่ผู้เป็นเจ้านายของตนเองพาซองยอลไปตะลอนๆในย่านช็อปปิ้งหลังจากที่เขาเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับอีกฝ่าย
โดยสาเหตุที่ซองกกยูหยิบยกมาบอกกับซองยอลว่าทำไมตนถึงต้องพาน้องออกไปตะลอนแบบนั้นเป็นเพราะน้องชายตัวแสบแบบอีซองยอลเอาความเครียดไปโยนใส่
ซองยอลคิดว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ
เอ่อ
คิดว่าแบบนั้นน่ะนะ
“ไปไหนมา”
เสียงทุ้มที่เรียกอัตราการเต้นอันหนักหน่วงของหัวใจของเขาดังขึ้นทันทีที่ซองยอลเปิดประตูห้องนอน
“โดนพี่ซองกยูลากไปช็อปปิ้งน่ะ”
ซองยอลตอบพร้อมกับวางกระเป๋าเข้าที่ “นายทานข้าวหรือยัง”
“ยัง”
มยองซูตอบพร้อมกับปั้นหน้าหงอยๆให้ซองยอลนึกสงสาร “รอนายกลับมาทานด้วยกัน”
“ไปสิ
ฉันก็ยังไม่ได้ทานข้าว” มือเรียวสวยยื่นออกไปดึงต้นแขนของคนที่นอนพิงหัวเตียงอยู่
แต่คิมมยองซูกลับขืนตัวไว้พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันไม่มีแรงเลย
เติมพลังให้หน่อยสิ”
“ยังไง”
“หอมแก้มหน่อย”
ไม่พูดเปล่า คิมมยองซูยกนิ้วขึ้นมาแตะที่แก้มของตนเองพร้อมกับยกยิ้มอย่างเหนือกว่าให้กับซองยอล
หากแต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีคนหน้าหล่อก็รู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นลืมหายใจ
ในยามที่ริมฝีปากนุ่มของซองยอลถูกกดลงบนแก้มของเขาทั้งสองข้าง
“ปะ หิวแล้ว”
คนหน้าหวานเอ่ยเร่ง
“ครับๆ” รอยยิ้มกว้างที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมยองซูทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นยับยู่
ทว่ากลับดูน่าเอ็นดูไม่น้อยในสายตาของซองยอล
จนคนหน้าหวานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางเช่นนั้นของมยองซู
จนกระทั่งถูกอีกฝ่ายหอมแก้มเป็นการเอาคืนนั่นล่ะ อีซองยอลจึงยอมเงียบเสียงลง
มื้อเย็นของเขาทั้งสองคนผ่านไปอย่างสนุกสนาน
หากแต่มยองซูกลับรู้สึกแปลกๆที่มันเป็นเช่นนี้
ชายหนุ่มยอมรับว่าเขารู้สึกมีความสุขไม่น้อยกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ได้รับจากซองยอล
แต่ในขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกว่ามันแปลก
เพราะโดยปกติแล้วซองยอลจะไม่ยอมยิ้มให้เขาง่ายๆเท่าไร
“ซองยอล”
มยองซูเอ่ยเรียกซองยอลในตอนที่คนหน้าหวานเดินเข้ามาภายในห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายขานรับในลำคอเบาๆ “เป็นอะไรหรือเปล่า นายดูแปลกๆนะ”
“แล้วเป็นแบบนี้ไม่ดีหรือไง”
คนน่ารักยู่ปากก่อนจะเดินมาทรุดนั่งที่ตักของมยองซู ซึ่งคนหน้าหล่อก็ยกแขนขึ้นไปโอบอีกฝ่ายไว้โดยอัตโนมัติ
“เป็นแบบนี้”
เขาแสร้งทอดเสียงยาว “...ก็น่ารักดี”
“พูดจาดีนะวันนี้”
ซองยอลหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เรียวปากอิ่มน้ำจะประทับลงบนกลีบปากของเขาอย่างแผ่วเบา ซองยอลทำเพียงแนบประทับไว้เช่นนั้นชั่วขณะหนึ่งแล้วผละออก
“ฉันให้รางวัล”
ความยับยั้งชั่งใจของคิมมยองซูหมดลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
คนหน้าหล่อแนบจูบให้กับอีกฝ่ายอย่างโหยหา
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมาที่เขาไม่มีโอกาสแตะต้องซองยอลทำให้มยองซูรู้สึกโหยหาเรือนกายของคนตรงหน้าไม่น้อย
คนหน้าหล่ออาศัยจังหวะในยามที่ทั้งสองคนแลกจูบกันพลิกร่างของซองยอลให้นอนราบไปกับพื้นผิวของที่นอน
ริมฝีปากบางละออกจากกลีบปากนุ่มของซองยอลแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นลำคอสวยที่เจ้าของมันเอียงคอเพื่อให้เขาสัมผัสได้ง่ายๆ
ชายหนุ่มดูดดุนจนผิวกายขาวเนียนของอีกฝ่ายขึ้นสีแดงช้ำ
ฝ่ามือร้อนลากไล้สัมผัสไปตามเรือนกายของซองยอลอย่างหลงใหล
เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกปลดออกอย่างไม่เร่งรีบ
มยองซูมั่นใจว่าเขาฝากสัมผัสร้อนๆเอาไว้แทบทุกอณูของผิวกายขาวเนียนเกินบุรุษของซองยอล
เสียงครางแผ่วผิวที่ได้ยินเป็ฯตัวกระตุ้นอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ชายหนุ่มแทรกตัวเข้าไปภายในร่างกายที่ตอบรับเขาช้าๆ
“ซองยอลอา”
มยองซูเอ่ยเรียกคนใต้ร่างที่มองเขาด้วยดวงตาหวานเยิ้ม
จนคนหน้าหล่ออดไม่ได้ที่จะประกบจูบลงไปบนริมฝีปากแดงระเรื่อ
เครื่องปรับอากาศที่ทำงานอย่างหนักหน่วงมิอาจทำให้สัมผัสร้อนจากอีกฝ่ายบรรเทาความร้อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย
ซองยอลคิด
ริมฝีปากอิ่มน้ำทำได้เพียงอ้าออกเพื่อเปล่งเสียงครวญครางด้วยความรัญจวนให้ผู้กระทำได้ฟัง
แขนเรียวไขว้คว้าก่อนจะกอดเกี่ยวลำตัวของคนด้านบนเอาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยว
ผิวกายขาวเนียนละเอียดที่ขึ้นสีชมพูระเรื่อเพราะความร้อนรุ่มของร่างกาย
เหงื่อที่ซึมออกมาจากผิวหนังนั้นยิ่งส่งให้ร่างกายขาวเนียนดูเย้ายวนกว่าที่เป็นอยู่
ริมฝีปากอิ่มแดงช้ำที่เผยอออกเพื่อส่งเสียงหอบครางนั้นเรียกร้องให้เจ้าของร่างกายกำยำต้องฉกชิงลมหายใจจากอีกฝ่าย
แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าบทรักที่กำลังบรรเลงอยู่นี้มิใช่สิ่งที่ถูกต้องหรือควรทำ
หากแต่เสียงเรียกร้องภายในหัวใจกลับบดบังความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไปจนหมด
รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้านั้นมิใช่ใครที่เขามีสิทธิ์ครอบครอง
แต่หัวใจดวงนี้กลับไม่รักดีมอบให้คนตรงหน้าเข้ามาครอบครองเสียจนมิอาจเปลี่ยนใจเป็นอื่น
รู้ดีอยู่แก่ใจว่าในวันหนึ่ง
อีซองยอลจะไม่มีโอกาสได้กอดคิมมยองซูเอาไว้เช่นนี้
จะไม่มีโอกาสได้ร่วมรักกับอีกฝ่ายนับตั้งแต่เขาคืนคนด้านบนให้กับเจ้าของตัวจริงอย่างคิมอึนฮเย
แต่ในเวลานี้
เพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่ซองยอลจะซึมซับทุกสัมผัส
ทุกความรู้สึกเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
แล้วนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
คิมมยองซูจะเป็นของคิมอึนฮเยเพียงผู้เดียว
อีซองยอลคนนี้จะเดินออกไปจากชีวิตคู่ของอีกคนแต่โดยดี
TBC.
คลื่นลมสงบก่อนพายุจะมาใช่ไหม
ตอบลบคือจะว่าอะไรไหม งานนี้ไม่เข้าใจ
เหมือนมิงจะรักยอล
แล้วไม่แคร์อึนฮเย แล้วมิงแต่งทำไม (ฟระ)
นุ้งยอลหนีเลยลูก หม่ามี๊หนับหนุน 555+
เอาให้ตามไม่เจอเลยนะ หมั่นไส้มาก
แต่ไม่รู้นะ ก็ยังรู้สึกว่ามิงรักยอล เลยไม่เกลียดมิงมากเท่าไร
แค่ถ้าอยู่ใกล้ ๆ แม่จับลงหม้อถ่วงน้ำ อ่ะ 555+
เห้ออออออ
ตอบลบจะเอางั้นก็ได้นะ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ายอลหายไปจริงๆ
มยองมันจะทำอะไรเพื่อให้ได้ยอลกลับคืนมาบ้าง
จะมาควบสองแบบนี้ชั้นก็ไม่ยอมนะมยอง แกต้องเลือกมาซักคนอะ ซองยอลเจ็บปวดมากแล้ว