วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560

[OS] Versace on the floor ∞ myungyeol

Title : Versace on the floor
Pairing : kimmyungsoo/leesungyeol
Genre : AU, Romantic, Sexy
Author : khanunys
A\N : - theme song
        - talking with me at the end of story








Let’s take our time tonight, boy. Above us all the stars are watchin’.
There’s no place I’d rather be in this world, your eyes are where I’m lost in




คิมมยองซูเคยสงสัย ว่าจะมีผู้ชายคนไหนที่สวยงามราวกับเจ้าหญิงในยามที่แต่งกายด้วยชุดราตรีสุดเรียบหรูที่มีทั้งความอ่อนหวานและเซ็กซี่ในเวลาเดียวกันเหมือนดังที่ในบางครั้งนิยายหรือหนังสือบางเล่มก็บรรยายลักษณะของบุรุษเพศไว้เช่นนั้น มยองซูสงสัยมาโดยตลอดว่าผู้ชายที่งดงามได้ถึงขนาดนั้นจะมีอยู่จริงหรือ

จนกระทั่งในคืนนี้

ในวินาทีที่เขาเห็นอีซองยอลเดินเยื้องย่างลงมาจากรถลีมูซีนคันหรู

สวยสดงดงาม สูงสง่า ดูหยิ่งทะนงและอ่อนหวานในเวลาเดียวกันคือคำบรรยายที่เขาคิดขึ้นมาได้ในตอนที่หยุดสายตาไว้ที่คนคนนั้น คนที่เขาจะได้เป็นเจ้าของในค่ำคืนนี้

ไม่สิ... คิมมยองซูน่ะหรือจะอาจหาญเป็นเจ้าของอีซองยอล

น่าจะเป็นอีซองยอลเสียมากกว่าที่จะสามารถบีบหรือคลายมือที่กำหัวใจของคิมมยองซูได้




Underneath the chandelier, we’re dancin’ all alone.
There’s no reason to hide what we’re feelin’ inside, right now




อาจจะเป็นโชคดีของคิมมยองซู ที่อย่างน้อยคู่เต้นรำคนสวยของเขาในค่ำคืนนี้ก็ยังปรานีเขาอยู่บ้าง อีกฝ่ายถึงได้ใส่รองเท้าไม่มีส้นมาให้เขาสามารถยืนเคียงข้างอีกฝ่ายได้โดยไม่นึกอายเท่าไรนัก เนื่องจากส่วนสูงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในระดับหนึ่ง ดังนั้นเมื่ออีซองยอลใส่รองเท้าไม่มีส้น แต่รองเท้าของมยองซูนั้นเสริมส้นขึ้นมาจากเดิมนิดหน่อย ทำให้เขาและคนหน้าหวานตัวเท่ากันไปโดยปริยาย

“ไม่คิดว่านายจะยอมใส่ชุดราตรีมาจริง ๆ” ชายหนุ่มเจ้าของเครื่องหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสุดเนี้ยบเอ่ยถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งคู่

หากแต่คู่สนทนาของเขาปรายตามองมาที่เขาเพียงนิดก่อนจะเหลือบตามองไปทั่วบริเวณยกเว้นใบหน้าของเขาอย่างลองเชิง คิมมยองซูรู้จักอีซองยอลมาทั้งชีวิตของเขา เช่นเดียวกับที่ฝ่ายนั้นก็รู้จักเขามาทั้งชีวิตเช่นกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยถ้าหากอีซองยอลจะรู้จักวิธีการยั่วอารมณ์ของเขาโดนการเมินเฉยเช่นนี้

“ฉันคิดว่านายรู้ ว่าผลลัพธ์ของการเมินฉันคืออะไร อีซองยอล” คิมมยองซูยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูในจังหวะที่ต้องรวบเอวของอีซองยอลเข้ามา ชายหนุ่มอาศัยจังหวะนั้นในการแอบกดริมฝีปากลงบนแอ่งชีพจรของอีซองยอลอย่างยั่วเย้า

หากอีซองยอลรู้จักวิธีการยั่วยุคิมมยองซูแล้วไซร้ เหตุคิมมยองซูจึงจะไม่รู้จักจุดอ่อนบนร่างกายของอีซองยอลกันเล่า

“คุณแม่บุกมาตั้งแต่ฉันยังไม่ตื่น ท่านบอกว่าอยากให้ฉันกับนายเต้นรำกันในสภาพที่จะไม่มีใครต่อว่าได้” อีซองยอลพูด ก่อนจะแค่นเสียง เฮอะ ในลำคอ ที่ถ้าหากคุณนายอีผู้เป็นมารดาได้ยินแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายคงไม่แคล้วถูกหยิกจนเนื้อเขียว แต่เพราะนี่คือคิมมยองซู เขาจึงทำเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะเคล้าคลอไปกับความปั้นปึ่งของอีซองยอลเท่านั้น

ดวงตาคู่คมจับจ้องไปยังใบหน้าที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางมาอย่างดี ไล่ลงมาจนถึงลำคอระหงส์และไหล่เปลือยเปล่าที่โผล่พ้นเนื้อผ้าออกมา คิมมยองซูแลบลิ้มออกมาเลียริมฝีปากอย่างอดไม่ได้ และมันเป็นเวลาเดียวกันกับที่อีซองยอลหันหน้ากลับมามองเขาพอดี

ตาสบตา ก่อนที่หัวใจจะเต้นอย่างรุนแรงขึ้นมา ในวินาทีที่สังเกตเห็นประกายของความต้องการบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ภายใน

“ถ้าเราออกจากงานเลี้ยงตอนนี้จะไม่น่าเกลียดใช่ไหม” เสียงหวานที่ติดแหบเอ่ยถามขึ้นมาให้มยองซูต้องยกยิ้ม

“ไม่หรอก” เขาตอบกลับไปแบบนั้น ก่อนจะจูงมือซองยอลออกมาจากห้องจัดงานเลี้ยงของโรงแรมหรู ขาเรียวยาวสองคู่เดินตรงไปที่ลิฟท์ ก่อนที่มยองซูจะเป็นฝ่ายกดหมายเลขชั้นที่เขาได้ทำการจองห้องพักสำรองเอาไว้ เพราะเขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีทางจะอดทนต่อความเย้ายวนของอีซองยอลได้ไหว

และแน่นอนว่าความคิดนั้นมันเป็นความจริง




I unzip the back to watch it fall while I kiss your neck and shoulders.
No, don’t be afraid to show it off, I’ll be right here ready to hold you.




บานประตูของห้องสวีทภายในโรงแรมหรูถูกปิดลง พร้อม ๆ กันกับที่อีซองยอลถูกดันจนแผ่นหลังแนบไปกับกำแพงข้างประตู ริมฝีปากอิ่มที่ถูกเคลือบเอาไว้ด้วยลิปสติกสีหวานอ้าออกเพื่อตอบรับรสชาติที่ถูกป้อนโดยอวัยวะเดียวกันจากผู้ชายตรงหน้าที่กำลังมอมเมาเขาเหมือนกับทุกที

เชิดคอขึ้นอย่างลืมอายยามที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของคิมมยองซูบรรจงบดจูบลงบนลำคอไล่ไปยังหัวไหล่ ส่งเสียงครวญครางที่ไม่สามารถต้านทานได้ออกมาอย่างเหลืออด จนใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำชวนมองสำหรับผู้รังแก ในขณะที่อีซองยอลนั้นได้แต่นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ ยามที่ร่างกายเริ่มสั่นสะท้ายเพราะชุดราตรีที่สวมใส่อยู่นั้นถูกปลดซิปและค่อย ๆ หล่นไปกองอยู่บนพื้น




Boy, you know you’re perfect from your head down to your heels.
Don’t be confused by my smile ‘cause I ain’t ever been more for real,




อีซองยอลอาจจะไม่รู้ ว่าเรือนร่างของตัวเองนั้นชวนให้เขาสติแตกขนาดไหน

คิมมยองซูคิดในขณะที่กวาดตามองร่างกายขาดผุดผาดที่เหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วปิดบังร่างกายส่วนที่เขาปรารถนาจะแตะต้องเอาไว้ ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง จากนั้นจึงยกยิ้มอย่างพออกพอใจ โดยเฉพาะในตอนที่ดวงตากลมโตที่ปรือมองมาอย่างยั่วยวนพร้อมกับโมโหในทีนั้นจับจ้องมาที่เขา

“ยิ้มอะไร” อีซองยอลคงไม่รู้ว่าเสียของตัวเองสั่นพร่าจนไร้ความน่ากลัวขนาดไหน

“นายสวย” มยองซูตอบกลับไป แขนแกร่งรั้วร่างสูงทว่าผอมบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ออกแรงยกอีกฝ่ายแล้วเดินตรงไปยังเตียงกว้าง ทิ้งให้ชุดราตรีสวยหรูที่เขาชื่นชอบนักกองอยู่บนพื้นตรงนั้นอย่างไม่ไยดี




So baby let’s just turn down the lights, and close the door.
Oooh, I love that dress, but you won’t need it anymore.
No, you won’t need it no more. Let’s just kiss ’til we’re naked, baby.
Versace on the floor




“จริง ๆ ฉันก็ชอบชุดนั้นนะ” คิมมยองซูว่าในขณะที่เลื่อนมือไปตามเรือนร่างของอีซองยอลที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่างเขา มือหนาแตะเน้นย้ำในบางจุดที่เขารู้ดียิ่งกว่าเจ้าของร่างกายเสียอีกว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายอ่อนระทวยได้มากน้อยแค่ไหน ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะในลำคอ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ ยามประทับจูบลงบนผิวขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อของอีซองยอล

“เพียงแต่ฉันชอบนายตอนที่ไม่ใส่อะไรมากกว่า”




It’s warmin’ up. Can you feel it, baby?
Oh, seems like you’re ready for more, let’s just kiss ’til we’re naked.




เรียวขายาวสวยของอีซองยอลถูกแยกออกกว้างโดยมีคิมมยองซูแทรกอยู่ตรงนั้น ใบหน้าหวานของซองยอลแดงระเรื่อน่ามอง เช่นเดียวกับริมฝีปากอิ่มที่แดงช้ำ และดวงตากลมโตที่ฉ่ำน้ำซึ่งปรือมองอย่างยวนใจคิมมยองซู

อีซองยอลในตอนนี้งดงามกว่าตอนไหนทั้งนั้น

ปลายนิ้วของคิมมยองซูแตะตรงทางเข้าอย่างยั่วเย้าจนอีซองยอลสั่นเกร็งทั่วร่าง ช่องทางที่ถูกเตรียมพร้อมไว้ก่อนหน้านี้ขมิบเกร็งจนแทบจะดูดนิ้วซุกซนของมยองซูเข้าไป ชายหนุ่มหน้าหล่อกัดฟันแน่น ยามที่ตนเองถูกกลั่นแกล้งกลับทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายคิดจะแกล้งเขาแท้ ๆ

อุปกรณ์ป้องกันถูกแกะออกจากซองฟอยด์ และถูกสวมใส่บนร่างกายที่แข็งขืนอย่างเร่งรีบ ร่างกายที่ร้อนผ่าวทั้งของเขาและอีซองยอลมันทนรับความยั่วเย้าอะไรไม่ไหวอีกแล้ว

หากคิมมยองซูอยากที่จะบุกรุกเข้าไปซุกซบอยู่ภายในร่างกายของอีซองยอล

อีซองยอลเองก็ต้องการการเติมเต็มจากเขาไม่ต่างกัน

ฉะนั้น มยองซูจะไม่รอช้าอีกต่อไป

จุดศูนย์กลางของร่างกายที่แข็งขืนรุกคืบเข้าไปในร่างกายของอีซองยอลที่ถูกเตรียมพร้อม และเคยชินกับสัมผัสของเขาอย่างไม่ลังเล ก่อนที่มยองซูจะขยับสะโพกเข้าออกเรียกเสียงครวญครางชวนฟังของอีซองยอลซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตาคมสวยจ้องมองใบหน้าหวานของอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ในเดียวกันก็ยื่นใบหน้าเข้าไปป้อนจูบให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้เบื่อ

การขยับกายเข้าออกนั้นรุนแรงขึ้นอยู่ทุกขณะ สะโพกสอบเคลื่อนเข้าออกอย่างรวดเร็วยาวรู้สึกได้ว่าปลายทางใกล้จะมาถึง ต่างจากอีซองยอลที่ถูกเขากอบกุมเอาไว้ ขยับข้อมือจนความสุขล้นของอีกฝ่ายสาดกระเซ็นออกมา คนหน้าหวานนอนหอบหายใจในขณะที่ร่างกายยังคงโยกคลอนไปตามแรงกระทั้นจากเขา มยองซูขบกรามแน่นในขณะที่ถอดกายออกมาจากร่างของคนรัก ดึงอุปกรณ์ป้องก้อนทิ้งไป จากนั้นจึงใช้มือกอบกุมแกนกายของตัวเอง ชักนำมันจนกระทั่งจุดหมายปลายทางมาถึงจนเปรอะไปทั่วบริเวณทางรักของอีซองยอล

“เฮอะ ทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากไม่ใส่ถุงยางหรอก” อีซองยอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดดุให้มยองซูยกยิ้ม ก่อนที่คนหน้าหวานที่นอนหมดแรงจะออกปากสั่ง

“ไปหยิบชุดมาให้หน่อย จะแต่งตัวกลับบ้านแล้ว”

“กองมันไว้ตรงนั้นแหละ” ทว่ามยองซูเถียงกลับไปในทันที

“ฉันไม่คิดจะให้นายออกจากห้องนี้ไปหรอกนะ คืนนี้”

และนั่นคือสิ่งที่คิมมยองซูต้องการ


Versace on the floor


talk;
หลังจากที่อยากเขียนมาตั้งแต่ฟังคุณหลวงผลิตร้องเพลงนี้ครั้งแรก ในที่สุดนางก็คลอดแล้วค่าาา /ปรบมือ
มันอาจจะไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่พยายามมากแล้วจริง ๆ นะ อยากเขียนให้มันสวย ๆ ให้ดูเซ็กซี่ แต่ได้แค่นี้อ่ะ ขอโทษในการไร้ความสามารถของเราด้วยนะคะ TvT
ในส่วนของฟิคที่ดอง ๆ ไว้นั้น.... ก็ดองอ่ะค่ะ ดองคือดอง ดองคือไม่ลง บางเรื่องคือไม่ได้เขียนต่อ แฮ่ สารภาพและยอมรับทุกความผิดเลยค่ะ อืม มีความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างคือ 30 days drabble : to be yours จะถูกลบออกทั้งหมดเพราะจะเอาไปรวมเป็นบทความในเด็กดีเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านนะคะ เนื่องจากคิดไว้ว่าหลังจากที่ to be yours ครบ 30 วันก็จะเขียนเรื่องอื่นต่อ คงคอนเซ็ปต์เดิม ใช้บทความเดิมเพิ่มเติมคือคนละเรื่องค่ะ
อีกอย่าง ถ้าติดตามชีวิตส่วนตัวของเราด้วย จะเห็นว่าเราเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ซึ่งมันคืออีกหนึ่งปัญหาของเราค่ะ เรายังจัดระเบียบชีวิตเหมือนที่เคยทำได้ไม่ได้ อะไรหลาย ๆ อย่างจึงไม่เป็นแบบที่เราต้องการ และเมื่อรู้ตัวอีกทีเราก็ขี้เกียจเกินกว่าจะขุดตัวเองมาเขียนฟิคแล้วค่ะ (ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเราเขียนคลายเครียดแท้ ๆ ทุกวันนี้ต้องไปพึ่งเกมเป็นการคลายเครียดแทนแล้ว TT)

ย้ำอีกครั้งว่าตอนนี้มีแอคเคานท์ทวิตเตอร์เพื่อฟิคชั่นโดยเฉพาะ นั่นก็คือ @khanunysfic ค่ะ ฟอลไว้เลยนะ เพราะแอคหลักจะไม่อัพเดตฟิคให้แล้วคับ
อืม และสำหรับคนที่อยากพูดคุยกับเราแต่ไม่กล้า(มีหลายคนบอกมางี้นี่ก็งงว่ากลัวอะไรกันเหมือนกันค่ะ) มี ask.fm มานำเสนอ ถามได้ทุกเรื่อง อยากถามอะไรถาม ตอบได้จะตอบ ซึ่งส่วนใหญ่คิดว่าตอบได้เพราะเราเป็นอับดุลค่ะ lol ทั้งนี้คำนึงถึงมารยาทด้วยนะคะ จะมาก่อกวนแบบไม่น่ารักเราก็ไม่น่ารักตอบนะ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณและรักเหมือนเดิมค่ะ

2 ความคิดเห็น: