วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[FIC] Passionate: 7th ☆ Myungyeol

Passionate
7th - Hurt

Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - เฮิร์ตที่เป็นคำนามหนอ
- เกรดยังออกไม่ครบ แต่เรามั่นใจว่ามันจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะฉะนั้นลงฟิคซะเลย
- รวมเล่มฟิคกันไหม? รวมดีไหม ตอนนี้คนที่บอกให้รวมก็มีพอที่โรงพิมพ์กำหนดขั้นต่ำไว้ด้วยนะ
-  บอกแล้วไงว่าคุยกับเราได้ที่แท็ก #ฟิคพชน -^-







-passionate-







อีซองยอลยังคงนอนอยู่บนที่นอนนุ่มหลังจากที่ตื่นนอนมาในตอนเช้า ข้างกายเขามีร่างหนาของคิมมยองซูที่กอดเขาเอาไว้แน่นเสียจนซองยอลไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ทั้งๆที่เขาตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ คนหน้าหวานผ่อนลมหายใจออกมายาวๆด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนที่จะโขกหัวของตัวเองใส่หน้าอกของคนตรงหน้าซ้ำๆ


ใครใช้ให้กดหน้าของเขาไว้กับอกล่ะ


"หื้อ.." น้ำเสียงงัวเงียคล้ายคนกำลังจะตื่นนอนที่ติดจะหงุดหงิดอยู่ในทีหลังจากที่ซองยอลเอาหัวโขกแผ่นอกของคิมมยองซูอยู่หลายครั้ง "ไม่เอาน่าซองยอล ฉันยังไม่อยากตื่นนะ"


"แต่ฉันอยากลุกออกจากที่นอนแล้ว" เจ้าของห้องบอกกับคนที่โอบกอดตนเองเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิด


"ไม่เอา ไม่ให้ไป" มยองซูงอแง คนหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าลงกับซอกคอของซองยอล พร้อมกับสูดลมหายใจที่มีกลิ่นของซองยอลเข้าไปเสียเต็มปอด เจ้าของห้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความหน่ายใจ มือเรียวจับเข้าที่ท่อนแขนที่พาดอยู่บนเอวของตนเองจากนั้นจึงยกมันขึ้น แต่เจ้าของท่อนแขนกลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เมื่อมยองซูออกแรงกดแขนของตนเองจนมันกลับมาวางพาดอยู่ที่เอวของซองยอลตามเดิม


“มยองซู!” เสียงหวานที่ติดจะหงุดหงิดดังขึ้นเมื่อเจ้าของชื่อไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ ทั้งยังทำตรงกันข้ามแบบจงใจอีกต่างหาก


“ไม่เอา ไม่ให้ไป” มยองซูว่าพลางกอดซองยอลให้แน่นขึ้นไปอีก “อยากนอนกอดซองยอลแบบนี้”


“แต่ฉันต้องไปทำงาน”


“งานอะไร” คนหน้าหล่อปรือตาขึ้นมามองคนในอ้อมแขนเมื่อได้ยินคำว่างาน


“ที่บอกเมื่อวาน โซฟาเบดสำหรับ Wedding fair” นักออกแบบหน้าหวานถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของเช้านี้ ก่อนจะตอบคำถามของมยองซู แล้วถามซ้ำอีกที “แล้วจะปล่อยฉันได้หรือยังล่ะทีนี้”


“เฮ้อ ปล่อยก็ได้” มยองซูตอบพร้อมกับลุกขึ้นนั่งบนเตียงของซองยอล ใบหน้าหล่อเหลาที่มุ่ยเล็กน้อยเพราะถูกรบกวนเวลานอนมันน่าเอ็นดูไม่น้อยในสายตาของอีซองยอล จนเจ้าของห้องอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นไปนั่งหยิกแก้มที่ถูกเจ้าของมันพองออกมา รอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้าของซองยอลทำให้มยองซูรู้สึกราวกับตกอยู่ในมนตร์สะกด


ไม่บ่อยนักที่อีซองยอลจะยิ้มออกมาทั้งปากและตา


ไม่บ่อยนักที่อีซองยอลจะยิ้มออกมาอย่างสดใสแบบนี้


“รู้อะไรไหม” คิมมยองซูพูดขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นไปวางบนแก้มทั้งสองข้างของซองยอล “ฉันชอบเวลาที่นายยิ้มแบบนี้ที่สุดเลย”







- passionate –







นัมอูฮยอนนั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่โต๊ะทำงานประจำตำแหน่ง ถัดจากโต๊ะเขาไปก็เป็นจางดงอูที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาดูแอนิเมชั่นเรื่องโปรดของเจ้าตัวอย่างขะมักเขม้น ช่วงนี้ฝ่ายออกแบบค่อนข้างจะว่างงาน เนื่องจากทุกคนในแผนกเพิ่งจัดการส่งแบบสินค้าที่จะวางขายในไตรมาสที่สามของปีไปเมื่อสองวันก่อน และยังไม่มีมติใหม่จากที่ประชุมมาว่าเฟอร์นิเจอร์เซ็ตถัดไปจะต้องเป็นอย่างไร


ดังนั้น ฝ่ายออกแบบจึงว่างงาน


แต่อยู่ๆเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นจากด้านหน้าแผนกแล้วดังไล่มาเรื่อยๆจนอูฮยอนสามารถเห็นได้ว่าใครเป็นต้นเสียงนั้น


“โฮวอน? ซองยอล?” คนตัวเล็กเอ่ยทักสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา อีโฮวอน นักออกแบบมือดีอีกคนของแผนก กับอีซองยอลผู้เข้ามาใหม่และไม่ค่อยได้เข้ามาที่แผนกเท่าไร คนที่ในตอนแรกอูฮยอนไม่ค่อยชอบแต่สุดท้ายก็โดนจางดงอูคนดีไซโคจนต้องยอมรับซองยอลเป็นคนในแผนกไปโดยปริยาย


แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็เป็นเพราะฝีมือของซองยอลด้วยนั่นล่ะ


“คุณซองยอลบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษานาย” อีโฮวอนบอกจุดประสงค์ในการมาเยือนของอีซองยอลให้กับนัมอูฮยอนได้รับรู้โดยไม่รอให้หัวหน้าแผนกต้องเอ่ยถาม จากนั้นจึงยิ้มเผล่เมื่อถูกคนตัวเล็กมองอย่างดุๆ


“ปรึกษาเหรอ?” อูฮยอนเอ่ยถาม “เรื่องอะไรล่ะ”


“ฉันเพิ่งได้โปรเจ็คต์ใหม่มาจากพี่ซองกยู” ซองยอลทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะของอูฮยอนอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะหยิบกระดาษนับสิบแผ่นที่เจ้าตัววาดรูปโซฟาเบดเอาไว้คร่าวขึ้นมาวางบนโต๊ะของคนตัวเล็ก “โซฟาเบดสำหรับงาน Wedding fair ที่กำลังจะถึงนี้ ธีม...” ซองยอลเว้นระยะการพูดไปพักหนึ่ง “...ความรัก”


“มันก็เรื่องปกติของ Wedding fair นี่นา” คนตัวเล็กว่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซองยอลด้วยความงงงวย “แล้วนายติดขัดตรงไหนล่ะ”


“ตรงที่มันเป็นความรักไงครับหัวหน้า” อีโฮวอนเอ่ยแทรกขึ้นมาจนหัวหน้าต้องหันไปถลึงตาใส่เพื่อบอกให้เจ้าตัวเงียบเสียงไปเสีย


“ตามที่โฮวอนพูดนั่นแหละอูฮยอน” คนหน้าหวานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง ไม่มีไอเดียอะไรสักอย่าง” ก่อนที่เจ้าตัวจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันมันพวกไม่รู้จักความรัก”


“ฉันว่าอันนี้ก็โอเคแล้วนะ” นัมอูฮยอนหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งในปึกกระดาษที่ซองยอลยื่นให้ออกมา


โซฟาเบดที่มีพนักพิงเป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้


“อันนี้เหรอ?” ซองยอลทวนคำ ในหัวไพล่ไปคิดถึงคนที่แนะนำไอเดียนี้ให้กับเขา ก่อนที่หัวใจดวงน้อยจะกระตุกขึ้นมายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ใครคนนั้นอธิบายถึงความหมายของอินฟินิตี้ที่ว่าให้เขาฟัง


“ไม่มีที่สิ้นสุด ...ใช่ไหม” อูฮยอนพูดเปรยขึ้นมา ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำถาม ซองยอลจึงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบคำถามนั้น ใบหน้าของคิมมยองซูยามเอื้อนเอ่ยรวมไปถึงการกระทำหลังจากนั้นยังคงปรากฏอยู่ภายในสมองจนซองยอลนึกหงุดหงิดตัวเอง เขาไม่ชอบใจเท่าไรกับการที่คิมมยองซูมาโผล่อยู่ในห้วงความคิดของเขาเรื่อยๆเช่นนี้ มันบ่อยเสียจนผิดสังเกต ในขณะที่เรื่องภายในหัวกำลังตีกันไม่หยุด หูก็ฟังสิ่งที่นัมอูฮยอนกำลังพูดไปด้วย “ความหมายมันก็ดีแล้วนี่”


“มันก็ใช่” ซองยอลตอบรับ “แต่ถ้ามีแค่พนักพิงเป็นรูปอินฟินิตี้แล้วส่วนอื่นมันก็ไม่มีอะไรเลยนะ”


“แต่การทำพนักพิงให้เป็นอินฟินิตี้มันก็ไม่ง่ายนะซองยอล” อูฮยอนว่าพลางทำหน้าจริงจัง “เพราะส่วนที่จะยึดให้อยู่กับตัวที่นั่งมันมีน้อย และถ้าบริษัทเราทำได้มันก็เหมือนเป็นการบุกเบิกตลาดก่อนใครด้วย”


“แตฉันว่ามันเรียบง่ายเกินไปหรือเปล่า” คนหน้าหวานเอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้วจนเกือบจะเป็นปม


“ความจริงถ้าคุณซองยอลคิดว่ามันจะเรียบไปล่ะก็ ลองถามคุณมยองซูดูก็ได้นะครับว่าตลาดต้องการอะไรจากเฟอร์นิเจอร์ชนิดนี้บ้าง” โฮวอนที่เงียบไปสักพักแทรกขึ้นมา หากจะถามว่าซองยอลเห็นด้วยกับคำพูดของโฮวอนไหมก็คงต้องตอบว่าเห็นด้วย แต่...


คิมมยองซูอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ


“โดยทั่วไปโซฟาเบดที่เคยออกแบบกันเป็นยังไงเหรอ” อีซองยอลถามอูฮยอนอย่างตรงไปตรงมา


“ส่วนใหญ่โซฟาเบดโฮวอนเป็นคนออกแบบนะ โฮวอนน่าจะรู้ดีกว่าฉัน” คนตัวเล็กตอบคำถามนั้นพร้อมกับยิ้มแหยๆ ก่อนจะโยนไปให้โฮวอนเป็นคนตอบคำถามนี้


“ส่วนใหญ่โซฟาเบดของบริษัทเราจะเป็นแบบมีขาตั้งครับ” ไม่พูดเปล่า อีโฮวอนคว้ากระดาษที่อูฮยอนใช้วาดรูปเล่นก่อนหน้านี้มาร่างรูปให้ซองยอลดู “เพราะส่วนใหญ่เขาต้องการให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก แบบมีขามันจะตรงกับความต้องการมากกว่า ดีไซน์ของส่วนที่นั่งก็ไม่มีอะไรมากครับ เน้นที่วัสดุซะมากกว่า พนักพิงก็เหมือนกัน”


“งั้นก็แปลว่าโซฟาเบดจะคงคอนเซ็ปต์แบบเรียบๆ ไม่หวือหวามาตลอดเลยงั้นสินะ” คนตัวสูงเอ่ยทวน ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากอย่างใช้ความคิด


“ใช่ครับ” โฮวอนตอบรับ “ส่วนตัวผมว่าหากคุณซองยอลสนใจที่จะแหวกแนวล่ะก็ ทำลิ้นชักเก็บของเสริมเข้าไปก็ไม่แย่นะครับ ผมคิดว่าบริษัทคู่แข่งก็คงไม่คาดคิดว่าเราจะทำ”


“แต่ฉันเพิ่งจะออกแบบเตียงที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์คอนเซ็ปต์ของพวกนายที่จะวางขายในไตรมาสที่สามไปนะ มันจะดูซ้ำซากไปหรือเปล่า”


“ไม่หรอกมั้ง” อูฮยอนพูดขึ้น “ในยุคนี้คนส่วนใหญ่ก็ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ลองฉีกแนวให้แปลกไปมันก็ไม่แย่นะ”


“ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับว่าคุณซองยอลลองไปถามคุณมยองซูเรื่องความต้องการของลูกค้าอีกครั้งน่าจะดีนะครับ ผมคิดว่าถ้าลองถามคุณมยองซูน่าจะได้อะไรที่ตรงกับตลาดมากขึ้น” คำพูดของอีโฮวอนทำให้อีซองยอลอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมายาวๆด้วยความหนักใจ


“เดี๋ยวฉันจะลองดูแล้วกัน” คนหน้าหวานว่า “แต่เดี๋ยวออกไปทานข้าวด้วยกันหน่อยสิโฮวอน จะได้ปรึกษาเรื่องงานเพิ่มอีกหน่อย” เอ่ยบอกโฮวอนเสร็จแล้วก็เบือนหน้ามาหาอูฮยอน “ไปด้วยกันไหม”


“ไม่ล่ะ” หัวหน้าแผนกตัวเล็กปฏิเสธ “ฉันต้องเตรียมตัวไปประชุมน่ะ”


“งั้นเหรอ” ใบหน้าหวานฉายแววผิดหวังออกมาเล็กน้อย “แต่โฮวอนจะไปกับฉันใช่ไหม”


“ครับ” คำตอบรับดังจากเจ้าของชื่อ ทำให้ผู้เอ่ยคำชวนต้องยกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ


"งั้นไปกัน"







- passionate -







"ไปกินข้าวเฉยๆเหรอวันนี้" เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทันทีที่อีซองยอลเปิดประตูห้องเข้ามา ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาด้วยความหน่ายใจ "ฉันนึกว่าจะไปต่อกับอีโฮวอนอะไรนั่นซะอีก"


"ฉันคิดว่าฉันจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันนะ" คนหน้าหวานที่กำลังถอดรองเท้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าแฝงความไม่พอใจเอาไว้ไม่น้อย ดวงตากลมสีเฮเซลนัทจับจ้องไปยังใบหน้าหล่อเหลาของคิมมยองซูที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างไม่วางตา "แต่สิ่งที่ฉันสงสัยคือนายเข้าห้องฉันได้ยังไงตั้งสองครั้ง"


"ก็ไม่มีอะไรมาก" มยองซูยักไหล่ "ฉันก็แค่ขอคีย์การ์ดสำรองของนายจากพี่ซองกยูมา"


คำตอบที่ได้รับทำให้ซองยอลต้องถอนหายใจออกมายาวๆ คนหน้าหวานกลอกตาไปมาก่อนจะเดินสวนมยองซูเข้าไปภายในตัวห้อง จัดการเก็บกระเป๋าให้เข้าที่เข้าทางแล้วเตรียมตัวอาบน้ำโดยไม่ได้ให้ความสนใจกับอีกชีวิตหนึ่งที่ยืนอยู่ในห้องเดียวกันแม้แต่น้อย


"เป็นยังไงบ้างล่ะ ของเล่นชิ้นใหม่ พอจะใช้ได้ไหม" น้ำเสียงที่ติดจะประชดประชันทำให้เจ้าของห้องต้องหันไปมองคนพูดเสียตาขวาง


"ถ้าจะมาพูดจาประชดประชันฉันก็กลับห้องตัวเองไปซะ คิมมยองซู"


"ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกนายไปแล้ว อีซองยอล" มยองซูว่าพลางเดินเข้ามาประชิดตัวของซองยอล คนหน้าหล่อแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนจะยกแขนขึ้นมากั้นซองยอลไว้กับตู้ "ฉันกำลังหวงที่นายไปยุ่งกับคนอื่น และบางที..." เจ้าของวงแขนยื่นหน้าเข้ามาใกล้เสียจนซองยอลรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่ระอยู่ตรงแก้ม พร้อมกับกระซิบเสียงแผ่ว "...ฉันอาจจะต้องแสดงความเป็นเจ้าของกับนายเสียหน่อย"


ริมฝีปากอิ่มน้ำที่เตรียมจะอ้าออกเพื่อเถียงคนตรงหน้ากลับถูกปิดด้วยกลีบปากของใครอีกคนที่ทาบทับลงมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ซองยอลเบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงเพื่อคัดค้านอยู่ในลำคอ มือเรียวถูกกำและยกขึ้นมาทุบเข้าที่แผ่นอกของมยองซู แต่คนหน้าหล่อกลับตอบโต้เขาโดนการยึดข้อมือของเขาเอาไว้จนซองยอลไม่อาจตอบโต้อะไรได้ ปลายลิ้นร้อนที่รุกรานอยู่ภายในโพรงปากทำให้ดวงตากลมเริ่มปรือจวนจะปิด แต่ก็เป็นเวลาเดียวกับที่คิมมยองซูปล่อยเขาให้เป็นอิสระ


"นายไม่มีสิทธิ์มาหวง หรือแสดงความเป็นเจ้าของอะไรทั้งนั้น" คนหน้าหวานกัดฟันพูด พร้อมกับจ้องหน้าของอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้
มยองซูแสยะยิ้มก่อนจะโยนร่างของซองยอลลงบนโซฟาที่อยู่ด้านหลัง "ได้ไม่ได้ เดี๋ยวก็รู้"


ซอกคอหอมกรุ่นถูกคนหน้าหล่อกดจูบหนักๆเป็นระยะ ถึงแม้ซองยอลจะพยายามหดคอหนีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ใจมากกว่าเดิม แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลสักนิด เมื่อคิมมยองซูฝืนจนเขาจำต้องเปิดลำคอขาวให้อีกฝ่ายได้สัมผัสตามใจชอบ คนหน้าหวานยกมือขึ้นมาดันไหล่ของมยองซูเป็นการแสดงความขัดขืน หากแต่มยองซูกลับตอบโต้เขาโดยการจับข้อมือของเขาแล้วยึดไว้กับโซฟาจนซองยอลไม่อาจขยับได้


“ปล่อ-“ เสียงหวานที่เปล่งออกเพื่อทักท้วงกลับถูกดูดกลืนไปโดยริมฝีปากที่แนบประทับลงมา เมื่ออีกฝ่ายละริมฝีปากออกไปซองยอลจึงเริ่มพูดอีกครั้ง “จะเอาให้ได้ใช่ไหม”


“ก็ใช่ไง” มยองซูตอบกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่เจ้าตัวจะก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอของซองยอลอย่างหลงใหล ริมฝีปากอุ่นดูดดึงผิวเนื้อนุ่มจนเกิดรอยแดงช้ำขึ้นมา


“มยองซู!” ซองยอลร้องอย่างตื่นตระหนก “ไอ้บ้า อย่าทำรอยนะ!


“ไม่เอาน่าซองยอล” เจ้าของชื่อพูดพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมเสื้อของซองยอลออกทั้งแถบ “ก็บอกแล้วไงว่าจะแสดงความเป็นเจ้าของ”


“แต่ฉันไม่ว่าง! ปล่อยเลย!


“ทำไมล่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับนายมาหลายวันแล้วนะ!” คิมมยองซูโวยวายพร้อมกับทำหน้าบูดบึ้ง “อีกอย่างนายไม่ได้ทำตามคำขอของฉัน วันนี้นายไปกับอีโฮวอนมา”


“ฉันไปคุยกับโฮวอนเรื่องงาน และตอนนี้ฉันก็ต้องการจะทำงานต่อ” อีซองยอลจ้องหน้าของคนที่ทาบับอยู่ด้านบนเป็นเชิงบังคับว่าอีกฝ่ายต้องปล่อยเขาออกจากอ้อมแขนสักที


“โซฟาเบดนั่นน่ะเหรอ” หัวหน้าแผนก Production plan เอ่ยถามหลังจากที่เจ้าตัวผละตัวเองออกมา เมื่อเห็นว่าซองยอลที่ลุกขึ้นมานั่งแล้วพยักหน้าเป็นการตอบรับจึงพูดต่อ “คิดไม่ออกหรือว่ายังไง”


“วันนี้ฉันลองเอาแบบที่ร่างไว้ไปปรึกษาอูฮยอนมา และเขาก็เลือกแบบนี้” ซองยอลตอบพร้อมกับเดินไปหยิบกระดาษที่ร่างแบบเอาไว้มาโชว์ให้มยองซูดู


หัวใจของคนหน้าหล่อกระตุกโดยไม่ทันตั้งตัวเมื่อเห็นแบบในกระดาษ


“อินฟินิตี้?” เสียงแผ่วเบาดังลอดริมฝีปากสีสวยของมยองซู


“ใช่ ที่นายบอกฉัน” ซองยอลตอบกลับสั้นๆ


“นายก็ทำเสร็จแล้วนี่ แล้วติดขัดตรงไหนอีกล่ะ” หัวหน้าแผนกหนุ่มละสายตาออกจากแบบที่เห็น แล้วตั้งคำถามกับซองยอลแทน
“ตรงส่วนของที่นั่ง จะทำยังไงให้ต่างจากคนอื่น” ซองยอลพูดเรียบๆ “”โฮวอนเลยบอกให้ฉันมาปรึกษานาย”


“ปรึกษาฉันก็ต้องมีค่าตอบแทนให้ฉันนะ ซองยอล”รอยยิ้มที่เหนือกว่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมยองซู จนซองยอลนึกอยากจะเอาเล็บสั้นๆของตนเองไปข่วนอีกคนให้หมดหล่อเสียให้รู้แล้วรู้รอด


“ฉันจะยอมนายก็ได้ ถ้าเกิดว่างานของฉันเสร็จภายในคืนนี้” คนหน้าหวานพูดพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ


“อันดับแรกคือขนาดของตัวที่นั่ง อย่างน้อยต้องให้สองคนนอนคู่กันได้ถนัด” มยองซูพูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จนคนหน้าหวานหยิบดินสอกันกระดาษขึ้นมาร่างรูปตามแทบไม่ทัน “ต่อไปคือส่วนฐาน สมัยนี้คนส่วยใหญ่ต้องการสเปซมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าจะทำลิ้นชักด้านล่างก็ไม่เสียหายอะไร”


“มันจะซ้ำกับเตียงที่ฉันเพิ่งออกแบบไปหรือเปล่า” ซองยอลขัดขึ้น


“ไม่หรอก แต่ลูกค้าอาจจะมองไปอีกทางก็ได้คือสินค้าสองชิ้นนี้ออกมาคู่กัน” มยองซูตอบกลับมาก่อนที่เข้าตัวจะลุกหายไปพักหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าสองแก้ว ท่าทางที่เหมือนกับว่ามยองซูเป็นเจ้าของห้องนั้นทำให้ซองยอลอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกก็คือความแข็งแรง อย่างที่ฉันบอกไป มันจำเป็นต้องรองรับน้ำหนักของคนมากกว่าหนึ่งคนให้ได้ และแน่นอนว่าในทุกๆกิจกรรม”


“มันจะใช้อะไรกันนักเชียว โซฟาเบดเนี่ย” ซองยอลที่ยังไม่ได้ละสายตาออกจากกระดาษที่เจ้าตัวเริ่มร่างรูปของโซฟาเบดออกมาเป็นรูปเป็นร่างและมีความชัดเจนมากขึ้นเมื่อได้รับฟังความเห็นของมยองซู


“หลายอย่างอยู่นะ” คนหน้าหล่อพูดหลังจากวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะตรงหน้า “นอนพักเฉยๆ นอนเล่น หรือไม่ก็นอนดูหนัง แต่ถ้าเป็นฉัน...” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา “โซฟาเบดที่ฉันจะเลือกซื้อต้องรองรับน้ำหนักและแรงสั่นสะเทือนในเวลาที่ฉันมีเซ็กซ์ได้”


“ในหัวนายคิดแต่เรื่องพวกนี้หรือไง คิมมยองซู” เจ้าของห้องถามขึ้นในขณะที่ยังคงจรดปลายดินสอไว้กับกระดาษเพื่อเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของเจ้าแบบร่างโซฟาเบดที่ทำเขาเครียดมาหลายวัน


“ถ้าปกติล่ะก็ไม่ แต่พออยู่ใกล้ๆนายฉันก็เผลอคิดทุกที” เสียงกลั้วหัวเราะที่ตอบกลับมาทำให้ซองยอลต้องเหวี่ยงหมัดไปหาคนข้างกายอย่างอดรนทนไม่ไหว ก่อนที่คนหน้าหวานจะวางดินสอลงเมื่อแบบร่างของโซฟาเบดได้เสร็จสิ้นลงแล้ว อีซองยอลขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตว่าคิมมยองซูกำลังเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องน้ำ


“ออกไปเลยนะ!” ซองยอลร้องโวยวายเสียงดังด้วยความตกใจ “คิมมยองซู ฉันจะอาบน้ำ!


“ไม่เอาน่าคุณนักออกแบบ” มยองซูกระเซ้าซองยอลด้วยความเอ็นดู ร่างใหญ่สาวเท้าเข้าหาคนตัวสูงแต่กลับดูบอบบางจนกระทั่งแผ่นหลังของซองยอลแนบไปกับกำแพงห้องน้ำ “นายบอกฉันเองว่าถ้างานนายเสร็จ คืนนี้นายก็จะเสร็จฉันเหมือนกัน จะเบี้ยวกันหรือไง”


“ป-เปล่า!” คนตัวสูงร้องบอกเสียงดัง มือเรียวยกขึ้นมาเพื่อดันร่างของมยองซูให้ออกห่างจากตนเอง “แต่ตอนนี้ให้ฉันอาบน้ำก่อนสิ!


“มา เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำพร้อมนายก็แล้วกัน” รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเจ้าของมันกำลังมีความสุขอยู่กับการกลั่นแกล้งซองยอลนั้นฉายชัดอยู่บนใบหน้าของมยองซู คนหน้าหล่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของซองยอลออกจนกระทั่งคนหน้าหวานนั้นเปล่าเปลือย ก่อนที่เขาจะเริ่มจัดการเสื้อผ้าของตนเองบ้าง


น้ำอุ่นๆจากฝักบัวที่ถูกปรับอุณหภูมิด้วยเครื่องทำน้ำอุ่นรินลดลงบนผิวกายของทั้งสองคน พร้อมๆกับฝ่ามือของมยองซูที่เริ่มอยู่ไม่สุขโดยการแตะและลูบไล้ผิวกายของซองยอลอย่างหลงใหล ริมฝีปากร้อนจัดแนบลงบนผิวขาวเนียนอย่างลงไหล ก่อนจะไล่จูบไปเรื่อยๆ เสียงครางแผ่วผิวจากซองยอลที่ทำท่าเหมือนจะต่อต้านเป็นตัวกระตุ้นความต้องการของเขาให้มากขึ้นไปอีก


“ในห้องน้ำก็พอแทนกันได้นะซองยอลอา” มยองซูกระซิบที่ข้างหูของซองยอลเพื่อเย้าแหย่ พร้อมๆกับการสอดนิ้วรุกล้ำเข้าไปในเรือนกายของอีกคน “แล้วค่อยไปต่อกันที่เตียงนะครับ”







- passionate –







เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์แผดร้องดังลั่นจนเจ้าของเจ้าสมาร์ทโฟนเครื่องหรูต้องตื่นจากนิทราอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าหวานแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความไม่พอใจที่เจ้าตัวถูกปลุกขึ้นมาแต่เช้า อีซองยอลพลิกตัวไปอีกฝั่งของเตียงก่อนจะต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝั่งหนึ่งของเตียงที่ควรจะมีร่างของใครอีกคนอยู่กับว่างเปล่า หากแต่นาฬิกาบนฝาผนังที่บอกว่าเวลานี้เป็นเวลาทำงานแล้วนั้นทำให้ซองยอลรู้ได้ไม่ยากว่าคิมมยองซูได้ออกไปทำงานแล้ว


มือเรียวสวยควานหาโทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องจนดับไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อหาเจอจึงกดรับโดยไม่สนใจจะดูก่อนว่าปลายสายคือใคร เนื่องจากเขาพอจะรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่โทรมาก่อกวนเขาแต่หัววันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคิมซองกยู


“ฮะ พี่ซองกยู” น้ำเสียงงัวเงียของคนเพิ่งตื่นนอนถูกกรอกลงไปบังไมโครโฟนของสมาร์ทโฟนเพื่อให้ไปถึงปลายสาย


“(ตื่นหรือยังซองยอล)” เสียงถอนหายใจเบาๆจากปลายสายทำให้ซองยอลนึกตลกชายหนุ่มรุ่นพี่ของตนที่ทำตัวเหมือนคนแก่เข้าไปทุกทีไม่ได้


“แค่ได้ยินเสียงผมพี่ก็น่าจะรู้นะครับ” ตอบคำถามของปลายสายพร้อมกับซุกหน้าเข้ากับหมอนใบโตอย่างสุขใจ ความรู้สึกปวดที่สะโพกและความแสบร้อนที่บริเวณนั้นทำให้ซองยอลรู้สึกสุขใจมากกว่าหากเขาได้นอนหลับพักผ่อนร่างกายอันอ่อนล้าของตนเองอีกสักนิด


“(พี่จะโทรมาถามเราว่าเรามีสูทหรือเปล่า)”


“สูทเหรอครับ” ซองยอลทวนคำพร้อมกับยกศีรษะของตนเองขึ้นจากหมอน “ก็พอมีนะฮะ สำหรับงานอะไรล่ะ”


“(งานแต่ง)” ปลายสายตอบกลับมาสั้นๆ


“ผมมีแต่สูทสีดำครับ ว่าแต่งานแต่งของใครเหรอฮะพี่ซองกยู ผมถึงต้องไปร่วมงานด้วยนะ” คนหน้าหวานเอ่ยถามรุ่นพี่ด้วยความสงสัย ก่อนที่คำตอบที่เขาได้รับนั้นจะทำให้ซองยอลรู้สึกชาไปทั้งตัว


“(งานแต่งของคิมมยองซู)”


ซองยอลไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของเขาหล่นไปอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ เขารู้เพียงแค่ความรู้สึกปวดหนึบที่ใจมันชัดเจนขึ้นยามหวนคิดถึงคำพูดของชายหนุ่มรุ่นพี่ รวมไปถึงคำพูดที่ใครคนนั้นได้พูดกับเขาเอาไว้เมื่อคินนี้ คำพูดที่สื่อราวกับว่าคิมมยองซูกำลังหึงหวงเขา หากแต่ในวันนี้ซองยอลกลับได้รับรู้ข่าวที่ทำให้เขาต้องตกตะลึง


คิมมยองซูกำลังจะแต่งงาน


ข่าวที่เขาควรจะต้องแสดงความดีใจให้กับเจ้าบ่าวที่เขาค่อนข้างจะสนิท แต่เหตุไฉนซองยอลจึงรู้สึกเจ็บปวด


เป็นอีกครั้งที่ซองยอลทำได้เพียงตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไม...


เขาถึงรู้สึกเจ็บ



TBC.

4 ความคิดเห็น:

  1. ทำไมอะ ทำไมมยองซูจะแต่งกับใครอะ นี่ขนาดยังไม่รู้ฉันจะดร่าม่าแล้วอะ แล้วที่บอกหึงหวงยอลคืออะไรห๊ะมยอง
    ตามไม่ทันจริงๆอะคิดไรอยู่อะ
    ขอบคุณค่ะไรท์

    ตอบลบ
  2. เพิ่งอ่านตอน 6 มาหวานๆ เจอชื่อตอน 7 แอบไม่อยากอ่าน 5555555555555+
    ตอนแรกๆมันก็ยังหวานๆดี แต่ตอนท้าย...ทำไมๆๆๆ มยองซูแกจะแต่งงานกะใครรรรรรรรรรรรรรร ???????
    มาทำให้ยอลหวั่นไหวแล้วจะมาทำงี้เด๋วไม่ให้กินปลาทูนะเฟ้ย!!!!!

    ตอบลบ
  3. หักมุมสุดๆเลยค่ะ จะแต่งกับใครอะ

    ตอบลบ
  4. เห้ย มยองจะแต่งงานกับใคร ทำไมมันกะทันหันกระชั้นชิดขนาดนั้น แล้วมายุ่งกะยอลทำไม แถมไม่บอกอะไรซักอย่าง

    เป็นไงซองยอล ชัดหรือยัง ความรู้สึกที่มีให้มยองน่ะ ไม่งั้นทำไมต้องเจ็บ?

    ตอบลบ