6th - Infinity
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ขั้นสุดว่าจะลงฟิคเมื่อเกรดออกครบ ให้ทายว่าครบหรือยัง ถถถ orz
- เปลี่ยนโปสเตอร์ฟิคเพราะครึ่งเรื่องแล้วหนอ :3
- เราโดนถามมาหลายทีเรื่องรวมเล่มฟิค เลยขอถามกลับว่าอยากให้รวมจริงเหรอคะ? ตอบที่แท็ก #ฟิคพชน ก็ได้หนอ
- เปลี่ยนโปสเตอร์ฟิคเพราะครึ่งเรื่องแล้วหนอ :3
- เราโดนถามมาหลายทีเรื่องรวมเล่มฟิค เลยขอถามกลับว่าอยากให้รวมจริงเหรอคะ? ตอบที่แท็ก #ฟิคพชน ก็ได้หนอ
-passionate-
“มาใกล้ๆสิ” ชายหนุ่มร่างหนาบอก
ซึ่งคู่สนทนาก็ทำตามแต่โดยดี
ดูท่าว่าความง่วงของอีซองยอลจะริดรอนเอาสติของอีกฝ่ายไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ปลายนิ้วเรียวแตะเข้าที่แก้มของอีซองยอลก่อนจะยึดเอาไว้เป็นมั่นเหมาะ
จากนั้นคิมมยองซูก็รีบประกบปากลงไป ชายหนุ่มทำเพียงแค่แตะไว้เฉยๆ ก่อนจะค่อยๆตอดจูบอีกฝ่ายทีละนิด
นิ้วหัวแม่มือขยับลูบไล้ไปมาอยู่บนแก้มเนียนนุ่มของซองยอล
จนคนหน้าหวานเผลอตัวเผยอริมฝีปากออก
ส่งผลให้มยองซูส่งลิ้นร้อนๆเข้าไปสำรวจด้านในทันที
เสียงลากดินสอไปบนกระดาษดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก่อนจะตามด้วยเสียงกระดาษที่ถูกฉีกจนขาดด้วยฝีมือของอีซองยอล
ใบหน้าหวานฉายแววหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
จนคิมมยองซูที่ถือวิสาสะเข้ามานั่งอยู่ภายในห้องของซองยอลต้องเดินเข้ามาดู
“คิดไม่ออกเหรอ”
คนหน้าหล่อเอ่ยถามพร้อมกับก้มลงไปหยิบเศษกระดาษที่ถูกฉีกทิ้งขึ้นมาดู
“อืม”
ซองยอลตอบรับสั้นๆ
มยองซูเหลือบมองซองยอลเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเดินออกไปจากบริเวณนั้น เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นทำให้ซองยอลได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นได้ออกไปนอกห้องของเขา
คนหน้าหวานไม่ได้ให้ความสนใจกับการไปมาของมยองซูเท่าไรนัก
เมื่ออีซองยอลหันไปให้ความสนใจกับงานตรงหน้าอีกครั้งทั้งๆที่ตนเองไม่ได้มีสมาธิมากพอเท่าที่ควร
‘ได้โปรดมีฉันเป็นผู้ชายคนเดียวของนายเถอะนะ’
เสียงทุ้มที่วนเวียนอยู่ในหูทำให้ซองยอลต้องวางดินสอลงด้วยความวุ่นวายใจ
หัวใจของเขามันเต็มไปด้วยความสับสนและกระวนกระวาย
เขาไม่ชอบที่ตัวเองต้องตกอยู่ในภาวะเช่นนี้
เพราะมันทำให้เขาหาทางออกให้ตัวเองไม่ค่อยได้
คนตัวสูงผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะเริ่มลากเส้นไปบนกระดาษแผ่นใหม่อีกครั้ง
เสียงดนตรีคลาสสิคที่เปิดคลออยู่ไม่ได้ทำให้สมองของเขาโล่งเหมือนกับทุกครั้ง
กลับกัน มันรังแต่จะทำให้เขารู้สึกงุ่นง่านแต่ซองยอลก็ไม่ได้คิดจะลุกไปปิดมัน
เขาไม่ค่อยชอบที่เงียบเท่าไรนัก
ฉะนั้นซองยอลจึงจำเป็นต้องเปิดเพลงหรือโทรศัพท์เอาไว้ในเวลาที่เขาอยู่คนเดียว
นักออกแบบหนุ่มตกลงไปสู่วังวนนของดนตรีและภาพวาดในเวลาไม่นานนัก
แต่ถึงกระนั้นผลงานที่ออกมาก็ยังคงไม่เป็นที่พอใจของเขา
ซองยอลดึงกระดาษออกแล้วโยนทิ้งไปบนพื้นอีกครั้ง มือเรียวสวยคว้าดินสอขึ้นมาอีกครั้งแล้วกดน้ำหนักมือลงไปบนกระดาษเตรียมจะวาดรูปสินค้าตัวแรกที่เขาต้องออกแบบลงไปอีกครั้ง
แต่แล้วเสียงดนตรีคลาสสิคที่เขาเปิดเอาไว้ก็หยุดลง
คนหน้าหวานหันไปด้านหลังเพื่อจะมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องเล่นเสียงของเขาหรือเปล่า
แต่ซองยอลกลับได้พบกับคิมมยองซูที่กำลังทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่เจ้าตัวคงหยิบมาจากในครัวพร้อมกับกีต้าร์โปร่งในมือ คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามไถ่ ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเพียงอมยิ้มให้น้อยแล้วเริ่มดีดกีต้าร์ออกมาเป็นท่วงทำนองก็เท่านั้น
ดนตรีสบายๆที่พัดพาเอาความสบายใจมาให้นั้น
ทำให้ซองยอลตัดสินใจที่จะจรดปลายดินสอลงไปบนกระดาษที่ว่างเปล่าอยู่
ข้อมือขยับสะบัดไปมาเป็นจังหวะจนเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นที่มุมปากพร้อมกับเสียงฮัมเพลงตามดนตรีที่ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั้นดังลอดออกจากปากของซองยอล
ส่งผลให้มยองซูอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความเพลิดเพลินของอีซองยอล
คนหน้าหล่อยังคงตั้งหน้าตั้งตาดีดกีต้าร์ให้ออกมาเป็นท่วงทำนองที่ทำให้ซองยอลรู้สึกผ่อนคลายต่อไป
ดวงตาคู่คมเหลือบขึ้นมาจ้องมองแผ่นหลังของซองยอลที่ขยับเล็กน้อยเวลาที่เจ้าตัวขยับข้อมือ
หรือเอียงตัวเพื่อจะวาดรูปให้ได้ถนัดถนี่
มยองซูกดยิ้มให้กับซองยอลที่ดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
จากกระดาษเปล่าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจได้แปรเปลี่ยนเป็นกระดาษที่มีรอยดินสอซึ่งก่อตัวออกมาเป็นรูปเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งภายในบ้านพร้อมๆกับท่าทางที่เต็มไปด้วยความสบายใจของอีซองยอล
เสียงดนตรียังคงดังต่อเนื่องอยู่ราวกับว่ามันไม่ได้ถูกบรรเลงขึ้นสดๆ
ปลายนิ้วที่กดลงไปบนสายเริ่มขึ้นสีแดงช้ำพร้อมกับความแสบที่เริ่มมาเยือน
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเบ้หน้าเล็กน้อยให้กับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น
แต่ถึงกระนั้นมยองซูก็ยังคงตั้งหน้าตั้งแต่ดีดกีต้าร์ต่อไป
“พอเถอะ”
เสียงนุ่มๆที่ดังขึ้นด้านหน้าพร้อมกับมือเรียวสวยของซองยอลที่จับมือของเขาเอาไว้เพื่อให้เขาหยุดดีดกีต้าร์
“นิ้วนายช้ำหมดแล้ว”
“แค่นี้เอง
ไม่เป็นอะไรหรอกน่า” มยองซูตอบกลับพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่
“ไปตรวจดูเถอะว่าที่ฉันวาดไว้คร่าวๆมันตรงกับคอนเซ็ปต์ไหม”
คนหน้าหวานเบนสายตาออกจากใบหน้าเปื้อนยิ้มของมยองซูพลางเปลี่ยนเรื่อง
ร่างโปร่งขยับเพื่อหลบฉากให้มยองซูได้เห็นภาพที่เจ้าตัววาดเอาไว้
หัวหน้าแผนก Production
plan
ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปตรงหน้ากระดาษที่ปรากฏรอยดินสออยู่
รอยยิ้มอ่อนจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันทีที่ได้เห็น เตียงนอนที่ดูเหมือนเตียงทั่วๆไป
แต่ตรงหัวเตียงกลับมีลวดลายและรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันของบริษัทรุ่นก่อนๆ
“ต้องให้อธิบายด้วยไหม”
เจ้าของห้องที่เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำในมือเอ่ยถามขึ้น
“ก็ดี”
“ตรงนี้”
ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนหัวเตียงที่มยองซูกำลังให้ความสนใจ
“มันจะเป็นช่องที่เอาไว้ใส่ของได้
ส่วนลายที่เห็นอยู่ฉันอยากให้มันเป็นเหมือนประตูเล็กๆที่เลื่อนได้ ส่วนที่เลื่อนได้ให้ตกแต่งด้วยแก้วโมเสคจะได้มองเห็นข้างในได้
ส่วนตรงนี้...” ซองยอลเลื่อนมือไปชี้ที่ด้านข้าง
“ให้เป็นเตียงปิคนิคที่เลื่อนเข้าเลื่อนออกได้ คิดภาพตามได้ใช่ไหม
ปลายเตียงก็เป็นลิ้นชัก
ว่าแต่ที่ให้ฉันออกแบบจะวางขายในไตรมาสที่สามพร้อมกับสินค้าเซ็ตใหม่ที่ฝ่ายออกแบบถูกเร่งให้ส่งแบบใช่หรือเปล่า”
“รู้ได้ยังไง
พี่ซองกยูบอกเหรอ”
มยองซูเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่ซองยอลรู้เรื่องที่ฝ่ายออกแบบถูกเร่งงาน
“เปล่า”
คนตัวสูงเอ่ยปฏิเสธ “วันนี้ฉันเข้าไปที่แผนกมาก็เลยได้รู้
ถ้ามันต้องให้เข้ากับเซ็ตนั้น เตรียงนี้ก็ต้องเป็นสีขาวนะ
ส่วนแก้วโมเสคที่หัวเตียงให้ใช้โทนสีพาสเทลหรือใกล้เคียง”
“นายรอบคอบขึ้นนะ”
คนหน้าหล่อพูดขึ้นมาจนซองยอลจำต้องเหลือบมองใบหน้าของอีฝ่ายด้วยความสงสัย
มยองซูจึงพูดต่อ “เมื่อก่อนนายไม่ได้มาสนใจรายละเอียดยิบย่อยพวกนี้นี่
นายก็แค่วาดๆไปให้ได้ตามใจคนที่สั่งเท่านั้น”
“นี่มันชีวิตทำงานนะ
ทำไม่ดีฉันก็ไม่ได้เงินน่ะสิ” ซองยอลหัวเราะเบาๆคลอไปด้วยขณะที่ตอบคำถาม
ร่างโปร่งเคลื่อนย้ายตนเองอออกจากห้องทำงานไปที่ห้องรับแขก
แล้วทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาพลางหยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดให้เจ้าเครื่องสีเหลี่ยมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะได้ทำงาน
“ว่าแต่คำตอบของคำถามฉันล่ะ
ซองยอล” มยองซูที่เดินตามมาเอ่ยทวงถามถึงสิ่งที่ตนเองต้องการจากซองยอล
“ฉันจำได้ว่าข้อตกลงของเราไม่มีการผูกมัดอะไรนอกเหนือไปจากเรามีเซ็กซ์กันนะ
คิมมยองซู” คนหน้าหวานตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดียวกับใบหน้า
“เพราะฉะนั้นการที่ฉันจะไปยุ่งกับซองจง มันก็เป็นเรื่องของฉัน”
“แค่ฉันไม่ได้เหรอซองยอล”
ผู้พูดทรุดตัวลงนั่งตรงพื้นด้านหน้าซองยอล
“มีแค่ฉันที่เป็นผู้ชายคนเดียวไม่ได้หรือไง”
“ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะมยองซู”
นัยน์ตาสีน้ำเข้มสบเข้ากับดวงตาของมยองซูอย่างจงใจ ความจริงจังในคำพูดนั้นฉายชัดอยู่ในดวงตาของซองยอล
ทว่าความดึงดันจากดวงตาของมยองซูกลับทำให้ซองยอลรู้สึกสั่นไหวจนคนหน้าหวานต้องขบฟันลงบนริมฝีปากล่างเป็นการสะกัดกลั้นอารมณ์
“นายไม่ควรข้ามเส้น”
“ซองยอล”
มยองซูเอ่ยเรียกคนหน้าหวานนิ่งๆ “ที่ฉันขอร้องนายมันเป็นเพราะฉันมีความรู้สึก...”
อวัยวะที่ซ่อนอยู่ภายในกระตุกขึ้นโดยที่เขาไม่อาจต้านทาน
“ฉันกำลังหวงที่นายไปยุ่งกับคนอื่น”
-
passionate –
เสียงดนตรีดังกระหึ่มในผับดังย่านธุรกิจแห่งหนึ่งทำให้ซองยอลต้องเบ้หน้าเล็กน้อยตอนที่เดินเข้ามา
อยู่ๆเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากคิมซองกยู รุ่นพี่ผู้ซึ่งควบตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของเขา
ใจความของบทสนทนาในตอนนั้นก็คือ ให้ซองยอลออกมาพบเจ้าตัวที่ผับแห่งนี้
คนตัวสูงสอดส่องสายตามองหารุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของนัดในครั้งนี้
ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่บาร์เพียงลำพัง
“พี่ซองกยู”
ซองยอลเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
ผินใบหน้าไปสั่งเครื่องดื่มให้ตนเองกับบาร์เทนเดอร์ที่มายืนรอรับออเดอร์อยู่
จากนั้นจึงหันกลับมาหาชายหนุ่มรุ่นพี่อีกครั้ง
“เรียกผมออกมามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ”
“มีงานใหม่จะให้ทำน่ะ”
ท่านประธานบริษัทพูดพลางยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบ “โซฟาเบดที่จะวางขายในงาน Wedding
fair
ที่กำลังจะมาถึง”
“Wedding
fair?” คนหน้าหวานเอ่ยทวนด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง
อีซองยอลกับงานที่เกี่ยวกับความรัก
เป็นอะไรที่เขายกให้มันเกินความสามารถของเขาเสมอ “มีไกด์ไลน์ให้ผมไหมครับ”
“หาเอาเองสิ”
ซองกยูตอบกลับมาคล้ายไม่ใส่ใจ ทำให้ซองยอลต้องทำหน้ามุ่ยใส่ชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความขัดใจทันที
“พี่ก็รู้อยู่ว่าผมกับเรื่องรักใคร่มันไปด้วยกันไม่ค่อยรอด”
“ลองไปถามใครสักคนดูสิว่าความรักในสายตาของเขามันเป็นยังไง”
นักธุรกิจหนุ่มวางแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือลง
จากนั้นจึงหันมาสบตารุ่นน้องที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ “พี่ให้เวลาหนึ่งสัปดาห์”
“พี่ซองกยู!”
คนหน้าหวานร้องออกมาเสียงหลงเป็นเชิงประท้วง
หนึ่งสัปดาห์กับเรื่องที่เขาติดขัดมันดูเป็นเวลาที่น้อยเกินไปหรือเปล่า
“รีบเกินไปหรือเปล่าครับ”
“เถอะน่า
พี่เชื่อว่านายทำได้”
คำพูดสุดท้ายจากรุ่นพี่ที่เป็นเจ้านายของเขา
กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้อีซองยอลขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง
คนตัวสูงดูหนังรักจบไปหลายสิบเรื่องจนรู้สึกเอียนกับความรักที่เพ้อฝันแบบนั้นเสียแล้ว
เขาลุกขึ้นยืนแล้วเคลื่อนตัวเองไปยังห้องครัว มือเรียวสวยเปิดประตูตู้เย็นออกก่อนจะพบว่าของในนั้นมันแทบไม่มีเหลือเสียแล้ว
แน่สิ
ก็เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้มาสองวันเต็มๆโดยไม่ได้ออกไปไหนเลยนี่
ซองยอลถอนหายใจออกมายาวๆแล้วเดินกลับที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ของตนเอง
อย่างน้อยเขาก็ต้องหาอะไรดำรงชีวิตเสียหน่อย และตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นร้านสะดวกใกล้ๆกับคอนโด
คนตัวสูงเปิดประตูห้องออกไปก่อนจะพบกับคิมมยองซูที่กำลังจะกดออดห้องของเขา
“มาทำไม”
ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้มาเยือนด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่ายกับการปรากฏตัวของคนตรงหน้า
จริงอยู่ที่มยองซูไม่ได้มาหาเขาบ่อยมากมาย แต่เขาก็ไม่ชินเท่าไรกับการที่มีคนมาเยือนที่ห้องถี่ขนาดนี้
“เห็นว่านายไม่ได้ไปทำงาน
และฉันก็คิดว่านายไม่ได้ออกไปไหนเลยซื้อของสดมาทำอาหารให้ทาน”
คิมมยองซูตอบยืดยาวพร้อมกับยกถุงที่ใส่ของสดไว้เต็มสองมือให้เขาดู
ดังนั้นซองยอลจึงจำใจต้องเบี่ยงตัวให้มยองซูเดินเข้าไปในห้องของเขา
ถึงซองยอลจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการปรากฏตัวของมยองซู
แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่เขาต้องออกไปหาอะไรมายังชีพของตัวเองก็แล้วกัน
คนตัวสูงถอดรองเท้าก่อนจะเดินตามผู้มาเยือนเข้าไปในตัวห้อง
จากนั้นจึงทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่เข้ากับโต๊ะอาหาร
“นายมาได้จังหวะเหมือนกันนะ
ฉันกำลังหิวพอดี”
ชายหนุ่มพูดขึ้นเรียบๆพลางใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะอาหารให้เป็นจังหวะตามดนตรีที่ได้ยินแว่วๆจากโทรทัศน์ที่เขาเปิดทิ้งเอาไว้
“แล้วไม่คิดจะลุกมาช่วยฉันทำหน่อยหรือไง”
มยองซูที่ง่วนอยู่หน้าเตาเอ่ยถามเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะเล็กน้อย
“ไม่ล่ะ”
ซองยอลปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ฉันจะไปนั่งรอที่ห้องรับแขกนะ เสร็จแล้วบอกด้วย”
คนหน้าหวานไม่ได้รอฟังคำตอบ
เพราะเจ้าตัวได้เดินออกจากส่วนครัวแล้วกลับไปนั่งที่หน้าโทรทัศน์อีกครั้ง
ซองยอลอ้าปากหาวหวอดๆหลังจากที่นั่งดูภาพยนตร์รักหวานซึ้งเรื่องที่เท่าไรไม่รู้
มือเรียวถูกยกขึ้นมาขยี้เข้าที่ตาเนื่องจากความง่วงเริ่มโจมตี
แต่แล้วเสียงแว่วๆที่ดังขึ้นจากทางห้องครัวก็เรียกให้ซองยอลต้องสลัดความง่วงงุนของตนเองออกไป
คนตัวสูงเดินลากเท้าไปที่ห้องครัวคล้ายกับว่าตนเองจะอดทนความง่วงนี้ไม่ไหวแล้ว
ดวงตาที่แต่เดิมนั้นดูกลมโตทว่าในตอนนี้กลับปรือปรอยคล้ายจะปิดลงได้ทุกเมื่อ
อีกทั้งยังดูหวานเยิ้มจนเรียกรอยยิ้มจากมยองซูได้อย่างง่ายดาย
ท่าเดินเตาะแตะราวกับเด็กหัดเดินผนวกกับใบหน้าหวานที่มุ่ยน้อยๆ
ผมที่ไม่ค่อยจะเป็นทรงทำให้ซองยอลดูน่ารักกว่าตอนที่เจ้าตัวกดยิ้มเจ้าเล่ห์ หรือตีหน้านิ่งเฉยเป็นไหนๆ
“ง่วงมากเลยเหรอ”
เชฟประจำวันเอ่ยถามเจ้าของห้องที่อ้าปากหาวแทนการเอ่ยตอบคำถามของเขา
“ฉันช่วยปลุกไหม รับรองตื่น”
“ยังไง”
ซองยอลที่ยังคงง่วงงุนเอ่ยถามอีกฝ่ายโดยไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนดวงหน้าหล่อเหลาของคิมมยองซู
“อื้อ”
เสียงครางประท้วงดังขึ้นเมื่อซองยอลรู้สึกคล้ายกับจะขาดอากาศหายใจ
คนที่ทำการรุกรานจึงจำเป็นต้องล่าถอยไป แต่ไม่วายกดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มซ้ำๆอยู่ดี
“...พอแล้ว”
“หายง่วงหรือยัง”
มยองซูถามพร้อมกับไล้ปลายนิ้วไปบนแก้มเนียนด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“หายแล้ว!” ฝ่ายเสียเปรียบขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายเล็กน้อย
“ปล่อยสิ หิวแล้วนะ!”
“ครับๆ” รอยยิ้มที่มุมปากดูจะถูกกดลงไปลึกยิ่งกว่าเดิมยามที่เจ้าตัวตอบรับ
มยองซูเลื่อนเก้าอี้ออกให้ซองยอลนั่ง
ก่อนที่จะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับคนหน้าหวาน “ลองทานดูสิ”
สิ้นเสียงของเชฟประจำวัน
อีซองยอลไม่รอช้าที่จะลิ้มรสอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาสั่นเล็กน้อยๆก่อนที่เจ้าตัวจะทานอาหารบนโต๊ะอย่างรื่นเริงใจ
แม้ไม่มีคำพูดเอ่ยชมใดๆแต่ท่าทางการทานอาหารที่ดูเอร็ดอร่อยและมีความสุขของอีซองยอลก็ทำให้คิมมยองซูใจชื้นขึ้นมา
ก่อนจะเริ่มทานอาหารในส่วนของตนเองบ้าง
“ไม่กลับห้องเหรอ”
ซองยอลเลิกคิ้วถามคนที่มาเยือนห้องพักของเขาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
จนทานอาหารเสร็จได้สักพักแล้ว
แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคิมมยองซูจะออกจากห้องของเขาไปเสียที
คนหน้าหวานจึงตัดสินใจที่จะเอ่ยถามไปตรงๆให้หายข้องใจ
“ว่าจะนอนที่นี่”
มยองซูที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ราวกับว่าที่นี่เป็นห้องของตนเองตอบคำถามที่ทำให้ซองยอลต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ห้องฉันไม่ใช่โรงแรมนะ!”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ”
คนหน้าหล่อหันมาพูด
ก่อนที่ใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายจะฉายแววออดอ้อนจนน่าเอ็นดูออกมา
“ให้ฉันนอนกับนายเถอะนะ”
“ไม่”
“เถอะนะ
ซองยอลอา ฉันอยากนอนกับนายจริงๆนะ”
“ไม่”
“จะไม่ล่วงเกินนายเลย”
...ถ้านายไม่ยอมน่ะนะ
“...ไม่”
“ได้โปรดเถอะ
ซองยอลลี่”
น้ำเสียงตัดพ้อหลุดรอดออกจากริมฝีปากบางเฉียบของคิมมยองซูเรียกให้เจ้าของห้องต้องหันไปมองผู้พูดให้แน่ใจว่าได้ยินไม่ผิด
“ฉันไม่อยากกลับห้อง เพราะฉะนั้น...ให้ฉันนอนกับนายเถอะนะ”
หากมีรางวัลคนใจอ่อนอวอร์ดรบกวนนำมามอบให้กับอีซองยอลในตอนนี้เลย
“เฮ้อ...
ก็ได้”
-
passionate –
“ซองยอล”
มยองซูเดินออกมาจากห้องนอนของซองยอล
ก่อนจะเอ่ยเรียกคนหน้าหวานที่หมกมุ่นอยู่กับกระดาษร่างแบบอีกครั้ง “ทำอะไรอีก
งานก็ทำเสร็จไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“พี่ซองกยูเพิ่งให้งานมาใหม่”
คนตัวสูงเอ่ยถามอีกฝ่าย ก่อนจะวางดินสอลงด้วยความเหนื่อยใจ
ใบหน้าเนียนมุ่ยลงจนคล้ายกับว่าเจ้าตัวพร้อมจะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อ
“ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”
“ทำไมล่ะ
คิดไม่ออกเลยเหรอ” หัวหน้าแผนก Production plan
ดึงเก้าอี้ใกล้ๆมือมาจากนั้นก็พาตัวเองทรุดลงนั่งข้างๆอีซองยอล
“อือ”
คนหน้าหวานตอบกลับสั้นๆ “โซฟาเบดธีมความรัก เพื่อวางขายในงาน Wedding fair”
“แล้วความรักในความคิดนายเป็นแบบไหนล่ะ”
มยองซูถาม
“ว่างเปล่า”
“หืม?”
“ความรักในสายตาของฉัน...”
ซองยอลเว้นวรรคคำพูดไปพักใหญ่ “มีแต่ความว่างเปล่า”
“งั้นเหรอ”
“แล้วนายล่ะ”
คนหน้าหวานเอ่ยถามคนหน้าหล่อที่นั่งอยู่ข้างๆกลับ “ความรักในความคิดนาย คืออะไร”
“สำหรับฉันเหรอ”
มยองซูทวนคำ พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้ที่หน้าอกของตนเอง
เมื่อเห็นว่าซองยอลพยักหน้าตอบรับคำถามของตน คนหน้าหล่อจึงกดยิ้มที่มุมปาก
ดวงตาคมจ้องมองไปยังกระดาษที่มีรอยดินสออยู่ประปรายอย่างเหม่อลอย
จากนั้นจึงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ “อินฟินิตี้”
“อะไรนะ”
ซองยอลที่ได้ยินคำตอบนั้นไม่ชัดเอ่ยถามย้ำ
ซึ่งมยองซูก็เงยหน้าขึ้นมาแย้มยิ้มให้กับซองยอลอย่างอ่อนโยน
“ความรักสำหรับฉันก็เหมือนสัญลักษณ์อินฟินิตี้”
ใบหน้าหล่อเหลานั่นเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาตั้งแต่เมื่อไร
ซองยอลก็ไม่อาจรู้ได้ “เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีที่สิ้นสุด”
รู้ตัวอีกที
เขาก็ถูกคิมมยองซูช่วงชิงลมหายใจไปด้วยริมฝีปากอีกครั้งเสียแล้ว
TBC.
อร๊าย แล้วก็ค้าง ตอนต่อไปล่ะ
ตอบลบตอนต่อไป NC แบบยอลเต็มใจใช่ไหม #ห๊ะอัลไล
นุ้งยอลทำไมเหมือนคนแขยงความรักละลูก
มีปมอัลไลช่ายไหมน้องขนุน อร๊าง รอ ค่ะ รอ
แต่ตอนหน้าขอ NC แบบหวาน ๆ ยอลเต็มใจได้ไหม
พี่ป่าวหื่นน้า แค่อารมณ์พาไป
น้องยอลจะได้ออกแบบได้สำเร็จ
ประเด็นมันเกี่ยวไหม 555+
พี่สงสารมิง อยากให้รับรู้ว่ายอลหวั่นไหว
แต่ยังไม่รู้ใจตัวเองจัง คิคิ
สนุกมากนะคะน้องขนุน พี่เป็นกำลังใจให้น้า
ทำไมมาตัดจบกันแบบนี้ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบมยองซูรักพี่ยอลมากเลยซินะ อินฟินิทตี้ จุดนนี้อิจฉาพี่ยอลลลลลล
ตาร้อนมาตั้งแต่มีคนมานั่งดีดกีตาร์ให้ฟังคลอๆตอนวาดรูปแล้วววว
ไหนจะมาทำอาหาร มาอยู่เคียงข้างงงง โฮกกกกกกกกกกกกกก
ทำไมเมนฉันเป็นคนน่ารักแบบนี้ ฮอลลลลลลลลลลลล เอาตอนต่อไปมาาาาา #เรียกร้องเป็นอย่างเดียวจริงๆ 555555555555555555555555
โอ้ย...ตกหลุมรักคิมมยองซู
ตอบลบว่าแต่ซองยอล...ทำไมใจแข็งขนาดนี้ ห้ะ!
ทำงานไม่ได้ ก็มีคนมานั่งดีดกีตาร์ให้ฟัง ดีดจนนิ้วห้อเลือด
ง่วงนอนก็มีคนคอยปลุก (ถึงจะวิธีหื่นไปหน่อย)
หิวก็มีคนทำอาหารอร่อยให้กิน ไม่มีเหงาตอนนอนเพราะมีคนคอยจะนอนด้วย
คิดงานไม่ได้ก็มีคนช่วยยยคิดคอนเซป (มยองซูย่า นิยามความรักของนายโรแมนติคมากก)
หาไม่ได้แบบนี้แล้วน้า ซองยอล ใจอ่อนเถอะ เพี้ยงงง แชบหน้า หวานละมุนนนน ฟินนน
ปล. ทำไมซองยอลดูเหมือนคนมีบาดแผลเรื่องความรักมากกจังเลย
โถ่ ยอลใจอ่อนเถอะ มยองขอขนาดนี้แล้ว
ตอบลบทั้งๆที่ตัวเองก็ชอบเค้า(แต่ไม่รู้)แท้ๆ
มยองนี่หาโอกาสลวนลามยอลได้ตลอดอะ เก่งจริง อิ