Question
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Drama
Author: khanunys
A\N: - ฟิคเรื่องนี้เคยลงไปแล้วที่อฟนทล.
- ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบที่สุดนะ ถึงมันจะเจ็บปวดแต่เราว่ามันก็สวยงาม #อวยตัวเองก็เป็น
- ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบที่สุดนะ ถึงมันจะเจ็บปวดแต่เราว่ามันก็สวยงาม #อวยตัวเองก็เป็น
-question-
How hard to
restrain someone to walk out your life?
Do you dare to beg
him or her to stay with you?
ร่างหนาทรุดตัวลงบนพื้นช้าๆคล้ายกับคนไร้เรี่ยวแรง
ริมฝีปากอิ่มได้รูปขยับขึ้นลงคล้ายคนกำลังจะหมดลมหายใจ ดวงตาคมสวยที่ในบัดนี้ดูแดงช้ำเพราะมันผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
ลมหายใจเข้าออกที่ดังแผ่วผิวนั้นคล้ายกับคนกำลังจะสิ้นใจ
ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงนั้นกำลังเอ่ยชื่อใครคนหนึ่งออกมา
ไร้ซึ่งเสียงใดที่เล็ดลอดออกจากลำคอหรือริมฝีปาก
ในตอนนี้สำหรับเขาแล้วแม้แต่เรี่ยวแรงจะหายใจยังไม่มี
เขาปรารถนาเพียงแค่ใครคนนั้นที่เพิ่งเดินจากไป
ใครคนนั้นที่พรากเอาลมหายใจและอวัยวะที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของเขาไป
เขาปรารถนาเพียงแค่ให้ใครคนนั้นเดินกลับมา
อย่าทิ้งฉัน อย่าเดินหนีไปจากฉัน หยุดอยู่ตรงนั้นเถอะนะ
หันหลังเดินกลับมาหาฉันเถอะนะ
เขาทำได้เพียงแค่คร่ำครวญคำพูดเหล่านั้นในใจ
เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรั้งคนคนนั้นเอาไว้อีกแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะร่ำร้อง
เรียกหาหรือแสดงความเป็นเจ้าของอีกต่อไป
ความรักของเขามันจบลงในวันนี้ ณ ตอนนี้
ทั้งๆที่มันจบลงไปเพียงความรักเท่านั้น แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะขาดใจ
เหตุใดเขาจึงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะตาย
แต่ถ้าเป็นไปได้ ถ้าเขาตายไปได้เสียก็คงจะดี อย่างน้อย
เขาคงไม่ต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้
ไม่ต้องเจ็บปวดกับการจากไปของคนรัก ไม่สิ อดีตคนรักของเขา
“ฉันรักนายนะ” เขาเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบา รู้ทั้งรู้ว่าใครคนนั้นไม่มีทางได้ยินแต่เขาก็ยังเลือกที่จะพูดมัน
“ฉันรักนาย อย่าไปเลยนะ ...อีซองยอล”
No matter I shout
out loud.
That person who
wants to go will never come back.
บางทีคนเราก็ควรที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเจ็บปวด
เรียนรู้ที่จะใช้ความเจ็บปวดที่มีเป็นแรงผลักดันให้ตนเองสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้เพียงลำพัง
แต่เขาทำไม่ได้... คิมมยองซูทำไม่ได้
มีหลายคนเคยบอกเอาไว้ว่าความรักนั้นมักจะมาพร้อมกับความเจ็บปวด
มีความรักย่อมมีความทุกข์
และหากเราจมอยู่กับอดีตมันจะยิ่งทำให้เราเจ็บปวดเสียจนไม่สามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
แต่คงไม่ใช่กับมยองซู
จริงอยู่ที่ในทุกครั้งที่หวนคิดถึงเรื่องราวของเขากับใครคนนั้น – อีซองยอล –
เขามักจะเจ็บปวดเสมอ แต่มยองซูก็ไม่อาจหักห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้คิดถึงซองยอลได้
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คนที่เขารักก็คือซองยอล
แค่อีซองยอล คนเดียวเท่านั้น
Something you
forgot is the thing I'll never forget.
จนตอนนี้เขายังจำครั้งแรกที่เขาเจอกับซองยอลได้ดี
มยองซูจำได้ทุกเหตุการณ์ที่มีร่วมกับคนน่ารักคนนั้น
คนน่ารักที่เป็นเจ้าของหัวใจของเขา คนที่ทำร้ายเขาได้อย่างเลือดเย็นเมื่อกี้นี้
เรื่องราวเหล่านั้นมันเกิดขึ้นเพราะมยองซูชอบถ่ายรูป
ฉะนั้นเขามักจะเดินไปตามถนนหนทางต่างๆเพื่อถ่ายรูปทั้งทิวทัศน์ ทั้งคน
หรือสถาปัตยกรรม วันนั้นก็เช่นกัน มยองซูเดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ
แถมคนก็ยังเยอะไม่น้อย แล้วเขาก็ได้พบกับซองยอล
.
.
.
ในขณะที่มยองซูกำลังเดินเท้ากลับบ้านเขาก็ได้พบกับใครบางคน
คนตัวสูงแต่กลับบางเสียจนมยองซูกลัวว่าคนคนนั้นจะถูกลมพัดจนปลิว
ใบหน้าเนียนใสที่ขึ้นสีระเรื่อที่ข้างแก้มบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนสุขภาพดี
ดวงตากลมโตที่แวววับจับตาด้วยหยาดน้ำที่หล่อเลี้ยงอยู่ในนั้น จมูกโด่งรั้นที่ตรงปลายขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยซึ่งอาจจะเป็นเพราะอากาศที่เย็นจนเกินไป
ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูสดตามธรรมชาติที่กำลังยู่น้อยๆคล้ายกับว่าเจ้าตัวไม่พอใจอะไรบางอย่าง
ดึงดูด
มยองซูถูกใครคนนั้นดึงดูดสายตาเอาไว้จนเขาไม่อาจละสายตาไปจากตรงนั้นได้
มยองซูสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาใครคนนั้น
เพราะดูเหมือนว่าคนน่ารักนั้นจะต้องการความช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” มยองซูเอ่ยทักคนที่สูงกว่าเขาประมาณ 2-3
เซนติเมตรด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
อีกฝ่ายหันมามองเขาด้วยความตกใจก่อนจะพยักหน้าเร็วๆหลายครั้ง
“ผมหลงทางครับ ผมจะไปบ้านคุณป้าแต่ไม่รู้ว่าต้องไปยังไง”
เสียงหวานใสที่หลุดรอดออกจากริมฝีปากของคนคนนั้นทำให้มยองซูใจเต้นรัว
เขากดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเป็นการรับรู้
“ต้องไปที่ไหนอย่างนั้นเหรอครับ”
“เมื่อกี้คุณป้าบอกว่าให้เดินเข้ามาในซอยนี้ แล้วมองหาบ้านสีขาวครับ
คุณป้าบอกว่าอยู่ฝั่งตรงข้าวกับบ้านสีเทาแต่ผมยังหาไม่เจอเลย”
เจ้าตัวพูดพลางมุ่ยหน้าเล็กน้อย ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดู มยองซูคิด
“มาครับ เดี๋ยวผมพาไป” มยองซูเอ่ยชวนอีกฝ่าย
เพราะเขาเองก็กำลังจะกลับบ้านพอดี
และดูเหมือนว่าบ้านหลังสีเทาที่อีกฝ่ายพูดถึงคือบ้านของเขาเอง
“อ๊ะ ขอบคุณมากครับ!” คนน่ารักคนนั้นโค้งตัวให้เขา 90 องศา
ก่อนจะเงยหน้ามาแล้วส่งยิ้มสดใสที่ทำเอามยองซูหัวใจเต้นรัวมาให้ “จริงสิ!
ผมชื่อซองยอลนะครับ อีซองยอล”
“คิมมยองซู”
“เอ๊ะ?” ซองยอลส่งเสียงพร้อมกับเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย
“ผมชื่อคิมมยองซูครับ”
.
.
.
ความสัมพันธ์ของมยองซูกับซองยอลเริ่มต้นตั้งแต่วันนั้น
คนตัวบางเจ้าของหน้าตาน่ารักอย่างซองยอลมักจะเข้าออกบ้านเขาและไปมาหาสู่กับเขาเป็นประจำ
จนกระทั่งมันกลายเป็นความเคยชิน
และจากความเคยชินก็แปรเปลี่ยนเป็นความรัก
ที่ท้ายที่สุดแล้วก็จบลงด้วยความเจ็บปวด
The last thing you
left me is a pain.
So, my darling,
how can I live without you?
คิมมยองซูทำได้เพียงแค่กดยิ้มเย้ยหยันให้กับตนเองพลางสกัดกลั้นน้ำตาที่ตั้งท่าจะไหล
ภาพในอดีตที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นหวนกลับมาหาเขาแต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขาเป็นสุขสักนิด
มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเกินกว่าที่มยองซูจะรับไหว
ถ้าเป็นไปได้
เขาจะไม่ตัดสินใจเปลี่ยนสถานะของตัวเองกับซองยอล มยองซูจะไม่เอ่ยปากขอซองยอลคบ
หากมันจะทำให้เขาต้องเสียอีกคนไปแบบนี้
มันเร็วไปหรือเปล่า
มยองซูได้แต่คิดในใจว่าเรื่องราวความรักในฐานะคนรักของเขากับซองยอลมันจบลงเร็วไปหรือเปล่า
หรือว่ามันไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นกันแน่
.
.
.
"ซองยอล"
มยองซูเรียกซองยอลในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อกลับบ้าน
บ้านของมยองซูกับบ้านของป้าซองยอลที่คนน่ารักมาอาศัยอยู่ด้วยในระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยนั้นอยู่ตรงข้ามกัน
และเรื่องที่ชวนให้ประหลาดใจก็คือมยองซูกับซองยอลเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
เพียงแต่คนละคณะเท่านั้น จึงกลายเป็นว่าทั้งสองคนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
ไปเรียนพร้อมกัน ถ้าพักพร้อมกันก็จะไปทานข้าวพร้อมกัน
ส่วนตอนเย็นก็จะรอกลับบ้านพร้อมกัน แม้จะต้องนั่งรอนานก็ตาม
"หือ?" ซองยอลตอบกลับมาทั้งๆที่กำลังคาบกล่องนมที่ดูดนมออกไปหมดแล้ว
"ฉันคิดว่า ฉันคงจะชอบนายล่ะ" มยองซูพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ
แต่ในใจของเขากลับกำลังเต้นแรงและเร็วเสียจนน่ากลัว
มยองซูไม่กล้ามองซองยอลเพราะเขากลัวที่จะปิดบังความเขินอายของตัวเองเอาไว้ไม่ได้
"อะไรนะ!?" ซองยอลร้องถามเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามอง
จากนั้นคนหน้าหวานจึงลดระดับเสียงลงจนแทบจะกระซิบ "นายว่าอะไรนะ"
"ฉันชอบนายไงเล่า!"
มยองซูพูดกระแทกเสียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ากับซองยอล
เพราะมยองซูไม่กล้ามองหน้าซองยอล เขาจึงไม่รู้ว่าอีกคนทำหน้าหรือท่าทางแบบไหน
แต่ซองยอลก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมาจนมยองซูอดใจหายไม่ได้
ไม่คิดแบบเดียวกันจริงๆเหรอ
ในขณะที่มยองซูกำลังจะคิดฟุ้งซ่านไปไกลกว่านี้
สัมผัสนุ่มที่มือของเขาก็ทำให้มยองซูต้องหันไปมองซองยอลอย่างตกใจ
ก่อนจะต้องแย้มยิ้มออกมาด้วยความสุขใจเมื่อเห็นใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อเพราะความเขินอายของคนข้างกาย
"คิดว่าชอบอยู่คนเดียวหรือไง"
ซองยอลถามเขากลับมาพลางก้มหน้างุดๆจนแทบจะชิดอก
"ลองคบกันไหม" มยองซูถาม "เป็นแฟนกันไหม อีซองยอล"
"ไม่ลองได้ป่ะ" ซองยอลเลิกคิ้วถามมยองซู
ก่อนที่คนหน้าหวานจะยิ้มกว้างและกระชับมือให้แนบแน่นขึ้น "คบกันไปนานๆได้ไหม
คิมมยองซู"
"หึ"
มยองซูหัวเราะในลำคอแล้วออกแรงดึงให้คนที่สูงกว่าเขาเดินตามหลังมา
"แน่นอนว่าต้องคบกันนานอยู่แล้ว เป็นแฟนกันแล้วนะซองยอล"
.
.
.
ใครกันนะที่เคยบอกเอาไว้ว่าความสุขนั้นช่างแสนสั้น
มยองซูนึกอยากจะเดินเข้าไปบอกกับเจ้าของคำพูดนั้นเหลือเกินว่าเขาเห็นด้วย
มันสั้นเสียจนเขาไม่ทันได้เตรียมใจ
เร็วไปหรือเปล่า มยองซูทำได้เพียงถามตัวเองอีกครั้ง
สัมผัสอันแสนอ่อนโยนและอบอุ่นของใครคนนั้นยังคงเป็นเช่นนั้นในเมื่อวาน
แต่ในวันนี้มยองซูกลับถูกทิ้งไป
อะไรกัน บอกเหตุผลให้มากกว่านี้ไม่ได้หรือไง
What is the reason
that makes you want to go?
Could you tell me?
ร่างหนาก้าวเดินอย่างอ่อนแรงออกจากที่ตรงนั้น
ในหัวยังคงมีความคิดวุ่นวายตีกันมั่วไปหมด
ภาพรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ
ท่าทางเง้างอนของซองยอลยังคงวนเวียนอยู่ในความทรงจำ ยากนักที่จะลบเลือน
โดยเฉพาะในตอยที่เขาและซองยอลมีความสุขด้วยกัน ทั้งตอนตื่น ตอนหลับ
มยองซูยังจำได้ดี
ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกันครั้งแรก เดทครั้งแรก จูบครั้งแรก
หรือครั้งแรกของเขาทั้งสองคน มยองซูก็ยังคงจำได้ดี
.
.
.
"กลัวเหรอ" มยองซูกดยิ้มเจ้าเล่ห์พลางทอดสายตาไปยังร่างกายเปลือยเปล่าที่ดูเย้ายวนของซองยอล
ก่อนจะเลื่อนมือไปตะปบที่สะโพกสวยของซองยอลพร้อมกับเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเอง
"ใครจะไปเชี่ยวชาญแบบนายล่ะ!" ซองยอลก็ยังคงเป็นซองยอล
ถึงแม้จะเขินอายกับสายตาของเขาจนทั้งใบหน้านั้นขึ้นสีแดงจัด แต่เจ้าตัวก็ยังคงร้องโวยวายออกมาเหมือนเด็กไม่มีผิด
"จะเริ่มแล้วนะ" มยองซูว่าพลางนวดคลึงบั้นท้ายของอีกคนอย่างหลงใหล
ก่อนจะก้มลงไปมอบจุมพิตเนิ่นนานที่ทั้งอ่อนโยนและเร่าร้อนให้กับอีกฝ่าย
ไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงซอกคอของที่ชวนให้ประทับร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของลงมือ
มือหนาที่นวดคลึงบั้นท้ายของซองยอลก็ค่อยๆเคลื่อนไปบุกรุกช่องทางที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสของอีกคน
"อ๊ะ!"
เสียงร้องที่แสดงถึงความเจ็บปวดดังขึ้นทันทีที่นิ้วเรียวยาวของมยองซูบุกรุกเข้าไปในร่างกายของอีกคน
ดวงตากลมโตคู่หวานคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจนมยองซูต้องก้มลงไปเพื่อจูบซับน้ำตาให้พร้อมเอ่ยปลอบประโลมอีกฝ่าย
"อย่าเกร็งนะ" เขาบอกซองยอล
อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับช่องทางที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้นจนมยองซูสามารถส่งนิ้วเข้าไปสำรวจด้านในได้มากขึ้นจนเขาคิดว่าซองยอลน่าจะพร้อมแล้ว
มยองซูถอนนิ้วทั้งสามออกมาจากร่างกายของอีกคนจนซองยอลกระตุกวาบ
ใบหน้าหวานนั้นดูโล่งขึ้นจนเห็นได้ชัด มยองซูทำได้เพียงกดยิ้มออกมาอย่างนึกขัน
ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในร่างกายของซองยอลอย่างอุกอาจ
คนน่ารักได้แต่ร้องเสียงหลงเพราะความเจ็บปวด
ซึ่งมยองซูก็ทำได้เพียงกระซิบอย่างปลอบประโลมเท่านั้น
จนกระทั่งเขารู้สึกว่าช่องทางที่รัดแน่นจนเขารู้สึกเจ็บในตอนแรกเริ่มผ่อนคลายขึ้นแล้วมยองซูจึงเริ่มขยับตัว
ในช่วงแรกเขาขยับกายได้เพียงเนิบนาบเพราะช่องทางนั้นยังคงรัดแน่นอยู่
เสียงครางหวานหูของซองยอลเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ชั้นดี
มยองซูรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกคนรักของตนเองฉุดดึงให้หล่นลงไปในห้วงกามารมณ์
จนยากนักที่จะถอนตัวขึ้นมา
ซองยอลน่าหลงใหลเพราะการยั่วยวนโดนไม่รู้ตัวของคนน่ารักเอง
ใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นกำลังบอกให้เขารู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกดีแค่ไหน
เสียงคราวผะแผ่วที่แสนหวานที่เขาได้ยิน เสียงลมหายใจอันหนักหน่วงของซองยอลและตัวเขาเอง
สัมผัสจากผิวกายที่เสียดสีกันในทุกครั้งที่ขยับตัว
ทุกสิ่งเหล่านี้ทำให้มยองซูรู้สึกลุ่มหลงซองยอลมากกว่าแต่ก่อน
จากที่รักโดยไม่มีเรื่องของเซ็กซ์มาเกี่ยวข้องมยองซูก็คิดว่าเขารักซองยอลมากแล้ว
แต่เมื่อซองยอลเป็นของเขาแล้วมยองซูกลับรู้รักร่างบางใต้อาณัตินี้มากกว่าเดิม
ความหวงแหนเพิ่มขึ้นเสียจนมยองซูรู้สึกแปลกใจ
มยองซูอยากให้ซองยอลเป็นของเขาคนเดียว
"ต้องเป็นของฉันแค่คนเดียวนะ ซองยอล"
มยองซูก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของเจ้าของชื่อ
"อ อื้อ" ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมานั้นเป็นการตอบรับหรือเป็นเสียงครางของอีกฝ่ายกันแน่
แต่มยองซูกลับแย้มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขาขยับกายเข้าออกอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้นพร้อมกับเลื่อนมือไปปรนเปรอให้คนรักเมื่อมยองซูรู้สึกว่าฝั่งฝันกำลังจะมาถึง
สิ่งสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่จึงมีเพียงเสียงหอบหายใจ
ใบหน้าแดงๆของซองยอลและรอยยิ้มอย่างชอบใจของมยองซูเท่านั้น
.
.
.
เรามีความสุขด้วยกันไม่ใช่เหรอ
เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของมยองซู คำถามที่ไม่มีคำตอบจากใครคนนั้น
คนที่ทิ้งเขาไป
มยองซูไม่เข้าใจซองยอลเลยจริงๆ
ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องราวของเขากับซองยอลถึงต้องจบลงแบบนี้ ทำไมนะ
มยองซูทำได้เพียงถามตัวเองอีกครั้ง
I don't know why
our love is being like this.
If it's my faults,
just tell me.
I'll do everything
for you if it makes you to stay with me.
มยองซูไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าเขาจะต้องเสียซองยอลไปในวันนี้ เขาคิดมาตลอดว่าซองยอลจะอยู่กับเขาไปตลอดเหมือนที่เป็นเสมอมา
ตั้งแต่เขาทั้งสองคนเป็นเพียงแค่คนรู้จักที่บ้านอยู่ตรงข้ามกัน
เปลี่ยนมาเป็นคนรู้ใจที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ ก่อนจะกลายมาเป็นคนรัก
แต่มันก็จบลงแล้ว
มยองซูกดยิ้มเยาะหยันให้ตนเองเล็กน้อยก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอีกครั้งราวกับคนหมดเรี่ยวแรงที่จะเดินต่อไป
เขาปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าออก
มยองซูกำลังเสียใจและเสียศูนย์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมซองยอลถึงจากเขาไป
ทั้งๆที่เขาทั้งสองคนไม่เคยผิดใจกัน ไม่เคยนอกใจกัน
เขาทั้งสองคนมั่นคงกับความรักเสมอมา มีเพียงกันและกัน
จนมยองซูเผลอคิดไปว่ารักนี้จะเป็นนิรันดร์ เหมือนที่ใครคนนั้นได้พูดเอาไว้
.
.
.
"นี่มยองซู" เสียงหวานใสของคนที่นั่งพิงอกเขาดังขึ้น
"เราจะรักกันไปได้นานแค่ไหนนะ"
"อืม..." คิมมยองซูได้แต่ทอดเสียงยาว
ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตบนแก้มเนียนของอีซองยอลที่หลับตาพริ้มเมื่อถูกเขาสัมผัส
"จนกว่านายจะหมดรักฉันล่ะมั้ง"
"ถ้างั้นก็ไม่มีวันนั้นน่ะสิ" ซองยอลพูดเสียงสดใส
ก่อนที่คนตัวบางจะหันมาหาเขาทั้งตัวแล้วใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาเอาไว้
"จริงเหรอ?" มยองซูแกล้งถามคล้ายกับว่าไม่เชื่อในคำพูดของอีกคน
"ไม่เชื่อซองยอลเหรอมยองซู"
คนหน้าหวานตรงหน้าทำหน้าหงอยจนมยองซูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดู
เขาจึงยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตที่กลีบปากสีสวยนั้นเพียงแผ่วเบา
"ทำไมจะไม่เชื่อล่ะครับ" มยองซูกระซิบที่ข้างหูของซองยอล
ก่อนจะรั้งร่างของอีกคนเข้ามากอดไว้แน่น "ฉันก็รักซองยอลจนไม่รู้ว่าจะหมดรักได้หรือเปล่าเหมือนกันนะ"
.
.
.
หายไปไหนแล้วล่ะคนที่พูดกับเขาแบบนั้น มยองซูได้แต่ร้องถามอยู่ในใจ
Everything that
you've ever told me, is it all a lie?
โกหกอย่างนั้นเหรอ ถ้อยคำที่บอกกับเขาเสมอมาเป็นเพียงแค่คำพูดลวงหลอกของอีกคนอย่างนั้นเหรอ
มยองซูอยากให้ตัวเองมีเวทมนตร์ เขาอยากย้อนเวลากลับไป
กลับไปยังสมัยที่เขากับซองยอลยังไม่รู้จักกัน อยากจะกลับไปแก้ไขเรื่องของวันวาน
กลับไปดูให้รู้ว่าเขาทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ
มยองซูผิดอะไร ทำไมซองยอลถึงต้องทิ้งเขาไป
.
.
.
“เราเลิกกันเถอะมยองซู” ซองยอลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
น้ำตาของซองยอลกำลังรินไหล ในขณะที่มยองซูคิดอะไรไม่ออก
ความคิดมากมายมันตีกันอยู่ในหัวของเขา มยองซูอยากเดินเข้าไปกอดซองยอลเอาไว้
ปลอบประโลมไม่ให้อีกฝ่ายต้องร้องไห้เสียใจ
แต่ในขณะเดียวกันก็อยากถามว่าทำไมถึงต้องเลิกกัน
"ท ทำไม" มยองซูเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
เขาอยากจะยิ้มแล้วถามซองยอลออกไปว่าอีกฝ่ายล้อเล่นใช่หรือเปล่า
แต่มยองซูทำไม่ได้
"เลิกกันเถอะ" ซองยอลไม่พูดอะไรนอกจากคำนั้น
ทั้งๆที่ซองยอลเป็นคนพูดคำนั้นออกมาแท้ๆ แต่ซองยอลเองก็ดูเจ็บปวด
จนมยองซูรู้สึกเจ็บตามไปด้วย
"บอกเหตุผลที่ทำให้เราเลิกกันมาก่อนสิ!"
มยองซูขึ้นเสียงใส่ซองยอลจนคนตัวบางถึงกับสะดุ้ง
ซองยอลไม่ชอบเสียงดัง แต่มยองซูก็เผลอทำเสียงดังใส่
"เลิกกันเถอะนะ"
"ทำไมล่ะซองยอล" มยองซูถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
"เรา...เรารักกันไม่ใช่เหรอ"
"เชื่อฉันเถอะนะ"
ซองยอลพูดพร้อมกับสะอื้นเสียจนไหล่ทั้งสองข้างนั้นสั่น "เลิกกับฉันเถอะ"
"ไม่.." มยองซูปฏิเสธพร้อมๆกับน้ำตาที่รินไหล
"นายไม่มีเหตุผล"
"เหตุผลของฉันก็คือเราควรเลิกกัน" ซองยอลตอบกลับมา
"แล้วทำไมเราถึงต้องเลิกกันล่ะ?" มยองซูถามกลับ
"เราก็มีความสุขกันดีไม่ใช่หรือไง ไม่มีใครขัดขวางความรักของเราไม่ใช่เหรอ
แล้วทำไมล่ะซองยอล... ทำไมเราถึงต้องเลิกกันอย่างนั้นเหรอ"
"อยากได้เหตุผลมากใช่ไหม" ซองยอลเอ่ยถามอย่างยากลำบาก
คนตัวบางดูเจ็บปวดกับการพยายามพูดเสียจนมยองซูอยากจะคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็รู้ว่าเขาทำไม่ได้
เมื่อได้ยินคำนั้นจากปากของคนที่เขารักมากที่สุด
"ฉันไม่ได้รักนายแล้ว คิมมยองซู"
.
.
.
การจะหมดรักใครสักคนมันง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ
มยองซูนึกอยากจะถามซองยอล ทั้งๆที่อีกคนไม่เคยมีท่าทีว่าจะหมดรักกัน
ไม่ได้แสดงท่าทางเบื่อหน่ายหรือเหินห่างกันไป
แต่ซองยอลกลับบอกกับเขาว่าเจ้าตัวไม่ได้รักเขาแล้ว
มันทำให้มยองซูอยากถามซองยอลเหลือเกินว่าที่ผ่านมา ที่บอกว่ารัก
ทุกคำพูด ทุกการกระทำมันเป็นเพียงการแสดงของอีกฝ่ายหรือเปล่า
แท้จริงแล้วซองยอลหมดรักมยองซูไม่นานแล้วใช่หรือเปล่า
ไม่ว่าอย่างไร มยองซูก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้จริงๆ
You walked away
and left me pains.
Of course, our
memories give me so much pain.
end.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น