9th - Claim
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - จองฟิคกันเถอะนะ T^T นี่ๆ -> กดตรงนี้
- ควรเปลี่ยนชื่อฟิคเป็น paramour(ชู้รัก) ถถถถ
- ไปสกรีมกันเต๊อะ ที่เดิมเลยโนะ #ฟิคพชน
- ควรเปลี่ยนชื่อฟิคเป็น paramour(ชู้รัก) ถถถถ
- ไปสกรีมกันเต๊อะ ที่เดิมเลยโนะ #ฟิคพชน
-passionate-
อีซองยอลเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพักของตนเองในตอนรุ่งสาง
คนตัวสูงยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างที่ควรทำเลยแม้แต่นิดเดียว
ความคิดและความรู้สึกมากมายกำลังตีกันมั่วไปหมดจนซองยอลไม่อาจจะข่มตาให้หลับได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเขียนโน๊ตไว้ให้กับยุนนาบีว่าเขาขอตัวกลับก่อน
แล้วจึงเดินทางออกจากหอพักของเธอกลับมาที่คอนโดของตัวเอง
ซองยอลผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ
ในขณะที่มือเรียวก็เปิดประตูตู้เย็นแล้วหยิบกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เขาแช่เอาไว้จนเย็นเฉียบขึ้นมาดื่ม
“สองวันก่อนไปกับซองจง
ตอนเดินเข้างานของฉันนายก็จับมือถือแขนกับพี่ซองกยู
ตอนอยู่ในงานก็หัวร่อต่อกระซิกกับอีโฮวอน แต่สุดท้ายก็หิ้วยุนนาบีกลับ”
เสียงทุ้มที่ซองยอลไม่คิดว่าจะได้ยินในตอนนี้ดังขึ้นเบื้องหลัง
จนคนตัวสูงต้องหันไปมองด้วยอารามตกใจ
“ฉันคิดว่าฉันเคยบอกนายไปแล้วนะว่าฉันหวงนาย
แต่ทำไมนายถึ-“
“นายมาทำอะไรตรงนี้”
เจ้าของห้องเอ่ยขัดคิมมยองซูซึ่งอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ปราศจากเสื้อสูท
“เวลานี้นายควรจะอยู่กับเจ้าสาวของนาย ไม่ใช่อยู่ที่ห้องของฉัน”
“รู้อะไรไหม
ซองยอล” คิมมยองซูก้าวเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แสงอันน้อยนิดของพระอาทิตย์ที่เตรียมจะขึ้นสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง
แต่กลับไม่ช่วยให้ซองยอลได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันมารอนายที่นี่ตั้งแต่ฉันพาเจ้าสาวของฉันไปส่งที่ห้องเสร็จ”
กระป๋องเบียร์ในมือถูกอีกฝ่ายดึงออกไป ก่อนที่อีซองยอลจะถูกคิมมยองซูดึงเข้าไปกอดเอาไว้
“ฉันรอนายมาทั้งคืน แต่นายก็เพิ่งกลับมา...”
“มยอ-“
“ฉันไม่ชอบเลยรู้ไหมที่นายไปกับเขา
ไม่ชอบให้นายไปยุ่งกับใคร” ดวงหน้าหวานถูกคนพูดประคองเอาไว้ด้วยสองมือ
“ฉันอยากเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัสนาย”
สัมผัสอ่อนนุ่มเกิดขึ้นที่ริมฝีปาก
สัมผัสอันอ่อนโยนที่ทำให้ความรู้สึกภายในใจของอีซองยอลชัดเจนขึ้นจนเขาไม่อาจฝืนความต้องการของตนเองได้
ซองยอลจูบตอบสัมผัสนั้นพร้อมกับยกมือขึ้นคล้องที่ลำคอของมยองซู
มือเล็กลูบไล้บริเวณไหล่กว้างของอีกฝ่ายไปในตัว
อาภรณ์ที่สวมติดกายถูกคิมมยองซูไล่ริดรอนทีละน้อย
เมื่ออีกฝ่ายถอนจูบออกไปซองยอลจึงได้ลืมตาขึ้นมา
ลูกแก้วสีน้ำตาลใสจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของมยองซูอย่างยั่วยวน จนอีกฝ่ายทนไม่ไหวแล้วเริ่มซุกไซ้ไล่เลียร่างกายของเขาอีกครั้ง
ริมฝีปากที่เจ่อแดงเพราะถูกบดจูบซ้ำๆเผยอออกเพื่อเปล่งเสียงครางที่คิมมยองซูนึกชอบใจทุกครั้งที่ได้ยิน
สัมผัสอันแสนเร่าร้อนทว่ากลับอ่อนโยนในความรู้สึกของซองยอลดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขาสองคนหมดเรี่ยวแรง
ซองยอลทอดสายตามองคิมมยองซูที่นอนอยู่ข้างกายด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
หากแต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คงหนีไม่พ้นความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รัก’
“ฉันรักนายนะ”
กระซิบบอกคนหน้าหล่อด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่สุด
ถึงแม้ซองยอลจะรู้ว่าคิมมยองซูได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วก็ตามที
แต่คงจะไม่ดีนักหากคำสารภาพรักของเขาดังเข้าไปถึงหูของอีกคน
แต่อย่างน้อย
เขาก็ได้บอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้ว
-
passionate –
เวลาเดินผ่านไปช่วงหนึ่ง
ซึ่งความสัมพันธ์ของอีซองยอลกับคิมมยองซูยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม
หากแต่ซองยอลกลับสังเกตได้ว่าคิมยองซูนั้นใช้เวลาอยู่กับเขามากเกินไปจนดูเกินควร
คนหน้าหวานจึงตัดสินใจที่จะเอ่ยถาม
“นายแต่งงานมาได้เกือบเดือนแล้วนะ
แต่มาอยู่กับฉันแทบจะตลอดเวลาแบบนี้ เขาไม่ว่าอะไรหรือไง”
มือเรียวสวยยื่นแก้วกาแฟให้กับคิมมยองซูที่อยู่ในชุดทำงานเรียบร้อยแล้ว
สามสัปดาห์ที่ผ่านมาหากจะบอกว่าคิมมยองซูขนข้าวขนของมาอยู่กับซองยอลก็คงจะไม่แปลกเท่าไรนัก
คนตัวสูงเองก็เพิ่งสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เมื่อไม่กี่วันก่อน
เมื่อเสื้อผ้าที่เขาต้องซักมีมากขึ้น
และพื้นที่ว่างในตู้เสื้อผ้าของเขากลับถูกเติมเต็มด้วยเสื้อผ้าของคิมมยองซู
อีกทั้งทุกเช้าที่ตื่นมาซองยอลยังมีหน้าที่ต้องชงกาแฟเพิ่มมากกว่าเดิมหนึ่งแก้วอีกต่างหาก
“อึนฮเยไม่ว่าหรอกน่า”
คนหน้าหล่อยื่นมือมารับแก้วกาแฟไปจิบอย่างสบายอารมณ์ “ฉันบอกเขาแล้วว่าฉันมาอยู่กับนาย”
“จะบ้าเหรอ!”
ซองยอลร้องโวยวายออกมาเสียงหลงด้วยความตื่นตระหนก
ต่างจากคิมมยองซูที่หัวเราะให้กับท่าทางของเขาไม่หยุด
จนคนหน้าหวานต้องยื่นมือไปหยิกบนต้นแขนแน่นๆของอีกฝ่าย
“ฉันบอกเขาว่างานเยอะ
อีกอย่างถ้าฉันไม่มาช่วยควบคุม งานนายจะไม่เสร็จ” มยองซูพูดพลางมองตามซองยอลที่กำลังวุ่นวายกับการแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อเข้าไปประชุมที่บริษัทในวันนี้
“ฉันไม่ได้บอกเขาหรอกนะว่านายทำให้ฉันมีความสุขสุดๆไปเลยน่ะ”
“ถ้านายไม่หยุดพูดถึงเรื่องพรรค์นั้นก็ไสหัวออกจากห้องฉันไปซะ
คิมมยองซู”
“อะไรกัน
เมื่อคืนเรายังมีความสุขกันอยู่เลยนะ วันนี้นายจะไล่ฉันไปเลยเหรอ
ใจร้ายเกินไปหรือเปล่าอีซองยอล”
คนหน้าหล่อพูดหยอกล้ออีกหนึ่งชีวิตในห้องอย่างนึกสนุก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ซองยอลหันมามองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองนั้น
มันยิ่งทำให้ซองยอลดูน่ารักขึ้นมามากกว่าเดิม “ฉันอุตส่าห์ทำหน้าที่ของเล่นที่ดีของนายเลยนะ”
“คิมมยองซู”
อีซองยอลกัดฟันเรียกชื่ออีกคน ทำให้มยองซูยอมยกสองมือขึ้นมาระดับหู
“ครับๆ
ไม่แกล้งแล้วครับ” หัวหน้าแผนก Production plan
พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างมาให้ซองยอล จนคนหน้าหวานเผลอคิดขึ้นมาไม่ได้
ว่าถ้าหากในวันหนึ่ง ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องจบลง
รอยยิ้มแบบนี้ก็จะหายไปด้วยใช่หรือเปล่า
และถ้าเป็นแบบนั้น
ซองยอลควรทำเช่นไร
“นายจะออกไปบริษัทพร้อมกับฉันเลยไหมซองยอล”
มยองซูเอ่ยถามคนหน้าหวานที่กำลังเหม่อ
ซึ่งเจ้าของชื่อก็สะดุ้งก่อนจะส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
“ไม่ล่ะ
นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันขับรถไปเอง” ซองยอลว่าพลางผูกเนคไทให้เรียบร้อย
“ฉันไม่อยากเป็นที่สังเกต”
“งั้นเจอกันที่ห้องประชุมนะ”
คนหน้าหล่อพูดพร้อมกับเดินเข้ามากดจูบลงบนกลีบปากเนียนนุ่มของซองยอลหนักๆหนึ่งที
“อือ”
-
passionate –
“จากการวางขายสินค้าในไตรมาสที่สามเราก็ได้เห็นกันแล้วนะว่ามันประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง”
ท่านประธานบริษัท KSG
พูดขึ้นท่ามกลางที่ประชุม “ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงต้นไตรมาสที่สามก็จริง
แต่อย่าลืมว่าในไตรมาสหน้าเราก็ต้องส่งสินค้าออกสู่ตลาดอยู่ดี”
“ขออนุญาตถามนะครับ”
ซองยอลยกมือขึ้นเป็นการขออนุญาต เมื่อเห็นว่าซองกยูพยักหน้าให้ตนพูดได้แล้ว
คนหน้าหวานจึงเริ่มพูดในสิ่งที่ตนเองกำลังสงสัย “ผมอยากทราบเรื่องยอดขายน่ะครับ
ว่าอยู่ในระดับไหน”
“ถ้าเป็นสินค้าปกติที่ส่งออกสู่ตลาด
ยอดขายถือว่าทำได้ดีกว่าในไตรมาสที่แล้วประมาณ 15%
ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง” ซองกยูพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
“ส่วนสินค้าลิมิเต็ดที่เราผลิตเพียง 100 ชิ้นนั้นถูกขายออกไปจนหมดตั้งแต่สัปดาห์แรก”
เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องประชุมทันทีที่ท่านประธานยังหนุ่มกล่าวจบ
ตัวเลขที่เพิ่งได้รับรู้จากท่านประธานบริษัทนั้นถือว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเยอะมาก
นั้นหมายความว่าในตอนนี้บริษัท KSG
มีส่วนแบ่งของตลาดมากกว่าเก่าขึ้นมาหลายเปอร์เซ็นต์ แต่ท้ายที่สุดแล้วเสียงพูดคุยด้วยความตื่นเต้นก็เงียบไปเมื่อซองกยูตบมือสองสามครั้ง
“ที่ผมเรียกพวกคุณมาประชุมในวันนี้ก็เพื่อแจกแจงรายละเอียดของสินค้าที่เราจะวางขายในไตรมาสที่สี่”
“คอนเซ็ปต์คืออะไรเหรอครับ
ท่านประธาน” นัมอูฮยอนหัวหน้าแผนก Production design
เอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น ซองกยูยกยิ้มมให้กับการตอบรับที่ดีของนัมอูฮยอนเล็กน้อย
“ในเรื่องนี้ผมจะให้มยองซูเป็นคนบอกทุกคนเอง”
“สำหรับคอนเซ็ปต์ของเฟอร์นิเจอร์ที่จะวางขายในไตรมาสที่สี่
ทางแผนกของเราได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้วครับว่าจะให้มันอยู่ในคอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า
Precious time” คิมมยองซูลุกขึ้นพูด
“Precious
time?” ซองยอลส่งเสียงทวนคำพูดที่ได้ยินอย่างนึกสงสัย
“ใช่ครับ
คุณซองยอล”
มยองซูตอบรับด้วยคำพูดที่ทำเอาซองยอลนึกอยากจะหัวเราะออกมาดังๆกลางห้องประขุมให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย
“คอนเซ็ปต์นี้ทางเราจะให้ฝ่ายออกแบบไปตีความหมายตามสะดวกเลยครับ
เพียงแต่เราจะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยเกี่ยวกับความต้องการของตลาดให้พวกคุณ”
“แต่ว่าคอนเซ็ปต์นี้มันไม่ดูกว้างไปหน่อยเหรอครับ”
อูฮยอนท้วงขึ้นมา
“ใช่ครับ
ทางฝ่ายเราถึงจำเป็นต้องรบกวนให้ฝ่ายออกแบบตัดสินใจว่าจะเลือกช่วงไหนของชีวิตให้เป็นช่วงที่ดีที่สุด”
มยองซูกดยิ้มที่มุมปากไปด้วยในขณะที่ตอบคำถามของอูฮยอน
“สิ่งที่ผมจะแนะนำให้พวกคุณได้ก็คงจะมีเพียง ‘People will be happy when
they’re with someone they love’ เท่านั้นนะครับ”
“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเสมอไปนี่ครับ
คุณมยองซู” ซองยอลเป็นฝ่ายท้วงหัวหน้าแผนกวางแผนดูบ้าง
“เพราะเรามีความสุข
เราถึงคิดว่ามันดีไงครับคุณซองยอล” รอยยิ้มละมุนละไมถูกจุดขึ้นบนใบหน้าของมยองซู
จนซองยอลต้องเบือนหน้าหนีสายตาและใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของอีกฝ่าย
“เพราะแค่ได้ใช้เวลากับคนที่รัก ทุกวินาทีก็คือเวลาที่ดีที่สุด นั่นล่ะครับ
ธรรมชาติของมนุษย์”
-
passionate –
“ให้ตายเถอะ”
คนหน้าหวานสบถออกมาเมื่อทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ของนัมอูฮยอนผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบ
ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มบ่นเกี่ยวกับการประชุมที่เพิ่งจบไป
“มันเป็นคำแนะนำที่ดูไม่ช่วยอะไรเลยนะ!”
“ปกติทางฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ไม่เคยคิดคอนเซ็ปต์ที่กว้างขนาดนี้มาก่อนเลยนะ
ทำเอาพี่ตกใจเลยล่ะ” ดงอูพูดขึ้นบ้าง
ในขณะที่หัวหน้าฝ่ายอย่างนัมอูฮยอนยังคงยืนอ่านเอกสารที่ได้มาจากการประชุมอยู่โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แบบนี้เราก็ต้องเรียกประชุมฝ่ายเพื่อตีโจทย์นี้น่ะสิครับ
ใช่ไหมหัวหน้า” อีโฮวอนพูดก่อนจะปิดท้ายด้วยคำถาม
ซึ่งคำตอบที่ได้รับจากหัวหน้าตัวเล็กก็มีเพียงการพยักหน้าเท่านั้น
“อย่าเพิ่งคิดเลย
ไปทานข้าวกันเถอะ” ซองยอลที่เริ่มสนิทใจกับคนในฝ่ายออกแบบมากขึ้นพูดแทรกขึ้นมา
ใบหน้าหวานฉายแววออดอ้อนจนคนในบทสนทนาทุกคนต้องใจอ่อน
อีกทั้งมือเรียวสวยยังถูกเจ้าของยื่นออกไปดึงมือเล็กของอูฮยอนมาเขย่าไปมาเป็นการออดอ้อนซ้ำอีกต่างหาก
“อ้อนขนาดนี้ใครไม่ใจอ่อนก็บ้าแล้ว
อีซองยอล” นัมอูฮยอนหันมาพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ก่อนที่คนตัวเล็กจะออกแรงดึงคนตัวสูงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนเองให้ลุกขึ้นยืน
จากนั้นก็เดินจูงมือพูดหยอกล้อกันไปมาตลอดทาง
ในขณะที่อีโฮวอนและจางดงอูทำได้เพียงเดินตามหลังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มให้กับท่าทางราวกับเด็กน้อยของทั้งสองคนที่ในตอนแรกไม่ถูกกัน
ร้านอาหารด้านหน้าบริษัทที่พนักงานมักจะไปทานอาหารกันถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุด
พวกเขาเดินไปพูดคุยกันไปโดยที่ซองยอลกับอูฮยอนก็ยังคงจูงมือกันเดินท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างสงสัยของคนอื่น
ทั้งสี่คนพากันสั่งอาหารแล้วพูดคุยกันอย่างครื้นเครงจนกระทั่งการทานอาหารจบลง
พวกเขาเดินกลับเข้าบริษัท แต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงแผนกก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน
“ซองยอล”
เสียงทุ้มที่ซองยอลคุ้นเคยดังขึ้น
ทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมองพร้อมกับยกยิ้มให้คนที่เรียกชื่อเขา
ทั้งๆที่ภายในใจกำลังรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่งแทงอยู่เป็นร้อยเป็นพันเล่ม
“มีอะไรหรือเปล่ามยองซู”
ซองยอลตอบรับ ในขณะที่มือบางก็กระชับมือที่กุมกับอูฮยอนให้แน่นไปอีก
หัวหน้าแผนกตัวเล็กจึงเงยหน้าขึ้นมองซองยอลอย่างนึกเป็นห่วงพร้อมกับบีบมือของอีกฝ่ายเป็นการให้กำลังใจ
“พอดีอึนฮเย
ภรรยาของฉันเขาอยากรู้จักนายน่ะ”
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเบือนสายตาไปมองหญิงสาวที่มีท่าทางน่าทะนุถนอมที่ยืนอยู่เคียงข้างของมยองซู
ก่อนที่ซองยอลจะจุดรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าแล้วก้มศีรษะให้กับหญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อย
“สวัสดีครับ
คุณอึนฮเย”
“สวัสดีค่ะ
คุณซองยอล” เสียงหวานของหญิงสาวดังขึ้น
ใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ขับให้เธอดูสวยหวานมากกว่าที่เป็นอยู่ จนซองยอลอดที่จะคิดชื่นชมอีกฝ่ายอยู่ในใจไม่ได้ว่าเธอช่างเหมาะสมกับคิมมยองซูเสียเหลือเกิน
“ช่วงนี้เห็นว่าคุณมยองซูไปรบกวนคุณซองยอลตลอด ต้องขอโทษและขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
ซองยอลว่า “ยังไงผมกับมยองซูก็ต้องร่วมงานกันตลอดอยู่แล้ว”
“ไม่ทราบว่าคุณซองยอลทานอาหารกลางวันหรือคะ
ไปทานด้วยกันไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ”
ชายหนุ่มปฏิเสธทันควัน
ดวงตาสีเฮเซลนัทเสหลบดวงตาคมที่กำลังจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ
“พอดีผมกับอูฮยอนต้องไปทำงานกันต่อน่ะ เนอะอูฮยอนเนอะ”
“อ-เอ่อ
ใช่ครับ เราต้องไปประชุมกันต่อน่ะ” คนตัวเล็กรับบทอย่างงุนงง
ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างบอกลากันแล้วแยกย้ายกันไป ในขณะที่พวกเขากำลังเดินไปถึงแผนก
ซองยอลกลับดึงมือของอูฮยอนให้ออกมานอกเส้นทางแล้วบอกให้โฮวอนกับดงอูเดินกลับไปก่อน
“ซ-ซองยอล”
อูฮยอนเอ่ยเรียกด้วยความตกใจ
เมื่อคนตัวสูงลากเขาให้เดินตามเข้ามาที่บันไดหนีไฟแล้วกอดอูฮยอนเอาไว้เสียแน่น
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
เสียงที่ได้ยินทำให้อูฮยอนใจอ่อนวาบ
มือเล็กยกขึ้นลูบแผ่นหลังที่สั่นน้อยๆของซองยอลอย่างปลอบประโลม
ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ในบริเวณที่ซองยอลซบอยู่
ร้องไห้สินะ
“ร้องออกมาให้พอนะซองยอล”
อูฮยอนกระซิบ “ฉันจะอยู่ตรงนี้กับนายเอง”
-
passionate –
อีซองยอลยืนจิบกาแฟอยู่ที่ระเบียงห้องพักของตัวเอง
ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องไปยังแสงไฟจากด้านล่างอย่างเหม่อลอย
เรื่องราวมากมายกำลังตีรวนกันอยู่ในหัวของเขาเสียจนซองยอลไม่รู้ว่าจะหาคำตอบเมื่อไร
ความหนักใจ ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดของเขามันมีอยู่เต็มหัวใจไปหมด
หากแต่ความเห็นแก่ตัวที่มีกลับบอกให้เขาเดินหน้าอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกไม่ควรนี้ต่อไป
คนหน้าหวานหันหลังไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆเมื่อเห็นว่าในตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนเสียแล้ว
แต่ซองยอลกลับยังไม่เห็นคิมมยองซูแม้แต่เงา
อีกฝ่ายคงจะอยู่กับภรรยาของตัวเองกระมัง แล้วเขาจะไปเรียกร้องอะไรได้ล่ะ
“อูฮยอน
นอนหรือยัง” ซองยอลตัดสินใจต่อสายหานัมอูฮยอน
หัวหน้าแผนกตัวเล็กที่ในวันนี้เขาตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขาให้อีกฝ่ายได้รับฟัง
อูฮยอนไม่ได้ต่อว่าในการกระทำที่ไม่ถูกของเขา
แต่อีกฝ่ายกลับปลอบประโลมเขาจนรู้สึกดีขึ้นมา
“(ยัง)”
ปลายสายตอบกลับมา “(ยังรู้สึกแย่อยู่อีกเหรอ)”
“เปล่าหรอก”
ซองยอลปฏิเสธ “ฉันแค่รู้สึกเบื่อๆ เลยโทรหานายน่ะ”
“(อืม...)”
อูฮยอนลากเสียงยาวคล้ายกับกำลังใช้ความคิด “(งั้นคุยกันไปเรื่อยเนอะ)”
ซองยอลตอบตกลงไปกับคำชวนของอูฮยอน
ทั้งๆที่ความจริงแล้วคนที่พูดซะส่วนใหญ่คือนัมอูฮยอนที่หยิบยกเรื่องนู้นเรื่องนี้มาพูดไปเรื่อยเปื่อยจนซองยอลรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเก่า
ใบหน้าหวานถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มเมื่อปลายสายเล่าเรื่องน่าตลกของตนเองให้ซองยอลฟัง
สร้างทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับซองยอลได้ไม่หยุด
จนเขาไม่ได้สังเกตหรือรู้สึกตัวเลยว่าในตอนนี้
ภายในห้องของเขาไม่ได้มีเพียงเขาอีกต่อไป
ไหล่ลาดเนียนที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกว้างถูกริมฝีปากร้อนกดสัมผัสลงมาหนักจนซองยอลต้องหันไปให้ความสนใจ
และเมื่อคนตัวสูงเบือนหน้าไปมองผู้บุกรุก
ริมฝีปากนุ่มก็ประทับลงมาโดยที่ซองยอลไม่อาจร้องห้ามได้ทัน
มือบางถูกยกขึ้นมาดันใบหน้าของคนที่มาใหม่ให้ออกห่าง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเพื่อกรอกเสียงบอกปลายสายว่าเขาไม่สามารถคุยกับอีกฝ่ายได้อีกแล้วในคืนนี้
อูฮยอนดูงุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อและยอมวางสายไปแต่โดยดี
“มาหาฉัน
มีอะไรหรือเปล่า”
ซองยอลเอ่ยถามคนหน้าหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางเบือนหน้าเพื่อหลบตาของมยองซูที่กำลังมองมาอย่างคาดคั้น
คนหน้าหวานได้แต่ถามตัวเองในใจว่าอีกฝ่ายคิดจะคาดคั้นเอาอะไรจากเขากัน
“วันนี้นายทำให้ฉันไม่พอใจมากนะซองยอล”
คิมมยองซูพูดขึ้นเรียบๆด้วยประโยคที่ทำให้ซองยอลต้องเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจที่ระคนความไม่พอใจอยู่เต็มเปี่ยม
ซองยอลไม่พอใจที่มยองซูมักจะทำตัวคล้ายหึงหวงเขาเสมอ
“ฉันไปทำอะไรให้นาย”
คนตัวสูงโต้กลับไปอย่างไม่นึกยอมแพ้
บางทีเขาควรจะย้ำให้มยองซูรับรู้มากกว่าเดิมเสียแล้วว่าข้อตกลงระหว่างเรามันไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึก
ซองยอลไม่ควรปล่อยคิมมยองซูเล่นกับความรู้สึกของเขามากไปกว่านี้อีกแล้ว
“จับมือถือแขนกับนัมอูฮยอน
แถมเมื่อกี้ก็ยังคุยโทรศัพท์กับอูฮยอน” มยองซูพูดพลางแสยะยิ้ม
“มีแค่ฉันคนเดียวไม่ได้จริงๆใช่ไหมซองยอล”
“เผื่อนายจะลืมมันไปนะคิมมยองซู”
อีซองยอลสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูด “ข้อตกลงระหว่างเรามีเพียงแค่เซ็กซ์ ไม่มีการหึงหวงหรือไม่พอใจหรืออะไรก็ตามแต่
และในตอนนี้นายกำลังล้ำเส้น ไม่สิ นายล้ำเส้นมานานแล้ว”
“แต่นายก็ยอมไม่ใช่หรือไง”
อีกฝ่ายตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันไม่เคยตอบรับสิ่งที่นายร้องขอสักครั้ง
ถ้านายจำได้” ซองยอลว่าพลางจ้องตาอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะยอมแพ้
“เพราะเขาใช่ไหม
นายถึงเปลี่ยนไป” คิมมยองซูเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่แสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูหวาดหวั่นถ้าหากซองยอลอ่านมันไม่ผิด
“มันไม่ใช่เพราะอูฮยอน”
ซองยอลตอบอีกฝ่ายในทันที “ถ้าถามว่าเพราะใครฉันก็คงตอบได้เพียงแค่ เพราะนาย”
“ฉัน?”
“ใช่”
ใบหน้างุนงงของมยองซูเป็นสาเหตุที่ทำให้ซองยอลต้องพูดต่อ “นายแต่งงานแล้วนะมยองซู
นายควรจะนึกถึงจิตใจของเมียนายให้มากกว่านี้”
“เมียของฉันก็คือนายไงซองยอล”
คนหน้าหล่อโต้กลับมาอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่ติดจะใส่อารมณ์ไม่น้อย
“อย่าพูดแบบนั้น!”
ซองยอลตวาดด้วยความไม่พอใจ เขาโกรธที่อีกคนพูดแบบนั้น
มยองซูควรจะให้ความสนใจกับอึนฮเยมากกว่านี้
อีกฝ่ายไม่ควรทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังทำผิดแบบไม่น่าให้อภัยเช่นนี้อีก
“วันนี้นายกลับไปเถอะ ฉันขอร้องล่ะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”
เมื่อพูดจบ
คนตัวสูงก็เดินหนีเข้าไปภายในห้องนอนแล้วล็อกประตูห้องนอนของตนเองอย่างแน่นหนาหยาดน้ำใสไร้สีเม็ดโตรินไหลโดยที่เจ้าของมันมิอาจต้านทาน
ร่างสูงโปร่งทรุดลงกับพื้นคล้ายคนอ่อนแรง
กลีบปากนุ่มถูกเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่อาจจะเล็ดรอดออกไปให้คนด้านนนอกได้ยิน
ซองยอลรู้ตัวว่าเขากำลังอ่อนแอ
และสาเหตุที่ทำให้เขาอ่อนแอก็คือคิมมยองซู
หลายครั้งที่คนตัวสูงคิดอยากจะขอล้มเลิกข้อตกลงระหว่างพวกเขาทั้งสองคนไปเสีย
แต่ทว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเว้าวอนของมยองซูและหัวใจไม่รักดีของเขากลับทำให้เขาต้องเดินหน้าต่อไปในความสัมพันธ์เช่นนี้
ทั้งๆที่เขารู้สึกผิดต่อคิมอึนฮเย ภรรยาของคิมมยองซูอย่างสุดหัวใจ
แต่จะให้ซองยอลทำเช่นไร ในเมื่อหัวใจเขามันเรียกร้องอย่างคนเห็นแก่ตัวว่าขอให้เขาได้ใช้เวลาร่วมกับมยองซูให้มากกว่านี้
ซองยอลเป็นคนไม่ดีจริงๆ
เป็นคนไม่ดีที่แย่งของของคนอื่นมาครอบครองเอาไว้หน้าตาเฉย
-
passionate –
เสียงกริ่งที่หน้าประตูห้องพักของเขาดังขึ้นในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง
หลังจากที่ซองยอลไม่ได้ออกไปทำงานที่บริษัทมาเป็นเวลาสามวัน
ชายหนุ่มไม่ได้ออกไปไหนเลย เขาขังตัวเองไว้ในห้อง
แม้กระทั่งคิมมยองซูที่เพียรพยายามมาหาเขาซองยอลก็ไม่ได้พบ
ฉะนั้นคนหน้าหวานจึงรู้สึกตกใจกับผู้มาเยือนในคราวนี้ไม่น้อย
ซองยอลส่องมองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกผ่านทางตาแมว
ก่อนที่หัวใจด้วยน้อยจะรู้สึกราวกับโดนน้ำเย็นสาดใส่ เมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องของเขาคือคิมอึนฮเย
ภรรยาของคิมมยองซู
“คุณอึนฮเย
สวัสดีครับ” ซองยอลเปิดประตูออกก่อนจะเอ่ยทักหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มจางๆที่เขาพยายามปั้นแต่งมันขึ้นมา
“เชิญข้างในก่อนครับ”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ
ดิฉันมาเดี๋ยวเดียวก็จะไปแล้ว” เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
ซองยอลอ้าปากเตรียมจะถามถึงเรื่องที่ทำให้เธอมาพบเขาในวันนี้
หากแต่หญิงสาวตรงหน้ากลับพูดแทรกขึ้นมาได้อย่างทันท่วงที “คุณซองยอล ดิฉันทราบมาว่าคุณสนิทกับคุณมยองซูในระดับหนึ่ง
ช่วยพูดให้คุณมยองซูกลับบ้านบ้างได้ไหมคะ”
ใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวตรงหน้านั้นซีดเผือดทว่าดวงตากลับแดงก่ำราวกับคนที่พร้อมจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา
“ดิฉันคิดว่าคุณมยองซูอาจจะมีคนอื่น”
หัวใจของชายหนุ่มชาวาบด้วยความหวาดกลัว “รบกวนคุณซองยอลช่วยพูดกับคุณมยองซูและคนคนนั้นของเขาได้ไหมคะ
ว่าให้จบความสัมพันธ์แบบนั้นกันเสียที ดิฉันเจ็บปวดจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วค่ะ”
“คุณอึนฮเย”
ซองยอลทอดเสียงเรียกหญิงสาวตรงหน้า
“คุณมีอะไรที่อยากจะบอกคนคนนั้นของมยองซูไหมล่ะครับ ถ้ามีโอกาสผมจะได้บอกเขาให้”
“ดิฉันอยากจะฝากคุณไปบอกเขาว่า...”
น้ำเสียงที่แสนเจ็บปวดนั้นหยุดไปชั่วครู่
“ได้โปรดเดินออกไปจากชีวิตคู่ของดิฉันกับคุณมยองซูทีเถอะค่ะ”
รอยยิ้มบางเบาผุดขึ้นบนใบหน้าของซองยอล
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปกุมมือของหญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยน
ก่อนที่ซองยอลจะเปิดปากออกเพื่อพูดสิ่งที่หญิงสาวต้องการฟัง
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการทำร้ายตนเองก็ตามที
“ได้ครับ
ผมจะบอกเขาให้”
TBC.
เค้าลืมเมนท์เหรอตอนนี้
ตอบลบคือแบบ สงสัยเคือง
โกรธ หมั่นไส้ ชิส์
น้องขนุนทำพี่จินตนาการนะ
ว่าอึนฮเยรู้ว่าเป็นยอลอยู่แล้ว
ยังมาทำแบบนี้ ชิส์
จะคอยดู ถ้ายอลไม่อยู่ นุ้งแอลจะแลเธอไหม
หึหึ ป้องปากหัวเราะ แล้วจิรอสมน้ำหน้านะจ๊ะ
จริงๆก็อยากถามมยอง ว่าเลิกได้ไม๊
ตอบลบถ้าไม่ได้รักแล้วแต่งทำไม
นางเคยเป็นแฟนมยองก่นแต่งไม๊ก็อาจจะไม่ด้วยซ้ำ
แล้วทำไมต้องยอม ในเมื่อมยองกับยอลรักกัน
ถึงยอลไปก็ใช่ว่ามยองจะรักหล่อนนะยะ