Chapter: Prolouge
Pairing: Kimmyungsoo x Leesungyeol
Genre: AU, Romantic Drama
Author: khanunys
A\N: - โปสเตอร์ฟิคฉันปลูกเองเลยนะ จับมายำรวมกันมั่วไปโม๊ดดด ฟิคเรื่องนี้ดราม่ามากกว่าพชน.
- แท็กนี้ๆ #fichoax (จริงๆมันแอบซ้ำแต่แค่ไม่กี่ทวีตพอโอเคอยู่ T_T)
- ทำตัวเหมือนว่างจริงๆไม่ว่างนะกำลังจะสอบไฟนอลถ้าดองก็ให้รู้ไว้ว่าติดสอบนะเตง TT
- H O A X -
การตกหลุมรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ที่น่าแปลกก็คือทำไมคนเราถึงยอมงมงายและวนเวียนอยู่ในห้วงของความรักไม่รู้จบ
ไม่ว่ารักนั้นจะสมหวังหรือผิดหวังก็ตามที
มนุษย์โลกกลับแสวงหาความรักที่ไม่จีรังยั่งยืนอยู่ร่ำไป
จริงอยู่ที่เขาตั้งคำถามด้วยความสงสัยแบบนั้นมานานพอควร
ว่าทำไมคนเราถึงงมงายในคำว่ารักกันนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง อีซองยอลคนนี้ได้ตกหลุมรักใครบางคนโดยไม่รู้ตัว
เด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายคนหนึ่งที่ไม่สนใจเรื่องอะไรนอกจากการเรียนถูกดึงดูดสายตาของตนเองด้วยใบหน้าและรูปร่างที่ดูดีจนซองยอลไม่อาจละสายตาไปจากใครคนนั้นได้
และเด็กหนุ่มก็ได้มาทราบทีหลังว่าคนคนนั้นที่เขาบังเอิญเจอตอนกำลังเดินทางกลับบ้านนั้นคือ
คิมมยองซู
ซองยอลไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาในตอนนั้นคืออะไร
เพราะเด็กหนุ่มไม่เคยคิดสนใจอะไรให้มันมากความ
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือสายตาของซองยอลมักจะไปหยุดอยู่ที่มยองซูเสมอ จนเริ่มมีคนสงสัยและจับได้
ทุกคนเพ่งความสนใจมาที่ซองยอล เอาแต่พูดว่าเด็กเนิร์ดๆแบบเขาแอบชอบมยองซู
จนกระทั่งเรื่องราวพวกนี้ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนไปถึงหูของมยองซู
อีซองยอลอับอายจนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร
โชคดีเหลือเกินที่ในตอนนั้นคุณพ่อของซองยอลจำเป็นต้องย้ายไปทำงานที่อีกเมืองหนึ่งพอดี
ทำให้เขาต้องย้ายโรงเรียนตามพ่อไปด้วย ซองยอลดีใจ
เพราะเด็กหนุ่มคิดว่าเขาได้หันหลังให้กับเรื่องน่าอายพวกนั้น
รวมไปถึงคิมมยองซูที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
เขาได้แต่ภาวนาว่าพวกเราคงจะไม่มีทางพบเจอกันอีก
เมื่อเด็กหนุ่มได้ย้ายบ้าน
และโรงเรียนไปอยู่ที่อีกเมืองหนึ่ง ซองยอลก็ได้พบกับเพื่อนใหม่ที่โรงเรียนแห่งนั้น
และนัมอูฮยอนก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างรวดเร็ว
“ซองยอล
นายเคยมีความรักไหม” อูฮยอนเอ่ยถามเขาในวันหนึ่ง
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินทางกลับบ้านด้วยกัน
“แล้วเวลามีความรักนี่เราจะรู้สึกยังไงงั้นเหรอ”
หนุ่มน้อยอีซองยอลถามกลับ
ดวงตากลมโตที่ในตอนนี้ปราศจากแว่นกลมๆที่เขาเคยใส่เมื่อตอนที่ยังอยู่ในกรุงโซลกระพริบปริบๆมองเพื่อนสนิทด้วยความสงสัยใคร่รู้
ซึ่งท่าทางแบบนั้นก็ทำให้อูฮยอนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“หัวใจเรามักจะเต้นแรงในตอนที่เห็นคนคนนั้น
สายตาเรามักจะไปหยุดอยู่ที่เขาโดยไม่รู้ตัว ประมาณนี้ล่ะมั้ง”
คำพูดของเพื่อนตัวเล็กทำให้ซองยอลต้องหยุดชะงัก
ภาพใบหน้าของคิมมยองซูลอยเข้ามาในห้วงความคิดพร้อมๆกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
“แล้วถ้าคิดถึงใครคนหนึ่งแล้วหัวใจเต้นแรงขึ้นมาล่ะ
อูฮยอน” เด็กหนุ่มที่แสนไร้เดียงสาในเรื่องความรักเอ่ยถามเพื่อนสนิท
“คนคนนั้นคือคนที่นายรักหรือเปล่าล่ะ”
คำถามที่อูฮยอนถามกลับมาทำให้ซองยอลได้แต่ยู่ปากและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เนื่องจากเด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต นี่หรือเปล่าคือเหตุผลที่ใครต่อใครพากันล้อเขาว่า
เขาชอบมยองซู และสิ่งที่ได้ฟังจากอูฮยอนมามันก็ทำให้ซองยอลอดไม่ได้ที่จะคิดตาม
และได้รู้ว่า ตนเองคงจะรักคิมมยองซูคนนั้นจริงๆ
แต่จะมีอะไรสำคัญอย่างนั้นหรือ
ในเมื่อตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับคนคนนั้นมากพอที่จะมองเห็นได้บ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน
อีกหน่อยซองยอลก็คงจะเลิกรักและลืมมยองซูไปได้เองนั่นแหละ
-
H
O A X -
เมื่อตอนม.ปลาย
อีซองยอลได้คิดเอาไว้ว่า เขาคงจะลืมคิมมยองซูคนที่เป็นรักแรก
และรักเพียงครั้งเดียวของเขาได้เพราะระยะทางที่ไกลกัน
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่เป็นไปตามนั้นเลย
สายตาของเขาจับจ้องไปที่คนคนนั้นตั้งแต่วินาทีแรกที่อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในระยะการมองเห็น
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็วขึ้นจนซองยอลนึกกลัวว่าคนรอบข้างจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่งนี้
มือเรียวสวยคว้ามือเล็กของอูฮยอนที่สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกันและมาเข้าพิธีปฐมนิเทศพร้อมๆกับเขาด้วยความตื่นตระหนก
ซองยอลกลัวเหลือเกินว่ามยองซูและคนที่มาจากโรงเรียนเก่าของเขาจะจำเขาได้
และหยิบยกเรื่องราวน่าอายพวกนั้นมาล้อเลียนเขาอีก
ถึงแม้ว่าในตอนนี้เด็กหนุ่มจะไม่ได้เป็นเด็กเนิร์ดที่ใส่แว่นหนาเตอะแบบตอนนั้นแล้วก็ตาม
แต่ซองยอลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
มือเรียวสวยสั่นเทาจนอูฮยอนต้องหันมามองด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรซองยอล
ตื่นเต้นเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กทำให้ซองยอลต้องรีบหันไปส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ
ทั้งๆที่เด็กหนุ่มก็ยังไม่รู้ว่าเขาควรตอบคำถามนั้นของอูฮยอนอย่างไรดี
ดวงตากลมโตคอยเหลือบมองไปยังบริเวณที่มยองซูยืนอยู่หลายต่อหลายครั้ง
จนซองยอลนึกอยากจะหาผ้ามาปิดตาของตนเองไว้ไม่ให้หันไปมองคนคนนั้นอีก
และเพราะการกลับมาเจอกันในครั้งนี้มันทำให้ซองยอลได้รู้ว่า
หัวใจของเขายังคงมีเจ้าของอยู่เพียงคนเดียว เจ้าของที่ไม่เคยรับรู้ถึงตัวตนของเขา
ไม่เคยรับรู้ว่าคนคนนี้รักเจ้าตัวมานานแค่ไหน
และคิมมยองซูก็จะยังคงไม่อาจล่วงรู้ได้ว่ามีใครคนหนึ่งที่รักเจ้าตัวมากมายขนาดไหนกำลังยืนอยู่ตรงนี้
เพราะอีซองยอลจะไปเปิดเผยความรู้สึกของตนเองออกไปให้อีกคนได้รับรู้
ไม่ว่าจะในตอนนี้
หรือตอนไหนก็ตาม
-
H
O A X -
อีซองยอลไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะเป็นคนที่มั่นคงในความรักจนน่ากลัวขนาดนี้
เขาเริ่มรู้สึกรักคนคนนั้นตอนกำลังจะขึ้นม.ปลายปีสอง
ถึงแม้จะไม่รู้ตัวก็ตามทีว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร และพอขึ้นม.ปลายปีสอง
ซองยอลก็ย้ายโรงเรียน และไม่ได้พบเจอกับคิมมยองซูอีกเลย ทว่าถึงจะไม่ได้เจอกันนานพอสมควร
แต่หัวใจของเขามันก็ยังมีแต่คิมมยองซูวนเวียนอยู่แบบนั้น
เด็กหนุ่มมักจะเผลอคิดถึงมยองซูในยามที่ตนเองเผลอ
และทุกครั้งที่คิดถึงมันก็จะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดไปด้วย
จนกระทั่งซองยอลสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในโซลได้พร้อมกับเพื่อนสนิท
– นัมอูฮยอน – และที่นั่นทำให้อีซองยอลได้พบกับคิมมยองซูอีกครั้ง
คนหน้าหล่อคนนั้นแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว
มยองซูยังคงเป็นคนที่ทำให้ทุกคนสนใจได้เหมือนเดิม
และซองยอลก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน พวกเขาเรียนคณะเดียวกัน เพียงแต่คนละสาขา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นซองยอลก็ยังได้พบกับมยองซูอยู่บ่อยครั้งในชั้นเรียนรวม
พวกเขามักจะลงทะเบียนเรียนกลุ่มเรียนเดียวกันเสมอจนน่าตกใจ
แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือหัวใจของเขาที่มันเต้นรัวทุกครั้งที่ได้เจอมยองซู
จนกระทั่งวันหนึ่งความรักลับๆในหัวใจของเขาก็ถูกเปิดเผยออกให้นัมอูฮยอนได้รับรู้
“ซองยอล
นายชอบมยองซูใช่ไหม” อูฮยอนถามเขาในขณะที่ทั้งสองคนเตรียมตัวจะเข้านอน
เพราะเพื่อนตัวเล็กคนนี้อยู่ใกล้กับเขามากกว่าใคร
ฉะนั้นซองยอลจึงไม่แปลกใจเลยที่อูฮยอนล่วงรู้ถึงความรู้สึกของเขาแบบนี้
คำตอบของคำถามนั้นซองยอลจึงทำได้เพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
แนวฟันขาวขบลงบนกลีบปากอิ่มเพราะเจ้าของมันกำลังลังเลว่าควรจะตอบคำถามนี้ดีหรือไม่
“ม.ปลายปีหนึ่ง”
ซองยอลอ้อมแอ้มตอบก่อนจะก้มหน้างุดจนคางแทบชิดอก
อูฮยอนได้แต่ถอนหายใจให้กับคำตอบและท่าทางของอีซองยอล คนตัวเล็กไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ทำไมคนน่ารักแบบอีซองยอลถึงได้ปฏิเสธคนที่เข้ามาจีบตลอด
และไม่เคยสนใจที่จะมองหาความรักแบบคนอื่นๆ
เพราะความรักของอีซองยอลนั้นหยุดอยู่ที่คิมมยองซูนั่นเอง
“แล้วจะทำยังไง
แอบชอบต่อไปแบบนี้เหรอ” อูฮยอนถาม
“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซองยอล
“ไม่เห็นจำเป็นเลยนี่นาที่มยองซูจะต้องมารับรู้ความรู้สึกของฉันน่ะ”
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป
นายจะไม่เจ็บปวดเหรอ”
ที่ถามแบบนั้นเพราะอูฮยอนรู้ดีว่าคิมมยองซูน่ะเจ้าชู้ขนาดนั้นไหน
ขนาดเข้ามหาวิทยาลัยมาได้ไม่ถึงปี นัมอูฮยอนยังได้ยินข่าวคราวที่ว่าคิมมยองซูเปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าจนแทบจะนับจำนวนไม่ได้อยู่แล้ว
เขาผู้ซึ่งไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรยังรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ในที
แล้วอีซองยอลเล่า
อีซองยอลที่หลงรักคิมมยองซูมาโดยตลอด
“ต่อให้เจ็บปวดก็ไม่เป็นไร”
ทั้งใบหน้าและแววตา รวมไปถึงน้ำเสียงของซองยอลในวันนี้คงจะเป็นสิ่งที่อูฮยอนไม่อาจลืมเลือนไปได้แม้แต่เสี้ยววินาที
เพราะมันเป็นใหน้าของคนที่มั่นคงในความรัก
แววตาที่ผสมปนเปไประหว่างความรักที่เปี่ยมล้นและความเศร้าเสียใจนั้นช่างดูสวยงามจับตา
อีกทั้งน้ำเสียงที่เจ้าตัวใช้พูดออกมานั้นก็ไม่ได้มีความโกรธเคืองเจือปนอยู่แม้แต่นิดเดียว
“ความรักของฉันไม่ใช่การครอบครองหรอกนะอูฮยอนอา
ความรักของฉันคือการได้มองเห็นเขามีความสุขต่างหาก”
ณ
วินาทีนั้น นัมอูฮยอนได้แต่เฝ้าคิดว่า ความรักของอีซองยอลนั้นยิ่งใหญ่กว่าใคร
-
H
O A X -
โลกใบนี้นั้นกลมนัก
ใครกันที่เป็นคนคิดค้นวลีนี้ขึ้นมากันนะ
ซองยอลได้แต่เฝ้าตั้งคำถามนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะในทุกครั้งที่คนหน้าหวานที่ในตอนนี้เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มมาเป็นชายหนุ่มเต็มตัวได้หมายมั่นไว้ในใจว่านับแต่นี้ต่อไป
อีซองยอลคงไม่มีโอกาสได้พบเจอกับคิมมยองซูอีก
แล้วความรักที่ตราตรึงอยู่ในใจก็คงจะจางหายไปสักวัน
ทว่าสวรรค์กลับเอาแต่กลั่นแกล้งให้เขาต้องกลับมาพบกับคิมมยองซูครั้งแล้วครั้งเล่า
ในตอนนี้อีซองยอลเรียนจบระดับอุดมศึกษาเรียบร้อยแล้ว
และชายหนุ่มก็ได้ใช้เวลากว่าสองปีไปกับการเดินทางท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ
ก่อนจะกลับมาทำงานที่บริษัทของครอบครัว แต่ซองยอลได้ยื่นข้อเสนอกับผู้ให้กำเนิดเอาไว้ว่าเขาขอเริ่มงานในตำแหน่งเล็กๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนที่จะขึ้นไปสู่ตำแหน่งรองประธานฯ
ที่พ่อของเขาพร้อมจะมอบให้เสียก่อน และเพราะข้อเสนอนั้นของซองยอล
มันทำให้เขาได้กลับมาพบกับคิมมยองซูอีกครั้ง
ไม่ใช่ในฐานะคนที่เรียนที่สถาบันเดียวกัน
หรือคนที่เดินสวนกันไปมา แต่เป็นฐานะหัวหน้าแผนก และลูกน้อง
“ตั้งแต่วันนี้คุณซองยอลจะมาทำงานในทีมนี้นะครับ”
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอ่ยแนะนำซองยอลที่เพิ่งเข้ามาทำงานในวันนี้เป็นวันแรก
ในขณะที่เจ้าของชื่อได้แต่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาที่จ้องมองอย่างตรงไปตรงมาของคิมมยองซู
หัวใจดวงน้อยที่ซ่อนอยู่ภายในเต้นระรัวจนน่าตกใจ
ทั้งๆที่ในทุกครั้งที่ได้เจอมยองซู ซองยอลก็มักจะมีอาการแบบนี้ตลอดแท้ๆ
แต่ทำไมชายหนุ่มหน้าหวานกลับไม่รู้สึกเคยชินกับมันเสียที
“สวัสดีครับ
อีซองยอลครับ” เสียงหวานใสเปล่งออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม สะกดให้พนักงานภายในแผนกจัดซื้อต้องหันมาให้ความสนใจพนักงานใหม่คนนี้
ใบหน้าหวานนั้นประดับด้วยรอยยิ้มกว้างที่แสนจริงใจและสดใส
ดวงตากลมโตที่หยีลงอย่างน่ารัก
แก้มอิ่มอวบอูมที่ดันตัวขึ้นนั้นทำให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างอีซองยอลได้ใจคนแผนกไปหลายต่อหลายคน
ซึ่งภาพเหล่านั้นก็อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งตลอดเวลา...
คิมมยองซู
-
H
O A X -
ขาเรียวยาวก้าวเดินเข้าไปในผับแห่งหนึ่งหลังจากที่เลิกงานแล้วคนในแผนกต่างพากันมารุมล้อมที่โต๊ะของซองยอลแล้วบอกว่าวันนี้
‘หัวหน้า’ จะพาไปเลี้ยงต้อนรับ
คนหน้าหวานกัดปากของตัวเองด้วยความหนักใจ ถึงแม้ซองยอลจะเคยคิดว่าสักวันเขาคงจะลืมอีกคนได้
และการเผชิญหน้ากับคิมมยองซูคงไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไร
แต่พอเอาเข้าจริง
แค่ซองยอลเห็นว่าคนคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า
หัวใจของเขาก็สั่นไหวจนเขากลัวว่าคนอื่นๆจะล่วงรู้ความในใจของเขาเข้าเสียก่อน
“ซองยอล
มานั่งๆ” เสียงของนัมอูฮยอนเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่แผนกเดียวกันมาก่อนหน้าเขาได้พักหนึ่งดังขึ้น
ซองยอลได้แต่คิดว่ามันเป็นความโชคดีของเขาที่ได้มาทำงานร่วมกับอูฮยอนเหมือนตอนสมัยเรียน
เพราะอย่างน้อยในยามที่อีซองยอลคนนี้รู้สึกอ่อนแอ
นัมอูฮยอนก็พร้อมที่จะเป็นเกราะป้องกันให้กับเขาเสมอ
“อูฮยอนอา
ฉันไม่ชอบที่แบบนี้เลยอ่ะ”
ริมฝีปากสีชมพูสดยู่เข้าหากันพร้อมกับกระซิบเบาๆให้เพื่อนของตนเท่านั้นได้ยิน
ถึงแม้คุณพ่อและคุณแม่จะตามใจซองยอล
และให้อิสระกับเขามากแค่ไหนก็ตาม
แต่สถานที่อโคจรเช่นนี้ซองยอลก็ไม่ชอบที่จะเข้ามาเท่าไรนัก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเข้าหรอกนะ
ซองยอลต้องเคยเข้ามันแน่อยู่แล้ว เขาอายุ 25 ปีแล้ว
ซองยอลโตพอที่จะรู้ว่าโลกภายรอบตัวของเขามันเป็นอย่างไร และอันตรายขนาดไหน
“ทนนั่งอยู่ที่นี่หน่อยนะ
อย่างน้อยก็ไม่ให้เสียน้ำใจพี่ๆในแผนก”
นัมอูฮยอนพูดพลางยกมือขึ้นมาลูบกลุ่มผมนุ่มของซองยอลเบาๆ ก่อนที่ดวงตาเรียวรีจะเหลือมองไปทางหัวโต๊ะที่เขารู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่พักหนึ่งแล้ว
คนตัวเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันแทบจะในทันทีที่เห็นว่าดวงตาคู่คมของคิมมยองซูกำลังจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าของอีซองยอลอย่างไม่วางตา
จนอูฮยอนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงคนตัวบางข้างกายขึ้นมา
ชายหนุ่มรีบหันหน้ากลับมามองคนข้างกาย
ก่อนที่จะออกแรงดึงให้ซองยอลขยับเข้าไปชิดกับพนักพิงของโซฟาที่เขานั่งอยู่มากขึ้น
และพยายามขยับตัวให้ได้นั่งในท่าที่สามารถบดบังอีซองยอลจากสายตาของคิมมยองซูได้
เพราะเขารู้ดีว่ามยองซูเจ้าชู้ขนาดไหน
ตลอดเวลาที่เรียนอยู่ในคณะเดียวกันมานั้น
อูฮยอนสนใจเรื่องราวของคิมมยองซูเป็นอย่างมากเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขานั้นหลงรักคนคนนั้นมากขนาดไหน
รักเสียจนอูฮยอนมั่นใจได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามว่าตลอดทั้งชีวิตนี้
หากอีซองยอลคิดจะลืมเลือนความรักที่เจ้าตัวมีให้กับคิมมยองซูมันคงต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
ซึ่งเพราะความสนใจเหล่านั้นมันทำให้อูฮยอนรับรู้ถึงความเจ้าชู้ของคิมมยองซูทั้งในสมัยเรียน
และทำงาน แน่นอนว่านิสัยพวกนี้มันคงยากที่จะรักษาให้หาย
และอีกสิ่งหนึ่งที่อูฮยอนคิดมาตลอดก็คือ
คิมมยองซูไม่คู่ควรกับความรักของซองยอลแม้แต่นิดเดียว
“ดื่มหน่อยสิซองยอล
เป็นตัวเด่นของงานแต่ดันมานั่งเงียบๆแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
น้ำเสียงสดใสของรุ่นพี่ภายในแผนกทำให้นัมอูฮยอนหลุดออกจากภวังค์
ดวงตาเรียวรีเหลือบขึ้นมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของจางดงอู
ก่อนจะเตรียมหันไปออกปากห้ามไม่ให้ซองยอลที่รับแก้วเครื่องดื่มมึนเมาจากดงอูมาดื่ม
หากแต่การกระทำของเขามันช้าไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
“เฮ้ย
ซองยอล หยุด!”
เสียงตะโกนของอูฮยอนดังก้องไปทั่วบริเวณ
จนคนหน้าหวานที่ยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มต้องลดแก้วลงแล้วมองอูฮยอนด้วยดวงตาหวานเยิ้ม
อีซองยอลแพ้แอลกอฮอล์
แค่จิบเดียวก็เมาคอพับคออ่อนแล้ว
แต่นี่เจ้าตัวดื่มค็อกเทลเข้าไปเกือบทั้งแก้วจนอูฮยอนได้แต่ยกมือขึ้นมากุมขยับ
เพราะอยู่ด้วยกันมาตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย
นัมอูฮยอนจึงรู้ดีว่าอีซองยอลนั้นดื้อแค่ไหนหากเจ้าตัวเมาขึ้นมา
“กลับคอนโดเดี๋ยวนี้เลย
ลุก!” อูฮยอนร้องบอกเพื่อนหน้าหวานพร้อมกับกระวีกระวาดหยิบกระเป๋าของตัวเองและซองยอลขึ้นมาสะพายเอาไว้
แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทั้งๆที่ตัวของเขาก็ไม่ได้ใหญ่อะไรโอบรอบเอวเล็กของซองยอลแล้วลากอีกคนออกจากผับอย่างทุลักทุเล
“เดี๋ยวฉันช่วย”
เสียงทุ้มของหัวหน้าแผนกดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวคว้าแขนข้างที่ตกอยู่ข้างตัวของซองยอลขึ้นไปคล้องคอของตัวเองเอาไว้
“ขอบคุณครับ
หัวหน้า” คนตัวเล็กตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามปกตินับตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา
“กลับกันยังไง
ให้ฉันไปส่งไหม” มยองซูเอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองหน้าอูฮยอนที่อยู่อีกฝั่งของซองยอล
กลิ่นหอมอ่อนๆที่ทำให้เขาเคลิบเคลิ้มลอยออกมาจากตัวของพนักงานใหม่อย่างอีซองยอลทำให้คิมมยองซูต้องลอบยิ้มด้วยความชอบใจ
คนหน้าหล่อแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเองเพื่อยับยั้งความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเริ่มก่อตัวอย่างเงียบงัน
“เดี๋ยวผมขับรถไปส่งเพื่อนของผมเองครับ”
นัมอูฮยอนจงใจเน้นคำที่เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ
จนคิมมยองซูต้องส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ
สายตาของเขาไม่เคยผิดพลาดจริงๆเสียด้วย
ตั้งแต่ตอนที่อยู่ออฟฟิศแล้ว
มยองซูสังเกตว่าอูฮยอนดูจะใส่ใจซองยอลมากจนดูน่าแปลกใจ ยิ่งตอนที่อีกคนเห็นว่าเขาแอบมองซองยอลอยู่แล้วพยายามซ่อนคนหน้าหวานเอาไว้จากสายตาเขานั่นอีก
มันทำให้เขามั่นใจว่านัมอูฮยอนไม่ได้คิดกับอีซองยอลแค่เพื่อนอย่างแน่นอน
“งั้นเหรอ
ถ้าอย่างนั้นก็กลับดีๆก็แล้วกันนะ”
มยองซูพูดพร้อมกับปล่อยแขนของซองยอลออกจากลำคอของตัวเองหลังจากที่เดินมาส่งอูฮยอนถึงที่รถ
“ครับ
ขอบคุณที่ช่วยเหลือครับหัวหน้า” อูฮยอนตอบกลับเรียบๆ
ก่อนจะจัดท่าทางให้ซองยอลนั่งบนเบาะรถสบายๆ
คิมมยองซูได้แต่ยกยิ้มมุมปากให้กับภาพที่เห็น
จากนั้นคนหน้าหล่อจึงค่อยๆหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าไปภายในร้านตามเดิม ในขณะที่ภายในหัวใจก็เกิดแผนบางอย่างขึ้นมา
ไม่บ่อยนักที่มยองซูจะถูกใจใครสักคนตั้งแต่แรกเห็น
และยิ่งใครคนนั้นมีคนบางคนหวงก้างอยู่แบบนี้ คิมมยองซูก็ยิ่งสนใจ
.
.
.
“อูฮยอนอา...”
เสียงหวานที่ดังขึ้นอย่างอูอี้เพราะเจ้าของเสียงไม่ได้เปิดปากเพื่อเอื้อนเอ่ยให้เจ้าของชื่อได้ยินอย่างชัดเจน
“ว่าไง”
อูฮยอนตอบกลับไป ก่อนที่คำตอบที่ได้รับมันจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดไปทั้งดวง
“ทำไมฉันถึงรักคิมมยองซูขนาดนี้นะ...”
นั่นสิ
ทำไมฉันถึงรักนายขนาดนี้นะ อีซองยอล
คำพูดที่นัมอูฮยอนทำได้เพียงเอ่ยถามอยู่ภายในใจ
TBC.