7th - Hurt
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - เฮิร์ตที่เป็นคำนามหนอ
- เกรดยังออกไม่ครบ แต่เรามั่นใจว่ามันจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะฉะนั้นลงฟิคซะเลย
- รวมเล่มฟิคกันไหม? รวมดีไหม ตอนนี้คนที่บอกให้รวมก็มีพอที่โรงพิมพ์กำหนดขั้นต่ำไว้ด้วยนะ
- บอกแล้วไงว่าคุยกับเราได้ที่แท็ก #ฟิคพชน -^-
- เกรดยังออกไม่ครบ แต่เรามั่นใจว่ามันจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะฉะนั้นลงฟิคซะเลย
- รวมเล่มฟิคกันไหม? รวมดีไหม ตอนนี้คนที่บอกให้รวมก็มีพอที่โรงพิมพ์กำหนดขั้นต่ำไว้ด้วยนะ
- บอกแล้วไงว่าคุยกับเราได้ที่แท็ก #ฟิคพชน -^-
-passionate-
TBC.
อีซองยอลยังคงนอนอยู่บนที่นอนนุ่มหลังจากที่ตื่นนอนมาในตอนเช้า
ข้างกายเขามีร่างหนาของคิมมยองซูที่กอดเขาเอาไว้แน่นเสียจนซองยอลไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
ทั้งๆที่เขาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่
คนหน้าหวานผ่อนลมหายใจออกมายาวๆด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนที่จะโขกหัวของตัวเองใส่หน้าอกของคนตรงหน้าซ้ำๆ
ใครใช้ให้กดหน้าของเขาไว้กับอกล่ะ
"หื้อ.."
น้ำเสียงงัวเงียคล้ายคนกำลังจะตื่นนอนที่ติดจะหงุดหงิดอยู่ในทีหลังจากที่ซองยอลเอาหัวโขกแผ่นอกของคิมมยองซูอยู่หลายครั้ง
"ไม่เอาน่าซองยอล ฉันยังไม่อยากตื่นนะ"
"แต่ฉันอยากลุกออกจากที่นอนแล้ว"
เจ้าของห้องบอกกับคนที่โอบกอดตนเองเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิด
"ไม่เอา
ไม่ให้ไป" มยองซูงอแง คนหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าลงกับซอกคอของซองยอล
พร้อมกับสูดลมหายใจที่มีกลิ่นของซองยอลเข้าไปเสียเต็มปอด
เจ้าของห้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความหน่ายใจ
มือเรียวจับเข้าที่ท่อนแขนที่พาดอยู่บนเอวของตนเองจากนั้นจึงยกมันขึ้น
แต่เจ้าของท่อนแขนกลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
เมื่อมยองซูออกแรงกดแขนของตนเองจนมันกลับมาวางพาดอยู่ที่เอวของซองยอลตามเดิม
“มยองซู!” เสียงหวานที่ติดจะหงุดหงิดดังขึ้นเมื่อเจ้าของชื่อไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ
ทั้งยังทำตรงกันข้ามแบบจงใจอีกต่างหาก
“ไม่เอา
ไม่ให้ไป” มยองซูว่าพลางกอดซองยอลให้แน่นขึ้นไปอีก “อยากนอนกอดซองยอลแบบนี้”
“แต่ฉันต้องไปทำงาน”
“งานอะไร”
คนหน้าหล่อปรือตาขึ้นมามองคนในอ้อมแขนเมื่อได้ยินคำว่างาน
“ที่บอกเมื่อวาน
โซฟาเบดสำหรับ Wedding fair”
นักออกแบบหน้าหวานถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของเช้านี้
ก่อนจะตอบคำถามของมยองซู แล้วถามซ้ำอีกที “แล้วจะปล่อยฉันได้หรือยังล่ะทีนี้”
“เฮ้อ
ปล่อยก็ได้” มยองซูตอบพร้อมกับลุกขึ้นนั่งบนเตียงของซองยอล
ใบหน้าหล่อเหลาที่มุ่ยเล็กน้อยเพราะถูกรบกวนเวลานอนมันน่าเอ็นดูไม่น้อยในสายตาของอีซองยอล
จนเจ้าของห้องอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นไปนั่งหยิกแก้มที่ถูกเจ้าของมันพองออกมา
รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าของซองยอลทำให้มยองซูรู้สึกราวกับตกอยู่ในมนตร์สะกด
ไม่บ่อยนักที่อีซองยอลจะยิ้มออกมาทั้งปากและตา
ไม่บ่อยนักที่อีซองยอลจะยิ้มออกมาอย่างสดใสแบบนี้
“รู้อะไรไหม”
คิมมยองซูพูดขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นไปวางบนแก้มทั้งสองข้างของซองยอล
“ฉันชอบเวลาที่นายยิ้มแบบนี้ที่สุดเลย”
-
passionate –
นัมอูฮยอนนั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะทำงานประจำตำแหน่ง
ถัดจากโต๊ะเขาไปก็เป็นจางดงอูที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาดูแอนิเมชั่นเรื่องโปรดของเจ้าตัวอย่างขะมักเขม้น
ช่วงนี้ฝ่ายออกแบบค่อนข้างจะว่างงาน
เนื่องจากทุกคนในแผนกเพิ่งจัดการส่งแบบสินค้าที่จะวางขายในไตรมาสที่สามของปีไปเมื่อสองวันก่อน
และยังไม่มีมติใหม่จากที่ประชุมมาว่าเฟอร์นิเจอร์เซ็ตถัดไปจะต้องเป็นอย่างไร
ดังนั้น
ฝ่ายออกแบบจึงว่างงาน
แต่อยู่ๆเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นจากด้านหน้าแผนกแล้วดังไล่มาเรื่อยๆจนอูฮยอนสามารถเห็นได้ว่าใครเป็นต้นเสียงนั้น
“โฮวอน?
ซองยอล?” คนตัวเล็กเอ่ยทักสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา อีโฮวอน นักออกแบบมือดีอีกคนของแผนก
กับอีซองยอลผู้เข้ามาใหม่และไม่ค่อยได้เข้ามาที่แผนกเท่าไร
คนที่ในตอนแรกอูฮยอนไม่ค่อยชอบแต่สุดท้ายก็โดนจางดงอูคนดีไซโคจนต้องยอมรับซองยอลเป็นคนในแผนกไปโดยปริยาย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็เป็นเพราะฝีมือของซองยอลด้วยนั่นล่ะ
“คุณซองยอลบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษานาย” อีโฮวอนบอกจุดประสงค์ในการมาเยือนของอีซองยอลให้กับนัมอูฮยอนได้รับรู้โดยไม่รอให้หัวหน้าแผนกต้องเอ่ยถาม
จากนั้นจึงยิ้มเผล่เมื่อถูกคนตัวเล็กมองอย่างดุๆ
“ปรึกษาเหรอ?” อูฮยอนเอ่ยถาม “เรื่องอะไรล่ะ”
“ฉันเพิ่งได้โปรเจ็คต์ใหม่มาจากพี่ซองกยู” ซองยอลทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะของอูฮยอนอย่างถือวิสาสะ
ก่อนจะหยิบกระดาษนับสิบแผ่นที่เจ้าตัววาดรูปโซฟาเบดเอาไว้คร่าวขึ้นมาวางบนโต๊ะของคนตัวเล็ก
“โซฟาเบดสำหรับงาน Wedding fair ที่กำลังจะถึงนี้ ธีม...” ซองยอลเว้นระยะการพูดไปพักหนึ่ง
“...ความรัก”
“มันก็เรื่องปกติของ Wedding fair นี่นา”
คนตัวเล็กว่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซองยอลด้วยความงงงวย “แล้วนายติดขัดตรงไหนล่ะ”
“ตรงที่มันเป็นความรักไงครับหัวหน้า”
อีโฮวอนเอ่ยแทรกขึ้นมาจนหัวหน้าต้องหันไปถลึงตาใส่เพื่อบอกให้เจ้าตัวเงียบเสียงไปเสีย
“ตามที่โฮวอนพูดนั่นแหละอูฮยอน” คนหน้าหวานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง ไม่มีไอเดียอะไรสักอย่าง”
ก่อนที่เจ้าตัวจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันมันพวกไม่รู้จักความรัก”
“ฉันว่าอันนี้ก็โอเคแล้วนะ”
นัมอูฮยอนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งในปึกกระดาษที่ซองยอลยื่นให้ออกมา
โซฟาเบดที่มีพนักพิงเป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้
“อันนี้เหรอ?” ซองยอลทวนคำ
ในหัวไพล่ไปคิดถึงคนที่แนะนำไอเดียนี้ให้กับเขา
ก่อนที่หัวใจดวงน้อยจะกระตุกขึ้นมายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ใครคนนั้นอธิบายถึงความหมายของอินฟินิตี้ที่ว่าให้เขาฟัง
“ไม่มีที่สิ้นสุด ...ใช่ไหม” อูฮยอนพูดเปรยขึ้นมา
ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำถาม ซองยอลจึงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบคำถามนั้น
ใบหน้าของคิมมยองซูยามเอื้อนเอ่ยรวมไปถึงการกระทำหลังจากนั้นยังคงปรากฏอยู่ภายในสมองจนซองยอลนึกหงุดหงิดตัวเอง
เขาไม่ชอบใจเท่าไรกับการที่คิมมยองซูมาโผล่อยู่ในห้วงความคิดของเขาเรื่อยๆเช่นนี้
มันบ่อยเสียจนผิดสังเกต ในขณะที่เรื่องภายในหัวกำลังตีกันไม่หยุด
หูก็ฟังสิ่งที่นัมอูฮยอนกำลังพูดไปด้วย “ความหมายมันก็ดีแล้วนี่”
“มันก็ใช่” ซองยอลตอบรับ
“แต่ถ้ามีแค่พนักพิงเป็นรูปอินฟินิตี้แล้วส่วนอื่นมันก็ไม่มีอะไรเลยนะ”
“แต่การทำพนักพิงให้เป็นอินฟินิตี้มันก็ไม่ง่ายนะซองยอล”
อูฮยอนว่าพลางทำหน้าจริงจัง “เพราะส่วนที่จะยึดให้อยู่กับตัวที่นั่งมันมีน้อย
และถ้าบริษัทเราทำได้มันก็เหมือนเป็นการบุกเบิกตลาดก่อนใครด้วย”
“แตฉันว่ามันเรียบง่ายเกินไปหรือเปล่า”
คนหน้าหวานเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วจนเกือบจะเป็นปม
“ความจริงถ้าคุณซองยอลคิดว่ามันจะเรียบไปล่ะก็
ลองถามคุณมยองซูดูก็ได้นะครับว่าตลาดต้องการอะไรจากเฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้บ้าง”
โฮวอนที่เงียบไปสักพักแทรกขึ้นมา
หากจะถามว่าซองยอลเห็นด้วยกับคำพูดของโฮวอนไหมก็คงต้องตอบว่าเห็นด้วย แต่...
คิมมยองซูอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ
“โดยทั่วไปโซฟาเบดที่เคยออกแบบกันเป็นยังไงเหรอ”
อีซองยอลถามอูฮยอนอย่างตรงไปตรงมา
“ส่วนใหญ่โซฟาเบดโฮวอนเป็นคนออกแบบนะ โฮวอนน่าจะรู้ดีกว่าฉัน”
คนตัวเล็กตอบคำถามนั้นพร้อมกับยิ้มแหยๆ ก่อนจะโยนไปให้โฮวอนเป็นคนตอบคำถามนี้
“ส่วนใหญ่โซฟาเบดของบริษัทเราจะเป็นแบบมีขาตั้งครับ” ไม่พูดเปล่า
อีโฮวอนคว้ากระดาษที่อูฮยอนใช้วาดรูปเล่นก่อนหน้านี้มาร่างรูปให้ซองยอลดู “เพราะส่วนใหญ่เขาต้องการให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก
แบบมีขามันจะตรงกับความต้องการมากกว่า ดีไซน์ของส่วนที่นั่งก็ไม่มีอะไรมากครับ
เน้นที่วัสดุซะมากกว่า พนักพิงก็เหมือนกัน”
“งั้นก็แปลว่าโซฟาเบดจะคงคอนเซ็ปต์แบบเรียบๆ
ไม่หวือหวามาตลอดเลยงั้นสินะ” คนตัวสูงเอ่ยทวน
ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
“ใช่ครับ” โฮวอนตอบรับ
“ส่วนตัวผมว่าหากคุณซองยอลสนใจที่จะแหวกแนวล่ะก็
ทำลิ้นชักเก็บของเสริมเข้าไปก็ไม่แย่นะครับ
ผมคิดว่าบริษัทคู่แข่งก็คงไม่คาดคิดว่าเราจะทำ”
“แต่ฉันเพิ่งจะออกแบบเตียงที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์คอนเซ็ปต์ของพวกนายที่จะวางขายในไตรมาสที่สามไปนะ
มันจะดูซ้ำซากไปหรือเปล่า”
“ไม่หรอกมั้ง” อูฮยอนพูดขึ้น
“ในยุคนี้คนส่วนใหญ่ก็ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ลองฉีกแนวให้แปลกไปมันก็ไม่แย่นะ”
“ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับว่าคุณซองยอลลองไปถามคุณมยองซูเรื่องความต้องการของลูกค้าอีกครั้งน่าจะดีนะครับ
ผมคิดว่าถ้าลองถามคุณมยองซูน่าจะได้อะไรที่ตรงกับตลาดมากขึ้น”
คำพูดของอีโฮวอนทำให้อีซองยอลอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความหนักใจ
“เดี๋ยวฉันจะลองดูแล้วกัน” คนหน้าหวานว่า
“แต่เดี๋ยวออกไปทานข้าวด้วยกันหน่อยสิโฮวอน จะได้ปรึกษาเรื่องงานเพิ่มอีกหน่อย”
เอ่ยบอกโฮวอนเสร็จแล้วก็เบือนหน้ามาหาอูฮยอน “ไปด้วยกันไหม”
“ไม่ล่ะ” หัวหน้าแผนกตัวเล็กปฏิเสธ “ฉันต้องเตรียมตัวไปประชุมน่ะ”
“งั้นเหรอ” ใบหน้าหวานฉายแววผิดหวังออกมาเล็กน้อย
“แต่โฮวอนจะไปกับฉันใช่ไหม”
“ครับ” คำตอบรับดังจากเจ้าของชื่อ
ทำให้ผู้เอ่ยคำชวนต้องยกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
"งั้นไปกัน"
- passionate -
"ไปกินข้าวเฉยๆเหรอวันนี้"
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทันทีที่อีซองยอลเปิดประตูห้องเข้ามา ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาด้วยความหน่ายใจ
"ฉันนึกว่าจะไปต่อกับอีโฮวอนอะไรนั่นซะอีก"
"ฉันคิดว่าฉันจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันนะ"
คนหน้าหวานที่กำลังถอดรองเท้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าแฝงความไม่พอใจเอาไว้ไม่น้อย
ดวงตากลมสีเฮเซลนัทจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของคิมมยองซูที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างไม่วางตา
"แต่สิ่งที่ฉันสงสัยคือนายเข้าห้องฉันได้ยังไงตั้งสองครั้ง"
"ก็ไม่มีอะไรมาก" มยองซูยักไหล่
"ฉันก็แค่ขอคีย์การ์ดสำรองของนายจากพี่ซองกยูมา"
คำตอบที่ได้รับทำให้ซองยอลต้องถอนหายใจออกมายาวๆ
คนหน้าหวานกลอกตาไปมาก่อนจะเดินสวนมยองซูเข้าไปภายในตัวห้อง จัดการเก็บกระเป๋าให้เข้าที่เข้าทางแล้วเตรียมตัวอาบน้ำโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับอีกชีวิตหนึ่งที่ยืนอยู่ในห้องเดียวกันแม้แต่น้อย
"เป็นยังไงบ้างล่ะ ของเล่นชิ้นใหม่ พอจะใช้ได้ไหม"
น้ำเสียงที่ติดจะประชดประชันทำให้เจ้าของห้องต้องหันไปมองคนพูดเสียตาขวาง
"ถ้าจะมาพูดจาประชดประชันฉันก็กลับห้องตัวเองไปซะ
คิมมยองซู"
"ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกนายไปแล้ว
อีซองยอล" มยองซูว่าพลางเดินเข้ามาประชิดตัวของซองยอล คนหน้าหล่อแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนจะยกแขนขึ้นมากั้นซองยอลไว้กับตู้
"ฉันกำลังหวงที่นายไปยุ่งกับคนอื่น และบางที..."
เจ้าของวงแขนยื่นหน้าเข้ามาใกล้เสียจนซองยอลรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่ระอยู่ตรงแก้ม
พร้อมกับกระซิบเสียงแผ่ว
"...ฉันอาจจะต้องแสดงความเป็นเจ้าของกับนายเสียหน่อย"
ริมฝีปากอิ่มน้ำที่เตรียมจะอ้าออกเพื่อเถียงคนตรงหน้ากลับถูกปิดด้วยกลีบปากของใครอีกคนที่ทาบทับลงมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
ซองยอลเบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงเพื่อคัดค้านอยู่ในลำคอ
มือเรียวถูกกำและยกขึ้นมาทุบเข้าที่แผ่นอกของมยองซู แต่คนหน้าหล่อกลับตอบโต้เขาโดนการยึดข้อมือของเขาเอาไว้จนซองยอลไม่อาจตอบโต้อะไรได้
ปลายลิ้นร้อนที่รุกรานอยู่ภายในโพรงปากทำให้ดวงตากลมเริ่มปรือจวนจะปิด
แต่ก็เป็นเวลาเดียวกับที่คิมมยองซูปล่อยเขาให้เป็นอิสระ
"นายไม่มีสิทธิ์มาหวง
หรือแสดงความเป็นเจ้าของอะไรทั้งนั้น" คนหน้าหวานกัดฟันพูด
พร้อมกับจ้องหน้าของอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้
มยองซูแสยะยิ้มก่อนจะโยนร่างของซองยอลลงบนโซฟาที่อยู่ด้านหลัง
"ได้ไม่ได้ เดี๋ยวก็รู้"
ซอกคอหอมกรุ่นถูกคนหน้าหล่อกดจูบหนักๆเป็นระยะ
ถึงแม้ซองยอลจะพยายามหดคอหนีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจมากกว่าเดิม
แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลสักนิด
เมื่อคิมมยองซูฝืนจนเขาจำต้องเปิดลำคอขาวให้อีกฝ่ายได้สัมผัสตามใจชอบ คนหน้าหวานยกมือขึ้นมาดันไหล่ของมยองซูเป็นการแสดงความขัดขืน
หากแต่มยองซูกลับตอบโต้เขาโดยการจับข้อมือของเขาแล้วยึดไว้กับโซฟาจนซองยอลไม่อาจขยับได้
“ปล่อ-“
เสียงหวานที่เปล่งออกเพื่อทักท้วงกลับถูกดูดกลืนไปโดยริมฝีปากที่แนบประทับลงมา
เมื่ออีกฝ่ายละริมฝีปากออกไปซองยอลจึงเริ่มพูดอีกครั้ง “จะเอาให้ได้ใช่ไหม”
“ก็ใช่ไง”
มยองซูตอบกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอของซองยอลอย่างหลงใหล
ริมฝีปากอุ่นดูดดึงผิวเนื้อนุ่มจนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นมา
“มยองซู!”
ซองยอลร้องอย่างตื่นตระหนก “ไอ้บ้า อย่าทำรอยนะ!”
“ไม่เอาน่าซองยอล”
เจ้าของชื่อพูดพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมเสื้อของซองยอลออกทั้งแถบ
“ก็บอกแล้วไงว่าจะแสดงความเป็นเจ้าของ”
“แต่ฉันไม่ว่าง! ปล่อยเลย!”
“ทำไมล่ะ
ฉันไม่ได้ทำอะไรกับนายมาหลายวันแล้วนะ!” คิมมยองซูโวยวายพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้ง
“อีกอย่างนายไม่ได้ทำตามคำขอของฉัน วันนี้นายไปกับอีโฮวอนมา”
“ฉันไปคุยกับโฮวอนเรื่องงาน
และตอนนี้ฉันก็ต้องการจะทำงานต่อ”
อีซองยอลจ้องหน้าของคนที่ทาบับอยู่ด้านบนเป็นเชิงบังคับว่าอีกฝ่ายต้องปล่อยเขาออกจากอ้อมแขนสักที
“โซฟาเบดนั่นน่ะเหรอ”
หัวหน้าแผนก Production plan เอ่ยถามหลังจากที่เจ้าตัวผละตัวเองออกมา
เมื่อเห็นว่าซองยอลที่ลุกขึ้นมานั่งแล้วพยักหน้าเป็นการตอบรับจึงพูดต่อ
“คิดไม่ออกหรือว่ายังไง”
“วันนี้ฉันลองเอาแบบที่ร่างไว้ไปปรึกษาอูฮยอนมา
และเขาก็เลือกแบบนี้” ซองยอลตอบพร้อมกับเดินไปหยิบกระดาษที่ร่างแบบเอาไว้มาโชว์ให้มยองซูดู
หัวใจของคนหน้าหล่อกระตุกโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อเห็นแบบในกระดาษ
“อินฟินิตี้?”
เสียงแผ่วเบาดังลอดริมฝีปากสีสวยของมยองซู
“ใช่
ที่นายบอกฉัน” ซองยอลตอบกลับสั้นๆ
“นายก็ทำเสร็จแล้วนี่
แล้วติดขัดตรงไหนอีกล่ะ” หัวหน้าแผนกหนุ่มละสายตาออกจากแบบที่เห็น
แล้วตั้งคำถามกับซองยอลแทน
“ตรงส่วนของที่นั่ง
จะทำยังไงให้ต่างจากคนอื่น” ซองยอลพูดเรียบๆ “”โฮวอนเลยบอกให้ฉันมาปรึกษานาย”
“ปรึกษาฉันก็ต้องมีค่าตอบแทนให้ฉันนะ
ซองยอล”รอยยิ้มที่เหนือกว่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมยองซู จนซองยอลนึกอยากจะเอาเล็บสั้นๆของตนเองไปข่วนอีกคนให้หมดหล่อเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“ฉันจะยอมนายก็ได้
ถ้าเกิดว่างานของฉันเสร็จภายในคืนนี้” คนหน้าหวานพูดพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“อันดับแรกคือขนาดของตัวที่นั่ง
อย่างน้อยต้องให้สองคนนอนคู่กันได้ถนัด” มยองซูพูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
จนคนหน้าหวานหยิบดินสอกันกระดาษขึ้นมาร่างรูปตามแทบไม่ทัน “ต่อไปคือส่วนฐาน
สมัยนี้คนส่วยใหญ่ต้องการสเปซมากขึ้น
เพราะฉะนั้นถ้าจะทำลิ้นชักด้านล่างก็ไม่เสียหายอะไร”
“มันจะซ้ำกับเตียงที่ฉันเพิ่งออกแบบไปหรือเปล่า”
ซองยอลขัดขึ้น
“ไม่หรอก แต่ลูกค้าอาจจะมองไปอีกทางก็ได้คือสินค้าสองชิ้นนี้ออกมาคู่กัน”
มยองซูตอบกลับมาก่อนที่เข้าตัวจะลุกหายไปพักหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าสองแก้ว
ท่าทางที่เหมือนกับว่ามยองซูเป็นเจ้าของห้องนั้นทำให้ซองยอลอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกก็คือความแข็งแรง อย่างที่ฉันบอกไป
มันจำเป็นต้องรองรับน้ำหนักของคนมากกว่าหนึ่งคนให้ได้ และแน่นอนว่าในทุกๆกิจกรรม”
“มันจะใช้อะไรกันนักเชียว
โซฟาเบดเนี่ย”
ซองยอลที่ยังไม่ได้ละสายตาออกจากกระดาษที่เจ้าตัวเริ่มร่างรูปของโซฟาเบดออกมาเป็นรูปเป็นร่างและมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อได้รับฟังความเห็นของมยองซู
“หลายอย่างอยู่นะ”
คนหน้าหล่อพูดหลังจากวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะตรงหน้า “นอนพักเฉยๆ นอนเล่น
หรือไม่ก็นอนดูหนัง แต่ถ้าเป็นฉัน...” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
“โซฟาเบดที่ฉันจะเลือกซื้อต้องรองรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนในเวลาที่ฉันมีเซ็กซ์ได้”
“ในหัวนายคิดแต่เรื่องพวกนี้หรือไง
คิมมยองซู”
เจ้าของห้องถามขึ้นในขณะที่ยังคงจรดปลายดินสอไว้กับกระดาษเพื่อเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเจ้าแบบร่างโซฟาเบดที่ทำเขาเครียดมาหลายวัน
“ถ้าปกติล่ะก็ไม่
แต่พออยู่ใกล้ๆนายฉันก็เผลอคิดทุกที” เสียงกลั้วหัวเราะที่ตอบกลับมาทำให้ซองยอลต้องเหวี่ยงหมัดไปหาคนข้างกายอย่างอดรนทนไม่ไหว
ก่อนที่คนหน้าหวานจะวางดินสอลงเมื่อแบบร่างของโซฟาเบดได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
อีซองยอลขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตว่าคิมมยองซูกำลังเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องน้ำ
“ออกไปเลยนะ!”
ซองยอลร้องโวยวายเสียงดังด้วยความตกใจ “คิมมยองซู
ฉันจะอาบน้ำ!”
“ไม่เอาน่าคุณนักออกแบบ”
มยองซูกระเซ้าซองยอลด้วยความเอ็นดู
ร่างใหญ่สาวเท้าเข้าหาคนตัวสูงแต่กลับดูบอบบางจนกระทั่งแผ่นหลังของซองยอลแนบไปกับกำแพงห้องน้ำ
“นายบอกฉันเองว่าถ้างานนายเสร็จ คืนนี้นายก็จะเสร็จฉันเหมือนกัน
จะเบี้ยวกันหรือไง”
“ป-เปล่า!”
คนตัวสูงร้องบอกเสียงดัง มือเรียวยกขึ้นมาเพื่อดันร่างของมยองซูให้ออกห่างจากตนเอง
“แต่ตอนนี้ให้ฉันอาบน้ำก่อนสิ!”
“มา
เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำพร้อมนายก็แล้วกัน” รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเจ้าของมันกำลังมีความสุขอยู่กับการกลั่นแกล้งซองยอลนั้นฉายชัดอยู่บนใบหน้าของมยองซู
คนหน้าหล่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของซองยอลออกจนกระทั่งคนหน้าหวานนั้นเปล่าเปลือย
ก่อนที่เขาจะเริ่มจัดการเสื้อผ้าของตนเองบ้าง
น้ำอุ่นๆจากฝักบัวที่ถูกปรับอุณหภูมิด้วยเครื่องทำน้ำอุ่นรินลดลงบนผิวกายของทั้งสองคน
พร้อมๆกับฝ่ามือของมยองซูที่เริ่มอยู่ไม่สุขโดยการแตะและลูบไล้ผิวกายของซองยอลอย่างหลงใหล
ริมฝีปากร้อนจัดแนบลงบนผิวขาวเนียนอย่างลงไหล ก่อนจะไล่จูบไปเรื่อยๆ
เสียงครางแผ่วผิวจากซองยอลที่ทำท่าเหมือนจะต่อต้านเป็นตัวกระตุ้นความต้องการของเขาให้มากขึ้นไปอีก
“ในห้องน้ำก็พอแทนกันได้นะซองยอลอา”
มยองซูกระซิบที่ข้างหูของซองยอลเพื่อเย้าแหย่
พร้อมๆกับการสอดนิ้วรุกล้ำเข้าไปในเรือนกายของอีกคน
“แล้วค่อยไปต่อกันที่เตียงนะครับ”
-
passionate –
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์แผดร้องดังลั่นจนเจ้าของเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องหรูต้องตื่นจากนิทราอย่างช่วยไม่ได้
ใบหน้าหวานแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความไม่พอใจที่เจ้าตัวถูกปลุกขึ้นมาแต่เช้า
อีซองยอลพลิกตัวไปอีกฝั่งของเตียงก่อนจะต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝั่งหนึ่งของเตียงที่ควรจะมีร่างของใครอีกคนอยู่กับว่างเปล่า
หากแต่นาฬิกาบนฝาผนังที่บอกว่าเวลานี้เป็นเวลาทำงานแล้วนั้นทำให้ซองยอลรู้ได้ไม่ยากว่าคิมมยองซูได้ออกไปทำงานแล้ว
มือเรียวสวยควานหาโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องจนดับไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อหาเจอจึงกดรับโดยไม่สนใจจะดูก่อนว่าปลายสายคือใคร
เนื่องจากเขาพอจะรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่โทรมาก่อกวนเขาแต่หัววันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิมซองกยู
“ฮะ
พี่ซองกยู”
น้ำเสียงงัวเงียของคนเพิ่งตื่นนอนถูกกรอกลงไปบังไมโครโฟนของสมาร์ทโฟนเพื่อให้ไปถึงปลายสาย
“(ตื่นหรือยังซองยอล)”
เสียงถอนหายใจเบาๆจากปลายสายทำให้ซองยอลนึกตลกชายหนุ่มรุ่นพี่ของตนที่ทำตัวเหมือนคนแก่เข้าไปทุกทีไม่ได้
“แค่ได้ยินเสียงผมพี่ก็น่าจะรู้นะครับ”
ตอบคำถามของปลายสายพร้อมกับซุกหน้าเข้ากับหมอนใบโตอย่างสุขใจ
ความรู้สึกปวดที่สะโพกและความแสบร้อนที่บริเวณนั้นทำให้ซองยอลรู้สึกสุขใจมากกว่าหากเขาได้นอนหลับพักผ่อนร่างกายอันอ่อนล้าของตนเองอีกสักนิด
“(พี่จะโทรมาถามเราว่าเรามีสูทหรือเปล่า)”
“สูทเหรอครับ”
ซองยอลทวนคำพร้อมกับยกศีรษะของตนเองขึ้นจากหมอน “ก็พอมีนะฮะ สำหรับงานอะไรล่ะ”
“(งานแต่ง)”
ปลายสายตอบกลับมาสั้นๆ
“ผมมีแต่สูทสีดำครับ
ว่าแต่งานแต่งของใครเหรอฮะพี่ซองกยู ผมถึงต้องไปร่วมงานด้วยนะ”
คนหน้าหวานเอ่ยถามรุ่นพี่ด้วยความสงสัย
ก่อนที่คำตอบที่เขาได้รับนั้นจะทำให้ซองยอลรู้สึกชาไปทั้งตัว
“(งานแต่งของคิมมยองซู)”
ซองยอลไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของเขาหล่นไปอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่
เขารู้เพียงแค่ความรู้สึกปวดหนึบที่ใจมันชัดเจนขึ้นยามหวนคิดถึงคำพูดของชายหนุ่มรุ่นพี่
รวมไปถึงคำพูดที่ใครคนนั้นได้พูดกับเขาเอาไว้เมื่อคินนี้
คำพูดที่สื่อราวกับว่าคิมมยองซูกำลังหึงหวงเขา
หากแต่ในวันนี้ซองยอลกลับได้รับรู้ข่าวที่ทำให้เขาต้องตกตะลึง
คิมมยองซูกำลังจะแต่งงาน
ข่าวที่เขาควรจะต้องแสดงความดีใจให้กับเจ้าบ่าวที่เขาค่อนข้างจะสนิท
แต่เหตุไฉนซองยอลจึงรู้สึกเจ็บปวด
เป็นอีกครั้งที่ซองยอลทำได้เพียงตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไม...
เขาถึงรู้สึกเจ็บ
ทำไมอะ ทำไมมยองซูจะแต่งกับใครอะ นี่ขนาดยังไม่รู้ฉันจะดร่าม่าแล้วอะ แล้วที่บอกหึงหวงยอลคืออะไรห๊ะมยอง
ตอบลบตามไม่ทันจริงๆอะคิดไรอยู่อะ
ขอบคุณค่ะไรท์
เพิ่งอ่านตอน 6 มาหวานๆ เจอชื่อตอน 7 แอบไม่อยากอ่าน 5555555555555+
ตอบลบตอนแรกๆมันก็ยังหวานๆดี แต่ตอนท้าย...ทำไมๆๆๆ มยองซูแกจะแต่งงานกะใครรรรรรรรรรรรรรร ???????
มาทำให้ยอลหวั่นไหวแล้วจะมาทำงี้เด๋วไม่ให้กินปลาทูนะเฟ้ย!!!!!
หักมุมสุดๆเลยค่ะ จะแต่งกับใครอะ
ตอบลบเห้ย มยองจะแต่งงานกับใคร ทำไมมันกะทันหันกระชั้นชิดขนาดนั้น แล้วมายุ่งกะยอลทำไม แถมไม่บอกอะไรซักอย่าง
ตอบลบเป็นไงซองยอล ชัดหรือยัง ความรู้สึกที่มีให้มยองน่ะ ไม่งั้นทำไมต้องเจ็บ?