วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[FIC] Passionate: 6th ☆ Myungyeol

Passionate
6th - Infinity

Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ขั้นสุดว่าจะลงฟิคเมื่อเกรดออกครบ ให้ทายว่าครบหรือยัง ถถถ orz
- เปลี่ยนโปสเตอร์ฟิคเพราะครึ่งเรื่องแล้วหนอ :3
- เราโดนถามมาหลายทีเรื่องรวมเล่มฟิค เลยขอถามกลับว่าอยากให้รวมจริงเหรอคะ? ตอบที่แท็ก #ฟิคพชน ก็ได้หนอ







-passionate-







เสียงลากดินสอไปบนกระดาษดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะตามด้วยเสียงกระดาษที่ถูกฉีกจนขาดด้วยฝีมือของอีซองยอล ใบหน้าหวานฉายแววหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด จนคิมมยองซูที่ถือวิสาสะเข้ามานั่งอยู่ภายในห้องของซองยอลต้องเดินเข้ามาดู


“คิดไม่ออกเหรอ” คนหน้าหล่อเอ่ยถามพร้อมกับก้มลงไปหยิบเศษกระดาษที่ถูกฉีกทิ้งขึ้นมาดู


“อืม” ซองยอลตอบรับสั้นๆ


มยองซูเหลือบมองซองยอลเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเดินออกไปจากบริเวณนั้น เสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นทำให้ซองยอลได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นได้ออกไปนอกห้องของเขา คนหน้าหวานไม่ได้ให้ความสนใจกับการไปมาของมยองซูเท่าไรนัก เมื่ออีซองยอลหันไปให้ความสนใจกับงานตรงหน้าอีกครั้งทั้งๆที่ตนเองไม่ได้มีสมาธิมากพอเท่าที่ควร


ได้โปรดมีฉันเป็นผู้ชายคนเดียวของนายเถอะนะ


เสียงทุ้มที่วนเวียนอยู่ในหูทำให้ซองยอลต้องวางดินสอลงด้วยความวุ่นวายใจ หัวใจของเขามันเต็มไปด้วยความสับสนและกระวนกระวาย เขาไม่ชอบที่ตัวเองต้องตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ เพราะมันทำให้เขาหาทางออกให้ตัวเองไม่ค่อยได้ คนตัวสูงผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะเริ่มลากเส้นไปบนกระดาษแผ่นใหม่อีกครั้ง


เสียงดนตรีคลาสสิคที่เปิดคลออยู่ไม่ได้ทำให้สมองของเขาโล่งเหมือนกับทุกครั้ง กลับกัน มันรังแต่จะทำให้เขารู้สึกงุ่นง่านแต่ซองยอลก็ไม่ได้คิดจะลุกไปปิดมัน เขาไม่ค่อยชอบที่เงียบเท่าไรนัก ฉะนั้นซองยอลจึงจำเป็นต้องเปิดเพลงหรือโทรศัพท์เอาไว้ในเวลาที่เขาอยู่คนเดียว นักออกแบบหนุ่มตกลงไปสู่วังวนนของดนตรีและภาพวาดในเวลาไม่นานนัก แต่ถึงกระนั้นผลงานที่ออกมาก็ยังคงไม่เป็นที่พอใจของเขา ซองยอลดึงกระดาษออกแล้วโยนทิ้งไปบนพื้นอีกครั้ง มือเรียวสวยคว้าดินสอขึ้นมาอีกครั้งแล้วกดน้ำหนักมือลงไปบนกระดาษเตรียมจะวาดรูปสินค้าตัวแรกที่เขาต้องออกแบบลงไปอีกครั้ง


แต่แล้วเสียงดนตรีคลาสสิคที่เขาเปิดเอาไว้ก็หยุดลง


คนหน้าหวานหันไปด้านหลังเพื่อจะมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องเล่นเสียงของเขาหรือเปล่า แต่ซองยอลกลับได้พบกับคิมมยองซูที่กำลังทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่เจ้าตัวคงหยิบมาจากในครัวพร้อมกับกีต้าร์โปร่งในมือ คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถามไถ่ ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเพียงอมยิ้มให้น้อยแล้วเริ่มดีดกีต้าร์ออกมาเป็นท่วงทำนองก็เท่านั้น


ดนตรีสบายๆที่พัดพาเอาความสบายใจมาให้นั้น ทำให้ซองยอลตัดสินใจที่จะจรดปลายดินสอลงไปบนกระดาษที่ว่างเปล่าอยู่ ข้อมือขยับสะบัดไปมาเป็นจังหวะจนเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นที่มุมปากพร้อมกับเสียงฮัมเพลงตามดนตรีที่ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั้นดังลอดออกจากปากของซองยอล ส่งผลให้มยองซูอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความเพลิดเพลินของอีซองยอล


คนหน้าหล่อยังคงตั้งหน้าตั้งตาดีดกีต้าร์ให้ออกมาเป็นท่วงทำนองที่ทำให้ซองยอลรู้สึกผ่อนคลายต่อไป ดวงตาคู่คมเหลือบขึ้นมาจ้องมองแผ่นหลังของซองยอลที่ขยับเล็กน้อยเวลาที่เจ้าตัวขยับข้อมือ หรือเอียงตัวเพื่อจะวาดรูปให้ได้ถนัดถนี่ มยองซูกดยิ้มให้กับซองยอลที่ดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด จากกระดาษเปล่าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจได้แปรเปลี่ยนเป็นกระดาษที่มีรอยดินสอซึ่งก่อตัวออกมาเป็นรูปเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งภายในบ้านพร้อมๆกับท่าทางที่เต็มไปด้วยความสบายใจของอีซองยอล


เสียงดนตรียังคงดังต่อเนื่องอยู่ราวกับว่ามันไม่ได้ถูกบรรเลงขึ้นสดๆ ปลายนิ้วที่กดลงไปบนสายเริ่มขึ้นสีแดงช้ำพร้อมกับความแสบที่เริ่มมาเยือน เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเบ้หน้าเล็กน้อยให้กับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้นมยองซูก็ยังคงตั้งหน้าตั้งแต่ดีดกีต้าร์ต่อไป


“พอเถอะ” เสียงนุ่มๆที่ดังขึ้นด้านหน้าพร้อมกับมือเรียวสวยของซองยอลที่จับมือของเขาเอาไว้เพื่อให้เขาหยุดดีดกีต้าร์ “นิ้วนายช้ำหมดแล้ว”


“แค่นี้เอง ไม่เป็นอะไรหรอกน่า” มยองซูตอบกลับพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่


“ไปตรวจดูเถอะว่าที่ฉันวาดไว้คร่าวๆมันตรงกับคอนเซ็ปต์ไหม” คนหน้าหวานเบนสายตาออกจากใบหน้าเปื้อนยิ้มของมยองซูพลางเปลี่ยนเรื่อง ร่างโปร่งขยับเพื่อหลบฉากให้มยองซูได้เห็นภาพที่เจ้าตัววาดเอาไว้


หัวหน้าแผนก Production plan ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปตรงหน้ากระดาษที่ปรากฏรอยดินสออยู่ รอยยิ้มอ่อนจางปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันทีที่ได้เห็น เตียงนอนที่ดูเหมือนเตียงทั่วๆไป แต่ตรงหัวเตียงกลับมีลวดลายและรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันของบริษัทรุ่นก่อนๆ


“ต้องให้อธิบายด้วยไหม” เจ้าของห้องที่เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำในมือเอ่ยถามขึ้น


“ก็ดี”


“ตรงนี้” ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนหัวเตียงที่มยองซูกำลังให้ความสนใจ “มันจะเป็นช่องที่เอาไว้ใส่ของได้ ส่วนลายที่เห็นอยู่ฉันอยากให้มันเป็นเหมือนประตูเล็กๆที่เลื่อนได้ ส่วนที่เลื่อนได้ให้ตกแต่งด้วยแก้วโมเสคจะได้มองเห็นข้างในได้ ส่วนตรงนี้...” ซองยอลเลื่อนมือไปชี้ที่ด้านข้าง “ให้เป็นเตียงปิคนิคที่เลื่อนเข้าเลื่อนออกได้ คิดภาพตามได้ใช่ไหม ปลายเตียงก็เป็นลิ้นชัก ว่าแต่ที่ให้ฉันออกแบบจะวางขายในไตรมาสที่สามพร้อมกับสินค้าเซ็ตใหม่ที่ฝ่ายออกแบบถูกเร่งให้ส่งแบบใช่หรือเปล่า”


“รู้ได้ยังไง พี่ซองกยูบอกเหรอ” มยองซูเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่ซองยอลรู้เรื่องที่ฝ่ายออกแบบถูกเร่งงาน


“เปล่า” คนตัวสูงเอ่ยปฏิเสธ “วันนี้ฉันเข้าไปที่แผนกมาก็เลยได้รู้ ถ้ามันต้องให้เข้ากับเซ็ตนั้น เตรียงนี้ก็ต้องเป็นสีขาวนะ ส่วนแก้วโมเสคที่หัวเตียงให้ใช้โทนสีพาสเทลหรือใกล้เคียง”


“นายรอบคอบขึ้นนะ” คนหน้าหล่อพูดขึ้นมาจนซองยอลจำต้องเหลือบมองใบหน้าของอีฝ่ายด้วยความสงสัย มยองซูจึงพูดต่อ “เมื่อก่อนนายไม่ได้มาสนใจรายละเอียดยิบย่อยพวกนี้นี่ นายก็แค่วาดๆไปให้ได้ตามใจคนที่สั่งเท่านั้น”


“นี่มันชีวิตทำงานนะ ทำไม่ดีฉันก็ไม่ได้เงินน่ะสิ” ซองยอลหัวเราะเบาๆคลอไปด้วยขณะที่ตอบคำถาม ร่างโปร่งเคลื่อนย้ายตนเองอออกจากห้องทำงานไปที่ห้องรับแขก แล้วทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาพลางหยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมาเปิดให้เจ้าเครื่องสีเหลี่ยมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะได้ทำงาน


“ว่าแต่คำตอบของคำถามฉันล่ะ ซองยอล” มยองซูที่เดินตามมาเอ่ยทวงถามถึงสิ่งที่ตนเองต้องการจากซองยอล


“ฉันจำได้ว่าข้อตกลงของเราไม่มีการผูกมัดอะไรนอกเหนือไปจากเรามีเซ็กซ์กันนะ คิมมยองซู” คนหน้าหวานตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเช่นเดียวกับใบหน้า “เพราะฉะนั้นการที่ฉันจะไปยุ่งกับซองจง มันก็เป็นเรื่องของฉัน”


“แค่ฉันไม่ได้เหรอซองยอล” ผู้พูดทรุดตัวลงนั่งตรงพื้นด้านหน้าซองยอล “มีแค่ฉันที่เป็นผู้ชายคนเดียวไม่ได้หรือไง”


“ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะมยองซู” นัยน์ตาสีน้ำเข้มสบเข้ากับดวงตาของมยองซูอย่างจงใจ ความจริงจังในคำพูดนั้นฉายชัดอยู่ในดวงตาของซองยอล ทว่าความดึงดันจากดวงตาของมยองซูกลับทำให้ซองยอลรู้สึกสั่นไหวจนคนหน้าหวานต้องขบฟันลงบนริมฝีปากล่างเป็นการสะกัดกลั้นอารมณ์ “นายไม่ควรข้ามเส้น”


“ซองยอล” มยองซูเอ่ยเรียกคนหน้าหวานนิ่งๆ “ที่ฉันขอร้องนายมันเป็นเพราะฉันมีความรู้สึก...”


อวัยวะที่ซ่อนอยู่ภายในกระตุกขึ้นโดยที่เขาไม่อาจต้านทาน


“ฉันกำลังหวงที่นายไปยุ่งกับคนอื่น”






- passionate –







เสียงดนตรีดังกระหึ่มในผับดังย่านธุรกิจแห่งหนึ่งทำให้ซองยอลต้องเบ้หน้าเล็กน้อยตอนที่เดินเข้ามา อยู่ๆเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากคิมซองกยู รุ่นพี่ผู้ซึ่งควบตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ของเขา ใจความของบทสนทนาในตอนนั้นก็คือ ให้ซองยอลออกมาพบเจ้าตัวที่ผับแห่งนี้


คนตัวสูงสอดส่องสายตามองหารุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของนัดในครั้งนี้ ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่บาร์เพียงลำพัง


“พี่ซองกยู” ซองยอลเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผินใบหน้าไปสั่งเครื่องดื่มให้ตนเองกับบาร์เทนเดอร์ที่มายืนรอรับออเดอร์อยู่ จากนั้นจึงหันกลับมาหาชายหนุ่มรุ่นพี่อีกครั้ง “เรียกผมออกมามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าครับ”


“มีงานใหม่จะให้ทำน่ะ” ท่านประธานบริษัทพูดพลางยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบ “โซฟาเบดที่จะวางขายในงาน Wedding fair ที่กำลังจะมาถึง”


Wedding fair?” คนหน้าหวานเอ่ยทวนด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง อีซองยอลกับงานที่เกี่ยวกับความรัก เป็นอะไรที่เขายกให้มันเกินความสามารถของเขาเสมอ “มีไกด์ไลน์ให้ผมไหมครับ”


“หาเอาเองสิ” ซองกยูตอบกลับมาคล้ายไม่ใส่ใจ ทำให้ซองยอลต้องทำหน้ามุ่ยใส่ชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยความขัดใจทันที


“พี่ก็รู้อยู่ว่าผมกับเรื่องรักใคร่มันไปด้วยกันไม่ค่อยรอด”


“ลองไปถามใครสักคนดูสิว่าความรักในสายตาของเขามันเป็นยังไง” นักธุรกิจหนุ่มวางแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือลง จากนั้นจึงหันมาสบตารุ่นน้องที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ “พี่ให้เวลาหนึ่งสัปดาห์”


“พี่ซองกยู!” คนหน้าหวานร้องออกมาเสียงหลงเป็นเชิงประท้วง หนึ่งสัปดาห์กับเรื่องที่เขาติดขัดมันดูเป็นเวลาที่น้อยเกินไปหรือเปล่า “รีบเกินไปหรือเปล่าครับ”


“เถอะน่า พี่เชื่อว่านายทำได้”


คำพูดสุดท้ายจากรุ่นพี่ที่เป็นเจ้านายของเขา กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้อีซองยอลขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง คนตัวสูงดูหนังรักจบไปหลายสิบเรื่องจนรู้สึกเอียนกับความรักที่เพ้อฝันแบบนั้นเสียแล้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วเคลื่อนตัวเองไปยังห้องครัว มือเรียวสวยเปิดประตูตู้เย็นออกก่อนจะพบว่าของในนั้นมันแทบไม่มีเหลือเสียแล้ว


แน่สิ ก็เขาใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้มาสองวันเต็มๆโดยไม่ได้ออกไปไหนเลยนี่


ซองยอลถอนหายใจออกมายาวๆแล้วเดินกลับที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ของตนเอง อย่างน้อยเขาก็ต้องหาอะไรดำรงชีวิตเสียหน่อย และตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นร้านสะดวกใกล้ๆกับคอนโด คนตัวสูงเปิดประตูห้องออกไปก่อนจะพบกับคิมมยองซูที่กำลังจะกดออดห้องของเขา


“มาทำไม” ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้มาเยือนด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่ายกับการปรากฏตัวของคนตรงหน้า จริงอยู่ที่มยองซูไม่ได้มาหาเขาบ่อยมากมาย แต่เขาก็ไม่ชินเท่าไรกับการที่มีคนมาเยือนที่ห้องถี่ขนาดนี้


“เห็นว่านายไม่ได้ไปทำงาน และฉันก็คิดว่านายไม่ได้ออกไปไหนเลยซื้อของสดมาทำอาหารให้ทาน” คิมมยองซูตอบยืดยาวพร้อมกับยกถุงที่ใส่ของสดไว้เต็มสองมือให้เขาดู ดังนั้นซองยอลจึงจำใจต้องเบี่ยงตัวให้มยองซูเดินเข้าไปในห้องของเขา


ถึงซองยอลจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการปรากฏตัวของมยองซู แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่เขาต้องออกไปหาอะไรมายังชีพของตัวเองก็แล้วกัน คนตัวสูงถอดรองเท้าก่อนจะเดินตามผู้มาเยือนเข้าไปในตัวห้อง จากนั้นจึงทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่เข้ากับโต๊ะอาหาร
“นายมาได้จังหวะเหมือนกันนะ ฉันกำลังหิวพอดี” ชายหนุ่มพูดขึ้นเรียบๆพลางใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะอาหารให้เป็นจังหวะตามดนตรีที่ได้ยินแว่วๆจากโทรทัศน์ที่เขาเปิดทิ้งเอาไว้


“แล้วไม่คิดจะลุกมาช่วยฉันทำหน่อยหรือไง” มยองซูที่ง่วนอยู่หน้าเตาเอ่ยถามเจ้าของห้องด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะเล็กน้อย


“ไม่ล่ะ” ซองยอลปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ฉันจะไปนั่งรอที่ห้องรับแขกนะ เสร็จแล้วบอกด้วย”


คนหน้าหวานไม่ได้รอฟังคำตอบ เพราะเจ้าตัวได้เดินออกจากส่วนครัวแล้วกลับไปนั่งที่หน้าโทรทัศน์อีกครั้ง ซองยอลอ้าปากหาวหวอดๆหลังจากที่นั่งดูภาพยนตร์รักหวานซึ้งเรื่องที่เท่าไรไม่รู้ มือเรียวถูกยกขึ้นมาขยี้เข้าที่ตาเนื่องจากความง่วงเริ่มโจมตี แต่แล้วเสียงแว่วๆที่ดังขึ้นจากทางห้องครัวก็เรียกให้ซองยอลต้องสลัดความง่วงงุนของตนเองออกไป คนตัวสูงเดินลากเท้าไปที่ห้องครัวคล้ายกับว่าตนเองจะอดทนความง่วงนี้ไม่ไหวแล้ว


ดวงตาที่แต่เดิมนั้นดูกลมโตทว่าในตอนนี้กลับปรือปรอยคล้ายจะปิดลงได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังดูหวานเยิ้มจนเรียกรอยยิ้มจากมยองซูได้อย่างง่ายดาย ท่าเดินเตาะแตะราวกับเด็กหัดเดินผนวกกับใบหน้าหวานที่มุ่ยน้อยๆ ผมที่ไม่ค่อยจะเป็นทรงทำให้ซองยอลดูน่ารักกว่าตอนที่เจ้าตัวกดยิ้มเจ้าเล่ห์ หรือตีหน้านิ่งเฉยเป็นไหนๆ


“ง่วงมากเลยเหรอ” เชฟประจำวันเอ่ยถามเจ้าของห้องที่อ้าปากหาวแทนการเอ่ยตอบคำถามของเขา “ฉันช่วยปลุกไหม รับรองตื่น”
“ยังไง” ซองยอลที่ยังคงง่วงงุนเอ่ยถามอีกฝ่ายโดยไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนดวงหน้าหล่อเหลาของคิมมยองซู


“มาใกล้ๆสิ” ชายหนุ่มร่างหนาบอก ซึ่งคู่สนทนาก็ทำตามแต่โดยดี ดูท่าว่าความง่วงของอีซองยอลจะริดรอนเอาสติของอีกฝ่ายไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ปลายนิ้วเรียวแตะเข้าที่แก้มของอีซองยอลก่อนจะยึดเอาไว้เป็นมั่นเหมาะ จากนั้นคิมมยองซูก็รีบประกบปากลงไป ชายหนุ่มทำเพียงแค่แตะไว้เฉยๆ ก่อนจะค่อยๆตอดจูบอีกฝ่ายทีละนิด นิ้วหัวแม่มือขยับลูบไล้ไปมาอยู่บนแก้มเนียนนุ่มของซองยอล จนคนหน้าหวานเผลอตัวเผยอริมฝีปากออก ส่งผลให้มยองซูส่งลิ้นร้อนๆเข้าไปสำรวจด้านในทันที


“อื้อ” เสียงครางประท้วงดังขึ้นเมื่อซองยอลรู้สึกคล้ายกับจะขาดอากาศหายใจ คนที่ทำการรุกรานจึงจำเป็นต้องล่าถอยไป แต่ไม่วายกดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มซ้ำๆอยู่ดี “...พอแล้ว”


“หายง่วงหรือยัง” มยองซูถามพร้อมกับไล้ปลายนิ้วไปบนแก้มเนียนด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์


“หายแล้ว!” ฝ่ายเสียเปรียบขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายเล็กน้อย “ปล่อยสิ หิวแล้วนะ!


“ครับๆ” รอยยิ้มที่มุมปากดูจะถูกกดลงไปลึกยิ่งกว่าเดิมยามที่เจ้าตัวตอบรับ มยองซูเลื่อนเก้าอี้ออกให้ซองยอลนั่ง ก่อนที่จะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับคนหน้าหวาน “ลองทานดูสิ”


สิ้นเสียงของเชฟประจำวัน อีซองยอลไม่รอช้าที่จะลิ้มรสอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาสั่นเล็กน้อยๆก่อนที่เจ้าตัวจะทานอาหารบนโต๊ะอย่างรื่นเริงใจ แม้ไม่มีคำพูดเอ่ยชมใดๆแต่ท่าทางการทานอาหารที่ดูเอร็ดอร่อยและมีความสุขของอีซองยอลก็ทำให้คิมมยองซูใจชื้นขึ้นมา ก่อนจะเริ่มทานอาหารในส่วนของตนเองบ้าง


“ไม่กลับห้องเหรอ” ซองยอลเลิกคิ้วถามคนที่มาเยือนห้องพักของเขาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ จนทานอาหารเสร็จได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคิมมยองซูจะออกจากห้องของเขาไปเสียที คนหน้าหวานจึงตัดสินใจที่จะเอ่ยถามไปตรงๆให้หายข้องใจ


“ว่าจะนอนที่นี่” มยองซูที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ราวกับว่าที่นี่เป็นห้องของตนเองตอบคำถามที่ทำให้ซองยอลต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“ห้องฉันไม่ใช่โรงแรมนะ!


“ก็ไม่ใช่น่ะสิ” คนหน้าหล่อหันมาพูด ก่อนที่ใบหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่ายจะฉายแววออดอ้อนจนน่าเอ็นดูออกมา “ให้ฉันนอนกับนายเถอะนะ”


“ไม่”


“เถอะนะ ซองยอลอา ฉันอยากนอนกับนายจริงๆนะ”


“ไม่”


“จะไม่ล่วงเกินนายเลย” ...ถ้านายไม่ยอมน่ะนะ


“...ไม่”


“ได้โปรดเถอะ ซองยอลลี่” น้ำเสียงตัดพ้อหลุดรอดออกจากริมฝีปากบางเฉียบของคิมมยองซูเรียกให้เจ้าของห้องต้องหันไปมองผู้พูดให้แน่ใจว่าได้ยินไม่ผิด “ฉันไม่อยากกลับห้อง เพราะฉะนั้น...ให้ฉันนอนกับนายเถอะนะ”


หากมีรางวัลคนใจอ่อนอวอร์ดรบกวนนำมามอบให้กับอีซองยอลในตอนนี้เลย


“เฮ้อ... ก็ได้”







- passionate –







“ซองยอล” มยองซูเดินออกมาจากห้องนอนของซองยอล ก่อนจะเอ่ยเรียกคนหน้าหวานที่หมกมุ่นอยู่กับกระดาษร่างแบบอีกครั้ง “ทำอะไรอีก งานก็ทำเสร็จไปแล้วไม่ใช่เหรอ”


“พี่ซองกยูเพิ่งให้งานมาใหม่” คนตัวสูงเอ่ยถามอีกฝ่าย ก่อนจะวางดินสอลงด้วยความเหนื่อยใจ ใบหน้าเนียนมุ่ยลงจนคล้ายกับว่าเจ้าตัวพร้อมจะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อ “ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”


“ทำไมล่ะ คิดไม่ออกเลยเหรอ” หัวหน้าแผนก Production plan ดึงเก้าอี้ใกล้ๆมือมาจากนั้นก็พาตัวเองทรุดลงนั่งข้างๆอีซองยอล
“อือ” คนหน้าหวานตอบกลับสั้นๆ “โซฟาเบดธีมความรัก เพื่อวางขายในงาน Wedding fair


“แล้วความรักในความคิดนายเป็นแบบไหนล่ะ” มยองซูถาม


“ว่างเปล่า”


“หืม?”


“ความรักในสายตาของฉัน...” ซองยอลเว้นวรรคคำพูดไปพักใหญ่ “มีแต่ความว่างเปล่า”


“งั้นเหรอ”


“แล้วนายล่ะ” คนหน้าหวานเอ่ยถามคนหน้าหล่อที่นั่งอยู่ข้างๆกลับ “ความรักในความคิดนาย คืออะไร”


“สำหรับฉันเหรอ” มยองซูทวนคำ พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้ที่หน้าอกของตนเอง เมื่อเห็นว่าซองยอลพยักหน้าตอบรับคำถามของตน คนหน้าหล่อจึงกดยิ้มที่มุมปาก ดวงตาคมจ้องมองไปยังกระดาษที่มีรอยดินสออยู่ประปรายอย่างเหม่อลอย จากนั้นจึงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ “อินฟินิตี้”


“อะไรนะ” ซองยอลที่ได้ยินคำตอบนั้นไม่ชัดเอ่ยถามย้ำ ซึ่งมยองซูก็เงยหน้าขึ้นมาแย้มยิ้มให้กับซองยอลอย่างอ่อนโยน


“ความรักสำหรับฉันก็เหมือนสัญลักษณ์อินฟินิตี้” ใบหน้าหล่อเหลานั่นเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาตั้งแต่เมื่อไร ซองยอลก็ไม่อาจรู้ได้ “เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีที่สิ้นสุด”



รู้ตัวอีกที เขาก็ถูกคิมมยองซูช่วงชิงลมหายใจไปด้วยริมฝีปากอีกครั้งเสียแล้ว


TBC.

4 ความคิดเห็น:

  1. อร๊าย แล้วก็ค้าง ตอนต่อไปล่ะ
    ตอนต่อไป NC แบบยอลเต็มใจใช่ไหม #ห๊ะอัลไล
    นุ้งยอลทำไมเหมือนคนแขยงความรักละลูก
    มีปมอัลไลช่ายไหมน้องขนุน อร๊าง รอ ค่ะ รอ
    แต่ตอนหน้าขอ NC แบบหวาน ๆ ยอลเต็มใจได้ไหม
    พี่ป่าวหื่นน้า แค่อารมณ์พาไป
    น้องยอลจะได้ออกแบบได้สำเร็จ
    ประเด็นมันเกี่ยวไหม 555+
    พี่สงสารมิง อยากให้รับรู้ว่ายอลหวั่นไหว
    แต่ยังไม่รู้ใจตัวเองจัง คิคิ
    สนุกมากนะคะน้องขนุน พี่เป็นกำลังใจให้น้า

    ตอบลบ
  2. ทำไมมาตัดจบกันแบบนี้ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    มยองซูรักพี่ยอลมากเลยซินะ อินฟินิทตี้ จุดนนี้อิจฉาพี่ยอลลลลลล
    ตาร้อนมาตั้งแต่มีคนมานั่งดีดกีตาร์ให้ฟังคลอๆตอนวาดรูปแล้วววว
    ไหนจะมาทำอาหาร มาอยู่เคียงข้างงงง โฮกกกกกกกกกกกกกก
    ทำไมเมนฉันเป็นคนน่ารักแบบนี้ ฮอลลลลลลลลลลลล เอาตอนต่อไปมาาาาา #เรียกร้องเป็นอย่างเดียวจริงๆ 555555555555555555555555

    ตอบลบ
  3. โอ้ย...ตกหลุมรักคิมมยองซู
    ว่าแต่ซองยอล...ทำไมใจแข็งขนาดนี้ ห้ะ!
    ทำงานไม่ได้ ก็มีคนมานั่งดีดกีตาร์ให้ฟัง ดีดจนนิ้วห้อเลือด
    ง่วงนอนก็มีคนคอยปลุก (ถึงจะวิธีหื่นไปหน่อย)
    หิวก็มีคนทำอาหารอร่อยให้กิน ไม่มีเหงาตอนนอนเพราะมีคนคอยจะนอนด้วย
    คิดงานไม่ได้ก็มีคนช่วยยยคิดคอนเซป (มยองซูย่า นิยามความรักของนายโรแมนติคมากก)
    หาไม่ได้แบบนี้แล้วน้า ซองยอล ใจอ่อนเถอะ เพี้ยงงง แชบหน้า หวานละมุนนนน ฟินนน
    ปล. ทำไมซองยอลดูเหมือนคนมีบาดแผลเรื่องความรักมากกจังเลย

    ตอบลบ
  4. โถ่ ยอลใจอ่อนเถอะ มยองขอขนาดนี้แล้ว
    ทั้งๆที่ตัวเองก็ชอบเค้า(แต่ไม่รู้)แท้ๆ

    มยองนี่หาโอกาสลวนลามยอลได้ตลอดอะ เก่งจริง อิ

    ตอบลบ