วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

[FIC] Passionate: 9th ☆ Myungyeol

Passionate
9th - Claim

Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - จองฟิคกันเถอะนะ T^T นี่ๆ -> กดตรงนี้
- ควรเปลี่ยนชื่อฟิคเป็น paramour(ชู้รัก) ถถถถ
-  ไปสกรีมกันเต๊อะ ที่เดิมเลยโนะ #ฟิคพชน 








-passionate-









อีซองยอลเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพักของตนเองในตอนรุ่งสาง คนตัวสูงยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างที่ควรทำเลยแม้แต่นิดเดียว ความคิดและความรู้สึกมากมายกำลังตีกันมั่วไปหมดจนซองยอลไม่อาจจะข่มตาให้หลับได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเขียนโน๊ตไว้ให้กับยุนนาบีว่าเขาขอตัวกลับก่อน แล้วจึงเดินทางออกจากหอพักของเธอกลับมาที่คอนโดของตัวเอง


ซองยอลผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ ในขณะที่มือเรียวก็เปิดประตูตู้เย็นแล้วหยิบกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เขาแช่เอาไว้จนเย็นเฉียบขึ้นมาดื่ม


“สองวันก่อนไปกับซองจง ตอนเดินเข้างานของฉันนายก็จับมือถือแขนกับพี่ซองกยู ตอนอยู่ในงานก็หัวร่อต่อกระซิกกับอีโฮวอน แต่สุดท้ายก็หิ้วยุนนาบีกลับ” เสียงทุ้มที่ซองยอลไม่คิดว่าจะได้ยินในตอนนี้ดังขึ้นเบื้องหลัง จนคนตัวสูงต้องหันไปมองด้วยอารามตกใจ 

“ฉันคิดว่าฉันเคยบอกนายไปแล้วนะว่าฉันหวงนาย แต่ทำไมนายถึ-“


“นายมาทำอะไรตรงนี้” เจ้าของห้องเอ่ยขัดคิมมยองซูซึ่งอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ปราศจากเสื้อสูท “เวลานี้นายควรจะอยู่กับเจ้าสาวของนาย ไม่ใช่อยู่ที่ห้องของฉัน”


“รู้อะไรไหม ซองยอล” คิมมยองซูก้าวเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แสงอันน้อยนิดของพระอาทิตย์ที่เตรียมจะขึ้นสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง แต่กลับไม่ช่วยให้ซองยอลได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว “ฉันมารอนายที่นี่ตั้งแต่ฉันพาเจ้าสาวของฉันไปส่งที่ห้องเสร็จ” กระป๋องเบียร์ในมือถูกอีกฝ่ายดึงออกไป ก่อนที่อีซองยอลจะถูกคิมมยองซูดึงเข้าไปกอดเอาไว้ 


“ฉันรอนายมาทั้งคืน แต่นายก็เพิ่งกลับมา...”


“มยอ-“


“ฉันไม่ชอบเลยรู้ไหมที่นายไปกับเขา ไม่ชอบให้นายไปยุ่งกับใคร” ดวงหน้าหวานถูกคนพูดประคองเอาไว้ด้วยสองมือ “ฉันอยากเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัสนาย”


สัมผัสอ่อนนุ่มเกิดขึ้นที่ริมฝีปาก สัมผัสอันอ่อนโยนที่ทำให้ความรู้สึกภายในใจของอีซองยอลชัดเจนขึ้นจนเขาไม่อาจฝืนความต้องการของตนเองได้ ซองยอลจูบตอบสัมผัสนั้นพร้อมกับยกมือขึ้นคล้องที่ลำคอของมยองซู มือเล็กลูบไล้บริเวณไหล่กว้างของอีกฝ่ายไปในตัว


อาภรณ์ที่สวมติดกายถูกคิมมยองซูไล่ริดรอนทีละน้อย เมื่ออีกฝ่ายถอนจูบออกไปซองยอลจึงได้ลืมตาขึ้นมา ลูกแก้วสีน้ำตาลใสจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของมยองซูอย่างยั่วยวน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวแล้วเริ่มซุกไซ้ไล่เลียร่างกายของเขาอีกครั้ง ริมฝีปากที่เจ่อแดงเพราะถูกบดจูบซ้ำๆเผยอออกเพื่อเปล่งเสียงครางที่คิมมยองซูนึกชอบใจทุกครั้งที่ได้ยิน สัมผัสอันแสนเร่าร้อนทว่ากลับอ่อนโยนในความรู้สึกของซองยอลดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาสองคนหมดเรี่ยวแรง


ซองยอลทอดสายตามองคิมมยองซูที่นอนอยู่ข้างกายด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน หากแต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คงหนีไม่พ้นความรู้สึกที่เรียกว่ารัก


“ฉันรักนายนะ” กระซิบบอกคนหน้าหล่อด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่สุด ถึงแม้ซองยอลจะรู้ว่าคิมมยองซูได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วก็ตามที แต่คงจะไม่ดีนักหากคำสารภาพรักของเขาดังเข้าไปถึงหูของอีกคน


แต่อย่างน้อย เขาก็ได้บอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้ว







- passionate –







เวลาเดินผ่านไปช่วงหนึ่ง ซึ่งความสัมพันธ์ของอีซองยอลกับคิมมยองซูยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม หากแต่ซองยอลกลับสังเกตได้ว่าคิมยองซูนั้นใช้เวลาอยู่กับเขามากเกินไปจนดูเกินควร คนหน้าหวานจึงตัดสินใจที่จะเอ่ยถาม


“นายแต่งงานมาได้เกือบเดือนแล้วนะ แต่มาอยู่กับฉันแทบจะตลอดเวลาแบบนี้ เขาไม่ว่าอะไรหรือไง” มือเรียวสวยยื่นแก้วกาแฟให้กับคิมมยองซูที่อยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยแล้ว สามสัปดาห์ที่ผ่านมาหากจะบอกว่าคิมมยองซูขนข้าวขนของมาอยู่กับซองยอลก็คงจะไม่แปลกเท่าไรนัก


คนตัวสูงเองก็เพิ่งสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อเสื้อผ้าที่เขาต้องซักมีมากขึ้น และพื้นที่ว่างในตู้เสื้อผ้าของเขากลับถูกเติมเต็มด้วยเสื้อผ้าของคิมมยองซู อีกทั้งทุกเช้าที่ตื่นมาซองยอลยังมีหน้าที่ต้องชงกาแฟเพิ่มมากกว่าเดิมหนึ่งแก้วอีกต่างหาก


“อึนฮเยไม่ว่าหรอกน่า” คนหน้าหล่อยื่นมือมารับแก้วกาแฟไปจิบอย่างสบายอารมณ์ “ฉันบอกเขาแล้วว่าฉันมาอยู่กับนาย”


“จะบ้าเหรอ!” ซองยอลร้องโวยวายออกมาเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก ต่างจากคิมมยองซูที่หัวเราะให้กับท่าทางของเขาไม่หยุด จนคนหน้าหวานต้องยื่นมือไปหยิกบนต้นแขนแน่นๆของอีกฝ่าย


“ฉันบอกเขาว่างานเยอะ อีกอย่างถ้าฉันไม่มาช่วยควบคุม งานนายจะไม่เสร็จ” มยองซูพูดพลางมองตามซองยอลที่กำลังวุ่นวายกับการแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อเข้าไปประชุมที่บริษัทในวันนี้ “ฉันไม่ได้บอกเขาหรอกนะว่านายทำให้ฉันมีความสุขสุดๆไปเลยน่ะ”


“ถ้านายไม่หยุดพูดถึงเรื่องพรรค์นั้นก็ไสหัวออกจากห้องฉันไปซะ คิมมยองซู”


“อะไรกัน เมื่อคืนเรายังมีความสุขกันอยู่เลยนะ วันนี้นายจะไล่ฉันไปเลยเหรอ ใจร้ายเกินไปหรือเปล่าอีซองยอล” คนหน้าหล่อพูดหยอกล้ออีกหนึ่งชีวิตในห้องอย่างนึกสนุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ซองยอลหันมามองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองนั้น มันยิ่งทำให้ซองยอลดูน่ารักขึ้นมามากกว่าเดิม “ฉันอุตส่าห์ทำหน้าที่ของเล่นที่ดีของนายเลยนะ”


“คิมมยองซู” อีซองยอลกัดฟันเรียกชื่ออีกคน ทำให้มยองซูยอมยกสองมือขึ้นมาระดับหู


“ครับๆ ไม่แกล้งแล้วครับ” หัวหน้าแผนก Production plan พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างมาให้ซองยอล จนคนหน้าหวานเผลอคิดขึ้นมาไม่ได้ ว่าถ้าหากในวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องจบลง รอยยิ้มแบบนี้ก็จะหายไปด้วยใช่หรือเปล่า


และถ้าเป็นแบบนั้น ซองยอลควรทำเช่นไร


“นายจะออกไปบริษัทพร้อมกับฉันเลยไหมซองยอล” มยองซูเอ่ยถามคนหน้าหวานที่กำลังเหม่อ ซึ่งเจ้าของชื่อก็สะดุ้งก่อนจะส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ


“ไม่ล่ะ นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถไปเอง” ซองยอลว่าพลางผูกเนคไทให้เรียบร้อย “ฉันไม่อยากเป็นที่สังเกต”


“งั้นเจอกันที่ห้องประชุมนะ” คนหน้าหล่อพูดพร้อมกับเดินเข้ามากดจูบลงบนกลีบปากเนียนนุ่มของซองยอลหนักๆหนึ่งที


“อือ”







- passionate –







“จากการวางขายสินค้าในไตรมาสที่สามเราก็ได้เห็นกันแล้วนะว่ามันประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง” ท่านประธานบริษัท  KSG พูดขึ้นท่ามกลางที่ประชุม “ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงต้นไตรมาสที่สามก็จริง แต่อย่าลืมว่าในไตรมาสหน้าเราก็ต้องส่งสินค้าออกสู่ตลาดอยู่ดี”


“ขออนุญาตถามนะครับ” ซองยอลยกมือขึ้นเป็นการขออนุญาต เมื่อเห็นว่าซองกยูพยักหน้าให้ตนพูดได้แล้ว คนหน้าหวานจึงเริ่มพูดในสิ่งที่ตนเองกำลังสงสัย “ผมอยากทราบเรื่องยอดขายน่ะครับ ว่าอยู่ในระดับไหน”


“ถ้าเป็นสินค้าปกติที่ส่งออกสู่ตลาด ยอดขายถือว่าทำได้ดีกว่าในไตรมาสที่แล้วประมาณ 15% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง” ซองกยูพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม “ส่วนสินค้าลิมิเต็ดที่เราผลิตเพียง 100 ชิ้นนั้นถูกขายออกไปจนหมดตั้งแต่สัปดาห์แรก”


เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องประชุมทันทีที่ท่านประธานยังหนุ่มกล่าวจบ ตัวเลขที่เพิ่งได้รับรู้จากท่านประธานบริษัทนั้นถือว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเยอะมาก นั้นหมายความว่าในตอนนี้บริษัท KSG มีส่วนแบ่งของตลาดมากกว่าเก่าขึ้นมาหลายเปอร์เซ็นต์ แต่ท้ายที่สุดแล้วเสียงพูดคุยด้วยความตื่นเต้นก็เงียบไปเมื่อซองกยูตบมือสองสามครั้ง


“ที่ผมเรียกพวกคุณมาประชุมในวันนี้ก็เพื่อแจกแจงรายละเอียดของสินค้าที่เราจะวางขายในไตรมาสที่สี่”


“คอนเซ็ปต์คืออะไรเหรอครับ ท่านประธาน” นัมอูฮยอนหัวหน้าแผนก Production design เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น ซองกยูยกยิ้มมให้กับการตอบรับที่ดีของนัมอูฮยอนเล็กน้อย


“ในเรื่องนี้ผมจะให้มยองซูเป็นคนบอกทุกคนเอง”


“สำหรับคอนเซ็ปต์ของเฟอร์นิเจอร์ที่จะวางขายในไตรมาสที่สี่ ทางแผนกของเราได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้วครับว่าจะให้มันอยู่ในคอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า Precious time” คิมมยองซูลุกขึ้นพูด


Precious time?” ซองยอลส่งเสียงทวนคำพูดที่ได้ยินอย่างนึกสงสัย


“ใช่ครับ คุณซองยอล” มยองซูตอบรับด้วยคำพูดที่ทำเอาซองยอลนึกอยากจะหัวเราะออกมาดังๆกลางห้องประขุมให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย “คอนเซ็ปต์นี้ทางเราจะให้ฝ่ายออกแบบไปตีความหมายตามสะดวกเลยครับ เพียงแต่เราจะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยเกี่ยวกับความต้องการของตลาดให้พวกคุณ”


“แต่ว่าคอนเซ็ปต์นี้มันไม่ดูกว้างไปหน่อยเหรอครับ” อูฮยอนท้วงขึ้นมา


“ใช่ครับ ทางฝ่ายเราถึงจำเป็นต้องรบกวนให้ฝ่ายออกแบบตัดสินใจว่าจะเลือกช่วงไหนของชีวิตให้เป็นช่วงที่ดีที่สุด” มยองซูกดยิ้มที่มุมปากไปด้วยในขณะที่ตอบคำถามของอูฮยอน “สิ่งที่ผมจะแนะนำให้พวกคุณได้ก็คงจะมีเพียง ‘People will be happy when they’re with someone they love’ เท่านั้นนะครับ”


“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเสมอไปนี่ครับ คุณมยองซู” ซองยอลเป็นฝ่ายท้วงหัวหน้าแผนกวางแผนดูบ้าง


“เพราะเรามีความสุข เราถึงคิดว่ามันดีไงครับคุณซองยอล” รอยยิ้มละมุนละไมถูกจุดขึ้นบนใบหน้าของมยองซู จนซองยอลต้องเบือนหน้าหนีสายตาและใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของอีกฝ่าย “เพราะแค่ได้ใช้เวลากับคนที่รัก ทุกวินาทีก็คือเวลาที่ดีที่สุด นั่นล่ะครับ ธรรมชาติของมนุษย์”







- passionate –







“ให้ตายเถอะ” คนหน้าหวานสบถออกมาเมื่อทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ของนัมอูฮยอนผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบ ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มบ่นเกี่ยวกับการประชุมที่เพิ่งจบไป “มันเป็นคำแนะนำที่ดูไม่ช่วยอะไรเลยนะ!


“ปกติทางฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ไม่เคยคิดคอนเซ็ปต์ที่กว้างขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ทำเอาพี่ตกใจเลยล่ะ” ดงอูพูดขึ้นบ้าง ในขณะที่หัวหน้าฝ่ายอย่างนัมอูฮยอนยังคงยืนอ่านเอกสารที่ได้มาจากการประชุมอยู่โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา


“แบบนี้เราก็ต้องเรียกประชุมฝ่ายเพื่อตีโจทย์นี้น่ะสิครับ ใช่ไหมหัวหน้า” อีโฮวอนพูดก่อนจะปิดท้ายด้วยคำถาม ซึ่งคำตอบที่ได้รับจากหัวหน้าตัวเล็กก็มีเพียงการพยักหน้าเท่านั้น


“อย่าเพิ่งคิดเลย ไปทานข้าวกันเถอะ” ซองยอลที่เริ่มสนิทใจกับคนในฝ่ายออกแบบมากขึ้นพูดแทรกขึ้นมา ใบหน้าหวานฉายแววออดอ้อนจนคนในบทสนทนาทุกคนต้องใจอ่อน อีกทั้งมือเรียวสวยยังถูกเจ้าของยื่นออกไปดึงมือเล็กของอูฮยอนมาเขย่าไปมาเป็นการออดอ้อนซ้ำอีกต่างหาก


“อ้อนขนาดนี้ใครไม่ใจอ่อนก็บ้าแล้ว อีซองยอล” นัมอูฮยอนหันมาพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ก่อนที่คนตัวเล็กจะออกแรงดึงคนตัวสูงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนเองให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินจูงมือพูดหยอกล้อกันไปมาตลอดทาง ในขณะที่อีโฮวอนและจางดงอูทำได้เพียงเดินตามหลังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มให้กับท่าทางราวกับเด็กน้อยของทั้งสองคนที่ในตอนแรกไม่ถูกกัน


ร้านอาหารด้านหน้าบริษัทที่พนักงานมักจะไปทานอาหารกันถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุด พวกเขาเดินไปพูดคุยกันไปโดยที่ซองยอลกับอูฮยอนก็ยังคงจูงมือกันเดินท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างสงสัยของคนอื่น ทั้งสี่คนพากันสั่งอาหารแล้วพูดคุยกันอย่างครื้นเครงจนกระทั่งการทานอาหารจบลง พวกเขาเดินกลับเข้าบริษัท แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงแผนกก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน


“ซองยอล” เสียงทุ้มที่ซองยอลคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมองพร้อมกับยกยิ้มให้คนที่เรียกชื่อเขา ทั้งๆที่ภายในใจกำลังรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่งแทงอยู่เป็นร้อยเป็นพันเล่ม


“มีอะไรหรือเปล่ามยองซู” ซองยอลตอบรับ ในขณะที่มือบางก็กระชับมือที่กุมกับอูฮยอนให้แน่นไปอีก หัวหน้าแผนกตัวเล็กจึงเงยหน้าขึ้นมองซองยอลอย่างนึกเป็นห่วงพร้อมกับบีบมือของอีกฝ่ายเป็นการให้กำลังใจ


“พอดีอึนฮเย ภรรยาของฉันเขาอยากรู้จักนายน่ะ” ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบือนสายตาไปมองหญิงสาวที่มีท่าทางน่าทะนุถนอมที่ยืนอยู่เคียงข้างของมยองซู ก่อนที่ซองยอลจะจุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าแล้วก้มศีรษะให้กับหญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อย


“สวัสดีครับ คุณอึนฮเย”


“สวัสดีค่ะ คุณซองยอล” เสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้น ใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ขับให้เธอดูสวยหวานมากกว่าที่เป็นอยู่ จนซองยอลอดที่จะคิดชื่นชมอีกฝ่ายอยู่ในใจไม่ได้ว่าเธอช่างเหมาะสมกับคิมมยองซูเสียเหลือเกิน “ช่วงนี้เห็นว่าคุณมยองซูไปรบกวนคุณซองยอลตลอด ต้องขอโทษและขอบคุณมากนะคะ”


“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ” ซองยอลว่า “ยังไงผมกับมยองซูก็ต้องร่วมงานกันตลอดอยู่แล้ว”


“ไม่ทราบว่าคุณซองยอลทานอาหารกลางวันหรือคะ ไปทานด้วยกันไหม”


“ไม่ดีกว่าครับ” ชายหนุ่มปฏิเสธทันควัน ดวงตาสีเฮเซลนัทเสหลบดวงตาคมที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ “พอดีผมกับอูฮยอนต้องไปทำงานกันต่อน่ะ เนอะอูฮยอนเนอะ”


“อ-เอ่อ ใช่ครับ เราต้องไปประชุมกันต่อน่ะ” คนตัวเล็กรับบทอย่างงุนงง ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างบอกลากันแล้วแยกย้ายกันไป ในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปถึงแผนก ซองยอลกลับดึงมือของอูฮยอนให้ออกมานอกเส้นทางแล้วบอกให้โฮวอนกับดงอูเดินกลับไปก่อน


“ซ-ซองยอล” อูฮยอนเอ่ยเรียกด้วยความตกใจ เมื่อคนตัวสูงลากเขาให้เดินตามเข้ามาที่บันไดหนีไฟแล้วกอดอูฮยอนเอาไว้เสียแน่น


“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ” เสียงที่ได้ยินทำให้อูฮยอนใจอ่อนวาบ มือเล็กยกขึ้นลูบแผ่นหลังที่สั่นน้อยๆของซองยอลอย่างปลอบประโลม ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ในบริเวณที่ซองยอลซบอยู่


ร้องไห้สินะ


“ร้องออกมาให้พอนะซองยอล” อูฮยอนกระซิบ “ฉันจะอยู่ตรงนี้กับนายเอง”






- passionate –







อีซองยอลยืนจิบกาแฟอยู่ที่ระเบียงห้องพักของตัวเอง ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องไปยังแสงไฟจากด้านล่างอย่างเหม่อลอย เรื่องราวมากมายกำลังตีรวนกันอยู่ในหัวของเขาเสียจนซองยอลไม่รู้ว่าจะหาคำตอบเมื่อไร ความหนักใจ ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดของเขามันมีอยู่เต็มหัวใจไปหมด หากแต่ความเห็นแก่ตัวที่มีกลับบอกให้เขาเดินหน้าอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกไม่ควรนี้ต่อไป


คนหน้าหวานหันหลังไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆเมื่อเห็นว่าในตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนเสียแล้ว แต่ซองยอลกลับยังไม่เห็นคิมมยองซูแม้แต่เงา อีกฝ่ายคงจะอยู่กับภรรยาของตัวเองกระมัง แล้วเขาจะไปเรียกร้องอะไรได้ล่ะ


“อูฮยอน นอนหรือยัง” ซองยอลตัดสินใจต่อสายหานัมอูฮยอน หัวหน้าแผนกตัวเล็กที่ในวันนี้เขาตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขาให้อีกฝ่ายได้รับฟัง อูฮยอนไม่ได้ต่อว่าในการกระทำที่ไม่ถูกของเขา แต่อีกฝ่ายกลับปลอบประโลมเขาจนรู้สึกดีขึ้นมา


“(ยัง)” ปลายสายตอบกลับมา “(ยังรู้สึกแย่อยู่อีกเหรอ)”


“เปล่าหรอก” ซองยอลปฏิเสธ “ฉันแค่รู้สึกเบื่อๆ เลยโทรหานายน่ะ”


“(อืม...)” อูฮยอนลากเสียงยาวคล้ายกับกำลังใช้ความคิด “(งั้นคุยกันไปเรื่อยเนอะ)”


ซองยอลตอบตกลงไปกับคำชวนของอูฮยอน ทั้งๆที่ความจริงแล้วคนที่พูดซะส่วนใหญ่คือนัมอูฮยอนที่หยิบยกเรื่องนู้นเรื่องนี้มาพูดไปเรื่อยเปื่อยจนซองยอลรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเก่า ใบหน้าหวานถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มเมื่อปลายสายเล่าเรื่องน่าตลกของตนเองให้ซองยอลฟัง สร้างทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับซองยอลได้ไม่หยุด จนเขาไม่ได้สังเกตหรือรู้สึกตัวเลยว่าในตอนนี้ ภายในห้องของเขาไม่ได้มีเพียงเขาอีกต่อไป


ไหล่ลาดเนียนที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกว้างถูกริมฝีปากร้อนกดสัมผัสลงมาหนักจนซองยอลต้องหันไปให้ความสนใจ และเมื่อคนตัวสูงเบือนหน้าไปมองผู้บุกรุก ริมฝีปากนุ่มก็ประทับลงมาโดยที่ซองยอลไม่อาจร้องห้ามได้ทัน มือบางถูกยกขึ้นมาดันใบหน้าของคนที่มาใหม่ให้ออกห่าง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเพื่อกรอกเสียงบอกปลายสายว่าเขาไม่สามารถคุยกับอีกฝ่ายได้อีกแล้วในคืนนี้ อูฮยอนดูงุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อและยอมวางสายไปแต่โดยดี


“มาหาฉัน มีอะไรหรือเปล่า” ซองยอลเอ่ยถามคนหน้าหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางเบือนหน้าเพื่อหลบตาของมยองซูที่กำลังมองมาอย่างคาดคั้น คนหน้าหวานได้แต่ถามตัวเองในใจว่าอีกฝ่ายคิดจะคาดคั้นเอาอะไรจากเขากัน


“วันนี้นายทำให้ฉันไม่พอใจมากนะซองยอล” คิมมยองซูพูดขึ้นเรียบๆด้วยประโยคที่ทำให้ซองยอลต้องเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจที่ระคนความไม่พอใจอยู่เต็มเปี่ยม


ซองยอลไม่พอใจที่มยองซูมักจะทำตัวคล้ายหึงหวงเขาเสมอ


“ฉันไปทำอะไรให้นาย” คนตัวสูงโต้กลับไปอย่างไม่นึกยอมแพ้ บางทีเขาควรจะย้ำให้มยองซูรับรู้มากกว่าเดิมเสียแล้วว่าข้อตกลงระหว่างเรามันไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก ซองยอลไม่ควรปล่อยคิมมยองซูเล่นกับความรู้สึกของเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว


“จับมือถือแขนกับนัมอูฮยอน แถมเมื่อกี้ก็ยังคุยโทรศัพท์กับอูฮยอน” มยองซูพูดพลางแสยะยิ้ม “มีแค่ฉันคนเดียวไม่ได้จริงๆใช่ไหมซองยอล”


“เผื่อนายจะลืมมันไปนะคิมมยองซู” อีซองยอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูด “ข้อตกลงระหว่างเรามีเพียงแค่เซ็กซ์ ไม่มีการหึงหวงหรือไม่พอใจหรืออะไรก็ตามแต่ และในตอนนี้นายกำลังล้ำเส้น ไม่สิ นายล้ำเส้นมานานแล้ว”


“แต่นายก็ยอมไม่ใช่หรือไง” อีกฝ่ายตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้


“ฉันไม่เคยตอบรับสิ่งที่นายร้องขอสักครั้ง ถ้านายจำได้” ซองยอลว่าพลางจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะยอมแพ้


“เพราะเขาใช่ไหม นายถึงเปลี่ยนไป” คิมมยองซูเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่แสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูหวาดหวั่นถ้าหากซองยอลอ่านมันไม่ผิด


“มันไม่ใช่เพราะอูฮยอน” ซองยอลตอบอีกฝ่ายในทันที “ถ้าถามว่าเพราะใครฉันก็คงตอบได้เพียงแค่ เพราะนาย”


“ฉัน?”


“ใช่” ใบหน้างุนงงของมยองซูเป็นสาเหตุที่ทำให้ซองยอลต้องพูดต่อ “นายแต่งงานแล้วนะมยองซู นายควรจะนึกถึงจิตใจของเมียนายให้มากกว่านี้”


“เมียของฉันก็คือนายไงซองยอล” คนหน้าหล่อโต้กลับมาอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่ติดจะใส่อารมณ์ไม่น้อย


“อย่าพูดแบบนั้น!” ซองยอลตวาดด้วยความไม่พอใจ เขาโกรธที่อีกคนพูดแบบนั้น มยองซูควรจะให้ความสนใจกับอึนฮเยมากกว่านี้ อีกฝ่ายไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังทำผิดแบบไม่น่าให้อภัยเช่นนี้อีก “วันนี้นายกลับไปเถอะ ฉันขอร้องล่ะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”


เมื่อพูดจบ คนตัวสูงก็เดินหนีเข้าไปภายในห้องนอนแล้วล็อกประตูห้องนอนของตนเองอย่างแน่นหนาหยาดน้ำใสไร้สีเม็ดโตรินไหลโดยที่เจ้าของมันมิอาจต้านทาน ร่างสูงโปร่งทรุดลงกับพื้นคล้ายคนอ่อนแรง กลีบปากนุ่มถูกเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่อาจจะเล็ดรอดออกไปให้คนด้านนนอกได้ยิน


ซองยอลรู้ตัวว่าเขากำลังอ่อนแอ และสาเหตุที่ทำให้เขาอ่อนแอก็คือคิมมยองซู หลายครั้งที่คนตัวสูงคิดอยากจะขอล้มเลิกข้อตกลงระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไปเสีย แต่ทว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนของมยองซูและหัวใจไม่รักดีของเขากลับทำให้เขาต้องเดินหน้าต่อไปในความสัมพันธ์เช่นนี้ ทั้งๆที่เขารู้สึกผิดต่อคิมอึนฮเย ภรรยาของคิมมยองซูอย่างสุดหัวใจ แต่จะให้ซองยอลทำเช่นไร ในเมื่อหัวใจเขามันเรียกร้องอย่างคนเห็นแก่ตัวว่าขอให้เขาได้ใช้เวลาร่วมกับมยองซูให้มากกว่านี้


ซองยอลเป็นคนไม่ดีจริงๆ


เป็นคนไม่ดีที่แย่งของของคนอื่นมาครอบครองเอาไว้หน้าตาเฉย







- passionate –







เสียงกริ่งที่หน้าประตูห้องพักของเขาดังขึ้นในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง หลังจากที่ซองยอลไม่ได้ออกไปทำงานที่บริษัทมาเป็นเวลาสามวัน ชายหนุ่มไม่ได้ออกไปไหนเลย เขาขังตัวเองไว้ในห้อง แม้กระทั่งคิมมยองซูที่เพียรพยายามมาหาเขาซองยอลก็ไม่ได้พบ ฉะนั้นคนหน้าหวานจึงรู้สึกตกใจกับผู้มาเยือนในคราวนี้ไม่น้อย


ซองยอลส่องมองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกผ่านทางตาแมว ก่อนที่หัวใจด้วยน้อยจะรู้สึกราวกับโดนน้ำเย็นสาดใส่ เมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องของเขาคือคิมอึนฮเย ภรรยาของคิมมยองซู


“คุณอึนฮเย สวัสดีครับ” ซองยอลเปิดประตูออกก่อนจะเอ่ยทักหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มจางๆที่เขาพยายามปั้นแต่งมันขึ้นมา “เชิญข้างในก่อนครับ”


“ไม่เป็นอะไรค่ะ ดิฉันมาเดี๋ยวเดียวก็จะไปแล้ว” เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ซองยอลอ้าปากเตรียมจะถามถึงเรื่องที่ทำให้เธอมาพบเขาในวันนี้ หากแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับพูดแทรกขึ้นมาได้อย่างทันท่วงที “คุณซองยอล ดิฉันทราบมาว่าคุณสนิทกับคุณมยองซูในระดับหนึ่ง ช่วยพูดให้คุณมยองซูกลับบ้านบ้างได้ไหมคะ”


ใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวตรงหน้านั้นซีดเผือดทว่าดวงตากลับแดงก่ำราวกับคนที่พร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา


“ดิฉันคิดว่าคุณมยองซูอาจจะมีคนอื่น” หัวใจของชายหนุ่มชาวาบด้วยความหวาดกลัว “รบกวนคุณซองยอลช่วยพูดกับคุณมยองซูและคนคนนั้นของเขาได้ไหมคะ ว่าให้จบความสัมพันธ์แบบนั้นกันเสียที ดิฉันเจ็บปวดจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วค่ะ”


“คุณอึนฮเย” ซองยอลทอดเสียงเรียกหญิงสาวตรงหน้า “คุณมีอะไรที่อยากจะบอกคนคนนั้นของมยองซูไหมล่ะครับ ถ้ามีโอกาสผมจะได้บอกเขาให้”


“ดิฉันอยากจะฝากคุณไปบอกเขาว่า...” น้ำเสียงที่แสนเจ็บปวดนั้นหยุดไปชั่วครู่ “ได้โปรดเดินออกไปจากชีวิตคู่ของดิฉันกับคุณมยองซูทีเถอะค่ะ”


รอยยิ้มบางเบาผุดขึ้นบนใบหน้าของซองยอล ชายหนุ่มยื่นมือออกไปกุมมือของหญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ซองยอลจะเปิดปากออกเพื่อพูดสิ่งที่หญิงสาวต้องการฟัง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทำร้ายตนเองก็ตามที



“ได้ครับ ผมจะบอกเขาให้”



TBC.

2 ความคิดเห็น:

  1. เค้าลืมเมนท์เหรอตอนนี้
    คือแบบ สงสัยเคือง
    โกรธ หมั่นไส้ ชิส์
    น้องขนุนทำพี่จินตนาการนะ
    ว่าอึนฮเยรู้ว่าเป็นยอลอยู่แล้ว
    ยังมาทำแบบนี้ ชิส์
    จะคอยดู ถ้ายอลไม่อยู่ นุ้งแอลจะแลเธอไหม
    หึหึ ป้องปากหัวเราะ แล้วจิรอสมน้ำหน้านะจ๊ะ

    ตอบลบ
  2. จริงๆก็อยากถามมยอง ว่าเลิกได้ไม๊
    ถ้าไม่ได้รักแล้วแต่งทำไม
    นางเคยเป็นแฟนมยองก่นแต่งไม๊ก็อาจจะไม่ด้วยซ้ำ
    แล้วทำไมต้องยอม ในเมื่อมยองกับยอลรักกัน

    ถึงยอลไปก็ใช่ว่ามยองจะรักหล่อนนะยะ

    ตอบลบ